20 สางบุรุษกลัวไฟ
จากท่าทีที่เฉยชา ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะตามออกไปอยู่ที่หมู่บ้านด้วยกัน กลับทำให้นารีเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เกิดความหึงหวงขึ้นมา ต่างจากสางว้าวุ่นใจไม่น้อย เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริงแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าไม่เข้าใจข้าเลยนะ ความจริงข้ารักเจ้ามาก พร้อมที่จะพลีร่างเพื่อเจ้าเข้าใจไหม”
“ไม่เข้าใจ”
“เจ้าก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่”
ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง สางเริ่มใส่อารมณ์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อหญิงสาวถูกต่อว่าอย่างนี้เกิดอาการหน้าชา แล้วร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ใครล่ะจะยอมให้เขาปรามาสเพียงฝ่ายเดียวจะต้องตอกกลับคืนไปบ้าง โดยยึดเอาความคิดของตนเป็นใหญ่
“คุณเหมือนกันไม่มีเหตุผล เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง อย่าพูดกันดีกว่า ฉันจะนอนแล้ว”
“ตามใจ ข้าเบื่อที่จะฟังน้ำเสียงประชดประชันจากผู้หญิง ข้าไปข้างนอกดีกว่า”
การโต้เถียงยุติลง เมื่อร่างใหญ่โผนทะยานออกไปออกไปนอกถ้ำด้วยความเร็ว นารีผลุดลุกขึ้นจากนอนเป็นนั่ง มองตามด้วยความสงสัย ทำไมเขาถึงเคลื่อนไหวเร็วเสียจนมองไม่ทัน
“คุณจะออกไปทั้งที่เมื่อครู่ฉันได้ยินเสือร้อง อย่าออกไปเลยนะมันอันตราย”
สางรู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา แม้ว่าเพิ่งทะเลาะกันไปหยกๆ แต่ยังเตือนถึงอันตรายที่จะได้รับ ทว่า สางยังเคืองเธออยู่ หาได้เชื่อไม่
“ไม่ต้องห้ามข้าหรอก ข้าไปของข้าได้ตายได้เสียดีกว่า จะได้พ้นหูพ้นตาใครบางคน”
ท่าทางเมินหมางเสียจนนารีสุดจะทน ร้องไห้เบาๆ ด้วยความเสียใจ ทำไมสางชอบพูดตอกย้ำความรู้สึกเธอนัก แทบไม่เชื่อเลยว่าเขาเป็นพวกชาวป่าชาวเขาที่ใครๆ พากันพูดว่ามีสมองทึบทื่อ แต่เขากลับใช้วาจาเชือดเฉือนให้เจ็บปวด
“ทำไมคุณต้องประชดฉันด้วย”
“ประชดหรือข้าไม่รู้จักว่าประชดเป็นยังไง เจ้า ไม่ต้องห่วงหรอก คนอย่างข้าจะอยู่ที่ไหนทำอะไรไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว”
นารีอ้าปากค้างเมื่อสางเดินไปแล้ว เธอกลัวว่าเสือร้ายจะเข้ามาทำร้าย จึงเดินเข้าไปภายในถ้ำชั้นใน จนถึงที่สางนั่งจำศีล รู้ว่ามันมืดแค่พอเห็นรางๆ ถ้ามีคบไฟสักอันคงจะเห็นสภาพสิ่งแวดล้อมได้ถนัดกว่านี้
“คุณเป็นคนลึกลับมาก ฉันไม่รู้ชีวิตความเป็นมาของคุณเลย”
สาวงามพูดงึมงำเพียงคนเดียวและเดินเปะปะออกจากถ้ำภายใน จึงรู้ว่าเสียงน่ากลัวต่างๆ เงียบหายไปแล้ว ได้แต่หวนคิดถึงเรื่องชายคนป่า เขาเป็นคนประหลาดไม่กลัวสิ่งใดเลย หรือว่าเขารู้จักสัตว์ทุกตัวในป่านี้
“ไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าเขา ถูกสัตว์เลี้ยงมาคล้ายๆ กับเมาคลี”
เดาไปตามเรื่อง แต่รู้ว่าคงไม่ถูก บางครั้งสางทำให้เธอมีความสุข อบอุ่นแต่ท่าทางแข็งๆ ของเขาทำให้ไม่สบายใจ เพราะรู้ว่าไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ หัวใจเต็มไปด้วยความทุกข์ และคิดเล่นๆว่าถ้าสางไปเจอเสือตัวนั้น ตัวที่ส่งเสียงร้องก้องกังวาน มันอาจจะกัดเขาตายแล้ว แล้วเธอจะออกไปจากถ้ำนี้ได้ยังไง สุดท้ายคงต้องนอนตายอยู่ในถ้ำสูงโดยไม่มีใครค้นพบ
ความมึนตึงที่เกิดขึ้นระหว่างหนุ่มสาวทั้งสอง กลายเป็นความอึดอัดที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่สางก็ต้องออกไปหาอาหารมาให้ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ เขาจะเอาวางไว้ ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากมองแล้วทำหน้าเมินใส่
สางสุดจะทนต่อความเงียบที่เกิดขึ้น รู้ว่าการทะเลาะกันไม่ใช่สิ่งที่ดี มีแต่ความทุกข์ที่สุมอยู่กลางอก เห็นหน้ากันทุกวันแต่ไม่กล้าที่จะพูดคุย นอกจากแอบมองด้วยความเป็นห่วง
“นารี ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว ข้ารู้ดีว่าเวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันมันสั้นนัก ข้ายอมใจเจ้าแล้ว”
เมื่อทนกับความอึดอัดไม่ไหว สางเป็นฝ่ายเข้ามาพูดคุยกับนารีด้วยใบหน้าอมทุกข์ เพียงแค่เขาเอ่ยออกมาเท่านั้น หญิงสาวน้ำตาร่วงพรู โผเข้ากอดร่างบึกบึนด้วยความดีใจ เมื่อรู้ว่าเขานั้นรักเธอจนท่วมท้นหัวใจ
“สาง ฉันขอโทษนะ เราไม่ควรโกรธกันเลย ต่อจากนี้ไป ฉันจะพูดกับคุณดีๆ จะไม่ยอมให้ทิฐิมามีอำนาจเหนือใจของเราอีกแล้ว”
ใบหน้าสวยซึ้งที่เกลื่อนไปด้วยน้ำตาแหงนมองดูสางที่กำลังก้มลงมา ตาทั้งสองสบกันเนิ่นนาน น่าแปลกครั้งนี้หญิงสาวไม่รู้สึกหวั่นสะท้าน ต่อพลังลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในตาคมคู่นั้นแม้แต่น้อย และแล้วความวาบหวามได้จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อปลายจมูกโด่งจรดลงมาบนแก้มนวลแล้วเคลื่อนที่เคลียซุกดมดอมกลิ่นหอมของวัยสาวเนิ่นนาน
“ข้ารักเจ้าที่สุด”
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการกลับมาคืนดีกัน นารีมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษกลางไพร แต่เธอก็มีสติเตือนตนเอาไว้เสมอ รักได้แต่อย่าล้ำเส้นไปมากกว่านี้ อย่างน้อยในชีวิตของลูกผู้หญิงจะต้องเข้าพิธีแต่งงานให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ
“เจ้ารอข้าก่อนนะ”