3 ความผิดหวัง
แน่นอนว่าหลังจากวันนั้น ณิชากับปรวีร์ก็เริ่มกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง เขาไม่สนใจว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานด้วย อีกทั้งยังไม่สนใจไยดีเธอ ความสัมพันธ์แบบแฟนของเขากับณิชาหวนกลับมาอีกครั้ง
แต่เพราะเขากำลังวุ่นวายกับการแต่งงาน อีกทั้งผู้เป็นพ่อก็โยนงานต่าง ๆ ลงมาให้เขาสะสางดูแลทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เขามีเวลาปลีกตัวแอบไปหาณิชา ทำให้ปรวีร์และเธอคุยกันผ่านสัญญาณโทรศัพท์เท่านั้น
หลังจากวันที่ประกาศผลคนที่ได้รับทุน ณิชารีบวิ่งโร่เอาเรื่องราวทั้งหมดไปบอกกับครอบครัวตัวเอง หญิงสาวประกาศก้องให้ทุกคนรับรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังจะได้ทุนเต็มจำนวนไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้คนในครอบครัวต่างก็ภูมิใจในตัวเธอเป็นอย่างยิ่ง
“ชาหลับตาก่อน” ผู้เป็นพ่อสั่งให้ลูกสาวเพียงคนเดียวหลับตา
“มีอะไรเหรอคะพ่อ” ณิชาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงให้เธอทำแบบนี้
“ปิดตาก่อน” เขายังกำชับให้ลูกสาวปิดตาให้สนิทและอย่าได้เผลอลืมตาขึ้นมา
ซึ่งณิชาก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี ทำตามที่ผู้เป็นพ่อบอกทุกอย่าง ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่อยู่หน้าบ้าน
“แม่...พาชาออกมาได้แล้ว” พ่อของณิชาเรียก
“ค่อย ๆ เดินนะลูก” ผู้เป็นแม่บอกก่อนจะค่อย ๆ พาลูกสาวเดินออกมานอกบ้านอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่ณิชาลืมตาขึ้นภาพที่เห็นตรงหน้าคือรถยนต์ญี่ปุ่นสีขาวป้ายแดง ที่จอดนิ่งสนิทอยู่ในรั้วบ้าน หญิงสาวทำตาโตใช้สองมือปิดปากตัวเองเอาไว้ คนที่ลงมาจากรถจากฝั่งคนขับก็ คือ ธนัท พี่ชายของเธอเอง
“อะไรคะเนี้ย”
“ก็ตามสัญญาไงลูก ที่บอกว่าถ้าชาได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศพ่อกับแม่จะซื้อรถให้” แม่ของณิชาพาลูกสาวไปสัมผัสกับรถยนต์สีขาว
“พี่นัทไปขับมาเองเลยเหรอ” คนตัวเล็กหันไปถามพี่ชาย
“ใช่แล้ว พี่ไปขับออกจากศูนย์ให้เองเลย วันนี้” พี่ชายยิ้มให้น้องสาวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะถอดกุญแจส่งให้เธอ “รถคันนี้เป็นของชาแล้วนะ น้องสาวคนเก่งของพี่” เขาลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู
ณิชาดีใจและภูมิใจกับของขวัญชิ้นนี้มาก ๆ อย่างน้องสำหรับทุนเรียนครั้งนี้เธอจะต้องตั้งใจเรียนให้ออกมาดีที่สุด
หลังจากได้รับรถณิชาก็จัดการขับกลับมาที่หอพักของตัวเองหลังจากวันนั้นทันที เธอคิดถึงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ซึ่งหมู่นี้ไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักแล้ว จึงตั้งใจแวะไปหาเพื่อนที่หอพักของปณิตาที่อยู่ห่างกันไม่มาก
ทันทีที่รถยนต์จอดนิ่งสนิท คนตัวเล็กก็จัดการวิดีโอคอลหาเพื่อนสนิท
“ไง ชา” ปณิตาที่หน้าตาเศร้า ๆ ทักทายเพื่อนทันทีที่ได้รับสาย
“แก...” ณิชาทัก
“นั่นแกนั่งในรถเหรอ” ปณิตาทัก เพราะบรรยากาศดูไม่คุ้น
“ใช่แล้ว แกลงมาสิ ฉันจะพาไปเที่ยว”
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันมีที่ที่อยากให้แกพาฉันไปอยู่พอดี” ปณิตาทักบอก “แกรอฉันสักสิบห้านาทีได้ไหม เดี๋ยวฉันลงไป”
“ได้สิ แกอยากไปไหน เดี๋ยวฉันพาไป” ณิชายิ้ม
เมื่อหน้าจอของโทรศัพท์ปิดลงห้องของหญิงสาวก็กลับมาอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง ปณิตาก็หุบยิ้มทันทีที่วางสาย ผู้หญิงคนนั้นทำได้ยังไงกัน เธอยิ้มออกมาแบบไม่รู้สึกผิดได้ยังไงกัน
------------------------------------------
หลังจากประกาศผลการได้รับทุนออกได้สามวัน อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการก็โทรตามตัวปณิตาให้ไปพบ เธอไปตามคำขอร้องของอาจารย์โดยไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวไม่ได้ถามถึงต้นสายปลายเหตุถึงการเรียกตัวไปพบครั้งนี้
“ปณิตา เล่มนี้เป็นงานของหนู ส่วนเล่มนี้เป็นงานของณิชาใช่ไหม เผอิญอาจารย์ตรวจพบว่าความผิดปกติขอบวิจัยทั้งสองเล่มนี้” อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการทำหน้าเคร่งเครียด
“ค่ะ อาจารย์...มันมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอรับวิจัยสองเล่มนั้นมา
“เปิดอ่านของณิชาสิ” อาจารย์ที่ปรึกษาบอก
ถึงปณิตาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์จะสื่อแต่ก็ยอมเปิดอ่านวิจัยของเพื่อนสนิทตามที่อาจารย์บอก เมื่อเปิดไปที่หน้าแรก หญิงสาวก็ต้องขมวดคิ้ว มือเล็กเอื้อมไปหยิบเล่มที่เป็นของตัวเองมาเทียบกัน
“อาจารย์” นักศึกษาสาวเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ที่ปรึกษา
“เห็นแล้วใช่ไหมว่าเรื่องนี้มีอะไรที่ผิดปกติ”
“ทำไม....ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้” ปณิตาไม่เชื่อว่าเพื่อนสนิทจะลอกวิจัยของตัวเองมาทั้งดุ้น
“นั่นแหละ ตอนแรกอาจารย์ก็ไม่เชื่อนะ ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อาจารย์ไม่คิดว่าณิชาจะเป็นคนแบบนี้ นั่นเกียรตินิยมเหรียญทองอันดับหนึ่งเลยนะ ทำไมถึงได้คิดทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้กัน” ที่อาจารย์รู้ ก็เพราะว่าช่วงหนึ่งเคยได้รับคำปรึกษาจากปณิตา งานของลูกศิษย์แต่ละคนจะมีลายเซ็นบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ยิ่งลูกศิษย์สองคนที่ตัวเองภูมิใจด้วยแล้วยิ่งตรวจง่ายเข้าไปใหญ่
ปณิตาเริ่มร้องไห้ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะทรยศหักหลังกันง่าย ๆ แบบนี้
“อาจารย์หนูจะทำยังไงดีคะ”
“เอาเถอะ ก็ต้องตัดสิทธิ์ทุนนั่นแหละ เดี๋ยวอาจารย์จะส่งชื่อใหม่ซึ่งก็คือชื่อปณิตานะ” อาจารย์ตัดสินใจทำตามกฎเรื่องนี้จะปล่อยให้มันผ่านเลยไปเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรไม่ได้
“แต่...”
“ไม่มีแต่หรอกปณิตา กฎก็ต้องทำตามกฎมหาลัยใจดีมากนะ ที่ยังให้ณิชาจบการศึกษาโดยที่ไม่ยึดเกียรตินิยมเหรียญทอง”
“ฮื้อ....ค่ะ...อาจารย์ หนูจะทำยังไงดี” ปณิตายังคงพูดแต่ประโยคเดิน ๆ ณิชาเป็นเพื่อนสนิทของเธอที่มีอยู่ไม่กี่คน
เธอทั้งเสียใจและผิดหวัง ไม่คิดว่าเพื่อนจะหักหลังกันได้ง่าย ๆ แบบนี้
“ถ้ายังไง หลังจากนี้ปณิตาก็พาณิชามาหาอาจารย์ด้วยนะ เพราะต้องบอกเรื่องนี้กับเขา....เอาแบบนี้ดีกว่า ปณิตาก็อย่าเพิ่งบอก อาจารย์จะบอกกับเขาด้วยตัวเอง” ถึงจะสงสารแต่สุดท้ายด้วยความเป็นอาจารย์ ก็ต้องทำตามกฎ เพราะคนที่ได้ทุนจริง ๆ คือปณิตา เธอจะไม่ปล่อยให้คนขี้โกงมาชุบมือเปิดเจ้าของตัวจริงไปได้หรอกนะ