2 สารเลว
สองวันก่อนกำหนดส่งงาน ณิชาเองก็ยังคงพยายามทำงานของตัวเองให้เสร็จเผื่อว่าเธอจะส่งงานที่เป็นของตัวเองทันกำหนดเวลา
การปวดหัวกับเรื่องของงานวิจัยทำให้หญิงสาวลืมเรื่องของปรวีร์ไปได้ชั่วคราวโดยที่เธอแทบไม่ต้องพึ่งพาแอลกอฮอล์เลยสักนิด
กำหนดเวลางวดเข้ามาเรื่อย ๆ แม้กระทั่งการก้าวขาออกจากห้องเพื่อไปหาอะไรกัน สำหรับณิชาแล้วยังถือว่าเสียเวลาเกินไป ปณิตาที่ทำงานเสร็จไปก่อนแล้วจึงอาสาหาข้าวหาน้ำให้เพื่อนกินและช่วยจัดทำความสะอาดห้องให้ เพราะกลัวว่าเพื่อนจะอดข้าวตายเสียก่อน
“ห้องคนหรือห้องหมาวะเนี้ยแก” ปณิตาบ่น
“ห้องหมา” ณิชาที่ได้ยินเสียงเพื่อนบ่นขานรับ
“ได้ยินด้วยเว้ย” ปณิตานึกเอ็นดู
อันที่จริงการที่เพื่อนของเธอมัวแต่ยุ่งหัวฟูกับงานวิจัยก็ยังดีกว่าปล่อยให้เธอไปเครียดเรื่องของปรวีร์ เธอรู้ว่าคนทั้งสองรักกันมากแค่ไหน จนกระทั่งผู้หญิงสวย ๆ คนนั้น ที่เรียนต่างมหาวิทยาลัยเริ่มแทรกเข้าไปในความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง
ความรักของพี่วีนักบาสมหาวิทยาลัยกับณิชาดาวคณะก็เริ่มสั่นคลอน ที่ใคร ๆ มองมาว่าสมบูรณ์แบบ ก็กลายเป็นเรื่องราวอะไรไม่รู้ ทั้งสองคนประคองความสัมพันธ์มาได้ยาวนานสี่ปีก็นับว่าดีมากแล้ว
จากวัยเรียนจนพี่วีคนนั้นเข้าสู่ช่วงของวัยทำงาน ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองห่างไกลกันมากกว่าเดิม แต่ก็คล้ายกับว่ารักกันมากขึ้น
วันส่งงานมาถึงสุดท้ายณิชาก็ทำไม่ทัน เธอตัดสินใจทำเรื่องที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่ชีวิตของเธอเคยทำมา นั่นก็คือการส่งงานวิจัยของเพื่อนสนิทแทนที่จะส่งเป็นของตัวเอง
วันประกาศผลงานวิจัย
ณิชานั่งลุ้นอยู่ที่หน้าจอมคอมพิวเตอร์ระหว่างนั้นก็เปิดวิดีโอคอลกับเพื่อนสนิทไปด้วยกัน แม้จะรู้ว่าตัวเองทำเรื่องสารเลวลงไปแต่เธอก็คาดหวังว่ารายชื่อนักเรียนทุนต่างประเทศจะเป็นของเธอ
“ตื่นเต้นจัง” ปณิตานั่งพนมมืออธิษฐานอย่างใจจดใจจ่อ
“ฉันก็ตื่นเต้น” ส่วนณิชาตื่นเต้นเพราะกลัวถูกจับได้ว่าตัวเองลอกวิจัยของเพื่อน “แก....” ณิชาเรียกเพื่อน
“อะไรเหรอ” ปณิตาละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาหาเพื่อน
“ถ้าสมมุติว่า ถ้าใครคนใดคนหนึ่งได้ทุน เราจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม” ณิชาลองถาม
ปณิตาที่นั่งอยู่อีกฝั่งของหน้าจอขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงถามออกมาแบบนั้น
“ก็เป็นดิ เราก็ยังต้องเป็นเพื่อนกันต่อไปได้อยู่แล้วแกถามอะไรบ้า ๆ ฉันรู้เว้ยว่าจะมีแค่คนเดียวที่ได้ทุนอันนี้ ถ้าฉันไม่ได้แล้วแกได้ ฉันก็แค่ไปยื่นทุนอื่นแค่นั้น ฮ่าฮ่า” ปณิตาพูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี
ณิชาเห็นแล้วก็ส่งยิ้มตอบรับ แพรวเป็นแบบนี้เสมอ เธออารมณ์ดีมองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยโกรธใครง่าย ๆ
เวลา 10.30 น.
เน็ตของณิชาเกิดล่มทำให้เธอไม่สามารถเช็กผลการได้รับทุนได้ หญิงสาวทำหน้าเคร่งเครียดก่อนที่หลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาทีเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากปณิตา
“แกรรรรรรร.....” ปณิตาที่อยู่ปลายสายลากเสียงยาว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“อะไร?????” ณิชาถาม
“แกรโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย...แกรได้ทุน ชา...แกได้ทุนนนนนน” ปณิตายินดีกับเพื่อนอย่างจริงใจ จนแทบจะเหมือนกับตัวเองได้ทุน
“.....” อึ้ง ณิชาอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก เธอควรจะดีใจกับเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ ในเมื่อผู้ที่ทำวิจัยเรื่องนั้นไม่ใช่เธอ ผลงานที่ส่งไปก็ไม่ใช่ของเธอทั้งหมด
“เป็นไงแก อึ้งไปเลยดิ ตอนแรกฉันก็นึกว่าแกจะทำเสร็จไม่ทัน แต่ฉันรู้ว่าแกเก่งเว้ย แกทำได้แน่นอน” ปณิตาดีใจไปกับเพื่อน เพราะเพื่อนคนนี้ของเธอเป็นคนเก่ง เธอเรียนเก่งมาโดยตลอดตั้งแต่ที่รู้จัก ทุนที่ได้รับแน่นอนว่าเหมาะสมแล้ว “แกโทรไปบอกพ่อแกดิ ฉันจำได้นะพ่อแกบอกว่า ถ้าแกได้ทุน เขาจะซื้อรถยนต์ให้”
“อ้อ ใช่ ๆ กะ แกยังจำได้”
“ฮ่าฮ่า จำได้ดิ เพราะฉันจองเป็นเพื่อนคนแรกที่จะได้นั่งรถแกไง”
ทันทีที่วางสายคนแรกที่เธอคิดถึงดันไม่ใช่ครอบครัว เธอคิดถึงผู้ชายคนนั้นคนที่ทิ้งเธอไป ณิชาตั้งสติ มือเรียวกดโทรออกหาเขาอีกครั้ง
ปรวีร์อดทนเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่รับสายของณิชา จนกระทั่งวันนี้ความอดทนของเขาก็สิ้นสุดลง ทันทีที่โทรศัพท์แสดงหน้าจอของอดีตคนรัก เขากดรับมันตามสัญชาตญาณ
“พี่วี..ชาเองค่ะ” เธอทักทายเสียงใส
“ครับ” ทันทีที่ได้ยินเสียงของณิชาหัวใจของปรวีร์รู้สึกเหมือนกับต้นไม้ที่ได้รับน้ำเมื่อยามแล้ง
“พี่วี ชามีเรื่องจะบอก” เธอพูดกับปรวีร์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เรื่องอะไรครับ” ปรวีร์ยังคงพูดสุภาพกับเธอเหมือนเคย
“ชาได้ทุนไปเรียนต่างประเทศแล้วนะคะ” เธอบอกกับอดีตแฟนหนุ่ม
เขารู้ว่าเธอต้องทำได้อยู่แล้ว ณิชาเป็นคนเก่ง เขามั่นใจในตัวเธอมาโดยตลอด
“พี่รู้อยู่แล้วว่าชาต้องได้ทุน ชาเป็นคนเก่งแบบที่พี่จำได้เสมอนั่นแหละ” เขาพูดกับปลายสายอย่างอ่อนโยน
ระหว่างที่พูดคุยกัน ณิชาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามาในสาย
“พี่วี สตาร์ใส่ชุดนี้สวยไหม” ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายถามเสียงเจื้อยแจ้ว
เธอรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ไหนทำอะไรกันอยู่ เดาว่าคงจะไปอยู่ที่ร้านเวดดิ้งที่ไหนสักร้าน และกำลังลองชุดแต่งงานอยู่แน่ ๆ ทำไมนะ ทำไมผู้หญิงที่เป็นเจ้าสาวถึงไม่ใช่เธอ
ปลายสายชะงักไปชั่วครู่ ณิชาเองรอฟังว่าปรวีร์จะตอบคำถามผู้หญิงคนนั้นยังไง
“น่ารำคาญ” เขาพูดกับขจาริน ก่อนจะหันไปพูดกับคนในสาย “แค่นี้ก่อนนะชาเดี๋ยวพี่โทรหาใหม่นะครับ”
ณิชาแอบยิ้ม อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น คนที่ยังครอบครองหัวใจของเขายังเป็นเธอ