บทที่ 1 โรคร้าย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยพ่อฉันด้วย ช่วยด้วย ช่วยพ่อฉันด้วย พี่เดช พี่เดช ช่วยพ่อด้วย ช่วยพ่อด้วย ช่วยด้วย”
เสียงร้องตะโกนออกมาจากบ้านไม้ ใต้ถุนสูง ตัวบ้านเป็นไม้เก่าคร่ำ หลังคามุงด้วยหญ้าคา รูรั่วหลายแห่ง ขัน หม้อ กะละมังตั้งรองเป็นจุดๆ ด้านหนึ่งของบ้านเป็นที่นอนของเจ้าของบ้าง อีกมุมหนึ่งกั้นด้วยตับหญ้าเป็นห้องนอนของลูกสาวกับลูกเขยเจ้าของบ้าน...
คนในหมู่บ้านรู้จักเคลือบกันทุกคนเพราะเคลือบเป็นคนในหมู่บ้านแต่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครตั้งแต่สบงผู้เป็นภรรยาเสียชีวิตด้วยโรคไข้ป่าหรือมาลาเรีย ไม่มีใครช่วยชีวิตภรรยาของเขา เหตุนี้จึงทำให้เขาไม่ค่อยคุยกับคนในหมู่บ้าน เมื่อเขาไม่คุยไม่ไปมาหาสู่กับใครจึงทำให้คนในหมู่บ้าน พลอยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาและลูกสาวด้วย
หลังจากสบงเสียชีวิตไป 3 ปี สไบ ลูกสาวคนเดียวของเคลือบกับสบงแต่งงานกับเดช ชายหนุ่มต่างหมู่บ้านซึ่งครอบครัวของเดชไม่ร่ำรวยอะไรจึงเพียงผูกข้อมือ สู่ขวัญบ่าวสาวเท่านั้น เดชย้ายมาอยู่บ้านสไบนับจากวันแต่งงานเป็นต้นมา
เคลือบมีอาการป่วยหลังจากแต่งงานลูกสาว เขาปิดปากเงียบไม่แพร่งพรายบอกอาการเจ็บปวดในลำไส้ของตัวเองให้ลูกเขยกับลูกสาวฟัง กระทั่งอาการเจ็บปวดแสดงออกมาอีกครั้งโดยที่เขาไม่อาจทานทนต่อไปได้
“โอย โอย โอย”
“พ่อเป็นอะไรจ๊ะ ปวดท้องหรือจ๊ะ”
“อือ ไอ้เดชอยู่ไหน บอกมาหาพ่อหน่อย”
เคลือบถามหาลูกเขย เขารู้ตัวว่าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาไม่ห่วงลูกสาว ไม่ห่วงหลานที่เพิ่งคลอดได้ 7 วัน เดชเป็นคนดีแม้ไม่มีหลักฐานบ้างช่องให้ลูกเมียอาศัยสุขสบายแต่เดชเป็นคนขยัน ทำมาหากินไม่เคยบ่นสักคำ ลูกกับหลานของเขาไม่อดตายอย่างแน่นอน
“จ้ะพ่อ ฉันไปตามพี่เดชให้นะ”
สไบเรียกหาสามีก็ไม่ขานรับจึงลงบันไดไปเรียกทางหน้าบ้าน เดินไปทางหลังบ้าน เห็นสามีกำลังขุดดินปลูกมันเทศ
“พี่เดช ไปหาพ่อหน่อยจ้ะพี่ พ่อเรียกหาพี่ พ่อคงปวดท้องมาก เราจะทำอย่างไรดีจ๊ะพี่”
“ไปดูพ่อก่อน”
เดชสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาแอบเห็นเคลือบนิ่วหน้ายามปวดท้องหลายครั้ง พอเข้าไปถามก็บอกไม่เป็นอะไรมากปวดท้องเล็กน้อยเท่านั้น เคลือบเป็นอะไรกันแน่ ไม่ใช่แค่ปวดท้องจากอาการถ่ายท้องเพียงอย่างเดียวแน่นอน
“พ่อ เป็นไงบ้างจ๊ะ”
“พ่อปวดท้อง เอ็งไปขอยาบ้านทิดขลุ่ยมาให้พ่อทีนะ บอกทิดขลุ่ยว่าพ่อปวดท้องมาก”
“จ้ะพ่อ รอฉันประเดี๋ยวนะพ่อ”
เดชเห็นใบหน้าซีดไร้สีเลือดของเคลือบ เขาไม่รอถามอาการอีกต่อไป อาการที่เขาเห็นหนักมากและอาจหนักจนไม่มีใครช่วยได้แม้แต่ยาสมุนไพรของขลุ่ยที่ว่าใครกินมักจะหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่แต่สำหรับโรคของเคลือบ เดชสังหรณ์ใจว่า เคลือบไม่มียาอะไรรักษาได้แล้ว
“อาขลุ่ย อาขลุ่ย พ่อให้มาขอยาจ้ะ พ่อบอกว่าปวดท้องมาก ให้บอกอาอย่างนี้จ้ะ”
ขลุ่ยนั่งอยู่ชานหน้าบ้าน กำลังหั่นตัวยาสมุนไพรที่เขาเพิ่งเก็บมาจากป่าหลังหมู่บ้าน เขาไม่ใช่หมอยาสมุนไพรแต่เก็บไว้เพื่อกินเองหรือแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านกิน ไม่คิดเงินทองเป็นค่าตอบแทน เพียงเห็นคนเจ็บป่วยอาการดีขึ้นเขาก็ดีใจแล้ว
“ปวดท้องยังไงวะไอ้เดช พี่เคลือบบอกรึเปล่า”
“บอกว่าปวดมากแค่นั้นจ้ะอา แต่ฉันเห็นหน้าพ่อซีดมาก อาไปดูไหมจ๊ะ”
“อือ ประเดี๋ยวข้าหยิบยาก่อน”
สีหน้าของขลุ่ยครุ่นคิดเมื่อเดชบอกอาการปวดท้องหน้าซีดของเคลือบ ตัวสมุนไพรที่เขาหยิบออกมา เขารู้สรรพคุณของสมุนไพรชนิดนี้ เคลือบก็รู้ว่าเป็นสมุนไพรช่วยแก้โรคอะไรแต่ต้องมีอาการเริ่มแรกเท่านั้นจึงจะสามารถช่วยได้ หากเป็นมากถึงกับปวดท้องจนทนไม่ไหวอย่างนี้ สมุนไพรตัวดีเด่นแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้
“พาข้าไปดูพ่อตาเอ็งซิ”
“จ้ะอา ฉันถือย่ามให้จ้ะ”
ขลุ่ยส่งย่ามใบเก่า ใช้คู่กายมาหลายปี นอกจากสีเก่าซีดยังขาดลุ่ยปากกับหูสะพาย เขาเดินตามเดชไปถึงบ้านเคลือบ เสียงเด็กทารกส่งร้องแข่งกัน เสียงสไบโอ๋ลูกน้อย ครู่เดียวเสียงเด็กก็เงียบ
“พี่เคลือบ เป็นไงบ้าง”
ขลุ่ยส่งเสียงขึ้นไปก่อนตัวจะก้าวพ้นขั้นบันไดขั้นสุดท้าย เคลือบครางได้ยินถึงบันได
“ฮือๆ ฮือๆ ฮือๆ มาแล้วเหรอทิด ข้าปวดเหลือเกิน ขอกินยาสักกลืนเถอะ”
“ทำไมไม่ให้ไอ้เดชไปตามข้า ทนอยู่ทำไมป่านนี้ ประเดี๋ยวข้าจะกอยยาให้กิน ไอ้เดช เอาน้ำมาให้ข้าชามนึง”
“จ้ะ”
“พ่อเป็นอะไรหรือจ๊ะอาขลุ่ย”
สไบถามออกมาจากในห้อง หล่อนกำลังให้นมลูกแฝดทั้งสอง คนพี่เป็นผู้หญิงชื่อแดง คนน้องเป็นผู้ชายโด่ง เด็กน้อยมีตำหนิที่กกหู แดงมีปานแดงที่กกหูซ้าย ส่วนโด่งมีปานแดงที่กกหูขวา ไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวของสไบเท่านั้น
“ข้าก็ไม่รู้ พ่อเอ็งปวดมานานแค่ไหน”
“ไม่รู้จ้ะอา พ่อไม่บอก คราวนี้คงปวดมากถึงเรียกพี่เดชให้ไปตามอาจ้ะ”
ขลุ่ยเงียบไป เขาบอกสไบกับเดชไม่ได้ อาการของเคลือบเป็นอาการของผีในท้องแต่เป็นตรงส่วนไหนเขาไม่รู้ ท้องเคลือบบวม ตามตัวซีดไร้สีเลือด หน้าซีดเหลือง ดวงตาแห้งไร้น้ำหล่อเลี้ยง ปากแห้ง เขาสังเกตจากที่เคยเห็นชาวบ้านบางคนเป็นโรคนี้และทุกคนไม่รอด
“พี่เคลือบ กินยาสักหน่อยนะ ประเดี๋ยวกินข้าว”
“ไม่หิวเลยขลุ่ยเอ้ย”
เสียงเคลือบเบากว่าทุกครั้งที่คุยกัน เขาผงกศีรษะดื่มยาในชาม น้ำยาสีเขียวเข้ม ตัวยาเป็นสมุนไพรหลายชนิด หั่น ตากแห้งจึงนำมาตำละเอียด ร่อนกากทิ้ง เก็บเฉพาะผงไว้ใช้ประโยชน์
“ไม่หิวก็ต้องฝืนกิน จะได้มีแรงนะพี่”
“พ่อกินข้าวไม่ลงเลยจ้ะอา เมื่อเช้าฉันต้มข้าวต้มให้ก็กินไปไม่กี่ช้อน บ่นปวดท้อง นอนมาสองสามวันแล้วจ้ะ”
เดชเล่าอาการของเคลือบให้ขลุ่ยฟัง ผู้อาวุโสถอนหายใจ มองใบหน้าซีดเซียวของคนป่วยอย่างปลงๆ ชีวิตคนเราก็แค่นี้ เมื่อยังมีเรี่ยวแรงก็ทำมาหากินโดยลืมดูแลตัวเองและร่างกายถูกใช้งานมาจนทรุดโทรม โรคภัยต่างๆ เข้ามารุมล้อม หากร่างกายสู้ไม่ไหวก็แพ้พ่ายและสุดท้ายก็ยุติการใช้งานและทุกสิ่งในโลกนี้
เคลือบกำลังยุติการใช้ร่างกาย ใช้ลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ ขลุ่ยถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้เดชหรือเคลือบได้ยิน เขาหยิบห่อกระดาษสีน้ำตาลออกจากย่าม วางข้างเสื่อที่เคลือบนอน
“เดช ให้พี่เคลือบกินข้าวต้มสักสองสามคำ ตอนเย็นกอยยาให้แกกินอีกชามนะ ข้ากลับก่อน ข้ากลับก่อนนะพี่เคลือบ กินยาไปแล้วอีกสักพักก็คงทุเราปวดลงบ้าง เดี๋ยวค่ำๆ ข้าจะมาใหม่”
“เออ ขอบใจนะขลุ่ย ถ้าข้าเป็นอะไรไปก็ดูดำดูดีไอ้เดชกับนังสไบมันบ้างนะ หลานสองคนของข้าด้วยนะขลุ่ย”