บท
ตั้งค่า

บทนำ 2

“เรียนเก่งก็ไม่ได้ความว่าจะได้ดีหรอกนะ มีถมไปที่จบมาแล้วหางานไม่ได้ อีกหน่อยก็ต้องมาของานที่บริษัททำใช่มั้ยแหละ ดูอย่างแม่ของเธอ เมื่อก่อนก็ทำงานนั่งโต๊ะ เจอหน้าพ่อเธอแค่แวบสองแวบก็ท้องซะแล้ว เดี๋ยวนี้ก็เลยเป็นคุณนายสบายไป ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่าจะมาใช้อภิสิทธิ์ลูกหลานกิตติธาราไม่ได้”

“ค่ะ”

“เวลาจะพูดจะจาอะไรกับผู้ใหญ่ก็ต้องรู้จักมีสัมมาคารวะ ต้องรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ไม่ใช่นึกจะพูดอะไรก็พูด มันดูเป็นพวกไม่มีการศึกษานะ เข้าใจมั้ย”

“ค่ะ”

ป้ามีปากก็เลยพูดไปเรื่อย และพูดต่อหน้าแม่ว่าทอปัดนิสัยไม่ดี คงจะได้นิสัยมาจากทางแม่เยอะ เลือดแม่มันไม่ดี ทอปัดโตพอรู้ความแล้วก็เอ๊ะ รู้แล้วว่าป้าสะใภ้ไม่ได้หวังดีอยากอบรมสั่งสอนอะไรหรอก แต่ป้ากำลังดูถูกเธอและแม่อยู่

“อะไรนี่ ชักสีหน้าใส่ฉันแบบนี้หมายความว่าอะไรมิทราบ นี่เธอ สั่งสอนลูกสาวเธอซะบ้างนะ อย่ามาทำกิริยาถ่อยๆ ใส่ฉันแบบนี้”

“ค่ะๆ ขออภัยแทนทอปัดด้วยนะคะคุณพี่” แม่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษขอโพย แต่ป้าแจ่มจันทร์ก็ยังไม่พอใจ เดินไปฟ้องพ่อของทอปัดว่าเธอเป็นเด็กสอนไม่ได้ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่สอนยังมาทำหน้าไม่พอใจใส่อีก และป้าก็เรียกลุงสุวิทย์ให้มาเอาเรื่องด้วย

“จริงเหรอลูก หนูทำกิริยาไม่ดีใส่คุณป้าเขาจริงมั้ย”

พ่อเรียกเธอมาคุยต่อหน้า ซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ของเธอไม่อยากมีเรื่องจึงบอกปัดว่าไม่มีอะไร แต่ทอปัดไม่ยอม เธอตอบไปตามความจริงทุกอย่าง ย้อนทุกประโยคครบถ้วนตามที่ป้าพูดถึงแม่ลับหลังคนอื่น

“คุณป้าพูดว่าคุณแม่กำพืดขี้ข้าค่ะ”

“เอ๊ะ นังเด็กนี่ พูดจาอะไรเลอะเทอะ!”

“มีกล้องวงจรปิดที่บันทึกเสียงได้ไม่ใช่หรือคะ เปิดฟังเลยก็ได้ค่ะว่าคุณป้าพูดจริงมั้ย”

เด็กมันสู้กลับ ป้าแจ่มจันทร์ก็เริ่มหน้าเสียเพราะไม่คิดว่าเด็กจะกล้าพูด เขาคงคิดว่าเธอจะกลัวเขาเหมือนอย่างที่แม่กลัว แต่ไม่เลย ทอปัดไม่เคยคิดกลัวคนนิสัยไม่ดี เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ลุงสุวิทย์ก็เดินหนี ส่ายหัวที่เมียทะเลาะกับเด็กแล้วถูกเด็กมันย้อนเข้าให้ แต่พ่อไม่ได้เข้าข้างทอปัดแต่อย่างใด

“ขอโทษคุณป้าซะลูก หนูทำกิริยาไม่น่ารักใส่ผู้ใหญ่ ไม่ดี”

“ค่ะ หนูขอโทษที่ชักสีหน้าใส่เนื่องจากคุณป้าด่าแม่หนูนะคะ”

ป้าแจ่มจันทร์หน้าเสียหนักกว่าเดิมอีก ส่วนพ่อกับแม่แอบอมยิ้มเพราะที่ผ่านมาก็ต้องทนปากญาติคนนี้มานาน อีกอย่างลูกสาวคนนี้เห็นหน้านิ่งๆ แต่ที่จริงแล้วเทพีสงครามชัดๆ พ่อบอกทอปัดว่าป้าเขาคงเห็นว่าเธอเป็นเด็กก็อยากให้เคารพนบนอบต่อเขา แต่ป้าทำตัวไม่น่าเคารพเลยสักนิด หลังจากเรื่องวันนั้นแล้วทอปัดก็นึกว่าป้าสะใภ้คงไม่กล้ามาแขวะอะไรเธอกับแม่อีกแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าป้าแจ่มจันทร์เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เมื่อเจอหน้ากันก็เหมือนจะพยายามใช้คำพูดจิกกัดทุกวิถีทางหนักขึ้นกว่าเดิม ทอปัดจึงเรียนรู้สัจธรรมอย่างหนึ่งว่านิสัยคนเราเปลี่ยนยากเหลือเกิน

“หน้าตาพอใช้ได้แบบนี้คงจะมีผู้ชายติดเยอะแยะล่ะสิ ระวังนะ ถ้าพลาดท้องขึ้นมาขายขี้หน้าแย่ เหมือนแม่เธอก็ท้องก่อนแต่งเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าบ้านเธอกำลังถูกฟ้องล้มละลาย ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอา ว่าไง มีแฟนแล้วยังล่ะ”

“เก็บคำถามนี้ไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ของหนูถามบ้างดีกว่าค่ะ ไว้หนูตัดสินใจมีแฟนเมื่อไหร่จะเรียนแจ้งให้คุณป้าทราบนะคะ”

ทอปัดพูดยิ้มๆ ทีเล่นทีจริง แม่ก็แอบกระตุกแขนเสื้อปรามไว้ แต่คนจ้องจะเหยียดก็ไม่สนใจ เอาแต่ถามเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรถาม พอได้คำตอบแล้วก็วนกลับมาเหยียดไม่จบ ถามราคาเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าที่เธอกับแม่ใส่บ้างล่ะ ถามกระทั่งว่าถ้าพ่อกับแม่เธอจะหย่ากันเพื่อแบ่งสมบัติหนีหนี้ ทอปัดจะว่าอะไรไหม

“ภาระหนี้ร่วม ต่อให้โอนทรัพย์สินเป็นของสามีหรือภรรยาคนใดคนหนึ่ง เจ้าหนี้ก็ตามยึดได้ และร้องเพิกถอนการโอนก็ยังได้นะคะ นิติกรรมอำพรางแบบนั้นไม่ควรทำหรอกค่ะคุณป้า ในเมื่อติดหนี้ก็ต้องต้องจ่ายนะคะ เอาเป็นว่าเรื่องของครอบครัวหนูไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกค่ะ เปลี่ยนมาคุยเรื่องสนุกอื่นๆ มาคุยกันดีกว่า พี่ดารินเป็นไงบ้างคะ สบายดีใช่มั้ยคะ”

“แน่นอน ลูกฉันใกล้จะเรียนจบจากอังกฤษแล้ว ว่าจะให้ทำงานหาประสบการณ์สักพักแล้วค่อยให้มาช่วยงานที่บริษัท เธอคงจะอยากไปบ้างล่ะสิ แต่พ่อนุกับแม่สายพิณคงไม่มีปัญญาส่งเธอเรียนหรอก จะได้เรียนต่อมหาลัยรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”

ทอปัดยิ้ม แรกๆ ฟังแล้วก็เสียใจนะ เก็บมาคิดมาก แต่ฟังบ่อยๆ เข้าก็เฉยแล้ว คนอย่างเธอถ้าไม่พอใจอะไรก็ด่ากลับอยู่แล้ว ชีวิตไม่ได้ต้องการความสงบสักเท่าไรหรอก ถ้าอยากสงบเดี๋ยวไปห้องสมุดหรือวัดเองนั่นแหละ ทอปัดจึงรินน้ำส้มให้คุณป้าอย่างนอบน้อม ถามกลับไปสั้นๆ

“คุณป้าบอกหนูแบบนี้มาสามปีแล้ว ตกลงพี่ดารินจะกลับมาปีไหนกันแน่คะ หนูคิดถึงพี่เขาจะแย่อยู่แล้ว เอ๊ะ หรือว่าพี่เขาจะไม่กลับไทยแล้ว”

ป้าชักสีหน้าแล้วก็เงียบ จากนั้นก็ขุดสารพัดเรื่องออกมาดูถูก ทอปัดก็แอบแลบลิ้น แหม เธอแค่พูดแทงใจดำแค่นี้เดียวเอง ดิ้นพล่านจนกินอะไรไม่ลงเลยนะ ป้าแจ่มจันทร์ดูถูกเธอสารพัด หาว่าจะเป็นเด็กใจแตกบ้าง เรียนไปเดี๋ยวก็มีผัวบ้าง แต่ป้าไม่ดูลูกตัวเองเลยว่าเป็นอย่างที่ป้าพูดเป๊ะ และพี่เขาก็สบายดี มีผัวแล้วมันยังไงล่ะ ก็ไม่เห็นว่าพี่เขาจะเดือดร้อนอะไรด้วยเลย มีแต่คนอื่นคอยตามเดือดร้อน

“บ้านลุงดูถูกเราขนาดนี้ ทำไมเราถึงต้องไปงานรวมญาติทุกเดือนด้วยล่ะคะ”

“ลุงวิทย์เขาคอยช่วยเราอยู่ อะไรที่เราทำได้ เราก็ต้องทำ” พ่อดูออกว่าเธอไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นพ่อแม่ต้องทนให้ญาติดูถูก แต่ชีวิตจริงมันยากและใช่ว่าจะอะไรได้ตามใจทุกอย่าง

“เพราะบ้านเราต้องพึ่งพิงบ้านคุณลุง พวกเขาก็เลยมีสิทธิ์จะพูดจากดขี่เราอย่างไรก็ได้งั้นหรือคะ”

“พ่อขอโทษนะลูก...”

“ต่อไปเมื่อหนูโตขึ้น หนูจะยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้ค่ะ เมื่อเราพึ่งพิงตัวเองได้ หนูจะคืนเงินที่บ้านเราหยิบยืมเขามาให้หมด แบบนี้ก็จะไม่มีใครดูถูกเราอีก ดีมั้ยคะคุณพ่อ”

“สักวันหนูจะต้องทำได้แน่นอนลูก”

ทอปัดเคยแอบดูงบการเงินของพ่อแล้ว พ่อรู้ก็ดุเธอยกใหญ่ บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก ทอปัดจึงได้แต่ช่วยหาเงินเล็กๆ น้อยๆ เข้าบ้านอย่างขมีขมัน สะสมเงินไว้เรียนต่อ และหวังว่าจะช่วยรายจ่ายของที่บ้านได้สักนิด เพียงแต่ทอปัดไม่นึกเลยว่าเงื่อนปมที่ผูกคอครอบครัวจะกระตุกรัดรวดเร็วถึงเพียงนี้

“หมายความว่าอย่างไรกัน แม้แต่ร้านขายของร้านสุดท้ายของเราก็จะถูกยึดไปด้วยงั้นหรือ แล้วเราจะเอาอะไรกิน พวกเขาโกงเราชัดๆ”

แม่ฟูมฟายในช่วงเช้าวันหนึ่ง ตั้งแต่ที่บ้านประสบปัญหา ทอปัดย้ายออกจากโรงเรียนเอกชนมาเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ทอปัดก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่ผ่านมาพ่อกับแม่แสดงออกว่าทุกอย่างโอเคมาตลอด ขอให้เธอตั้งใจเรียนอย่างเดียวไม่ต้องกังวล วันนี้เมื่อแม่ระเบิดอารมณ์ออกมาจึงทำให้เด็กสาวหน้าเผือดสี

“แม่คะ... เกิดอะไรขึ้น”

“ทอปัด เรากำลังจะตาย ตายกันหมดนี่แหละ” แม่พ่ายแพ้ ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง สองมือปิดหน้าพลางสะอื้นตัวโยน แม่เคยเป็นสาวสวยที่เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็น แต่ความตึงเครียดที่รุมเร้ามาตลอดหลายปีทำให้แม่ซูบผอมลงไปมาก

“แม่คะ หนูอยู่กับแม่ หนูจะช่วยพ่อกับแม่เองนะ” เธอก้มลงเก็บเอกสารที่เกลื่อนอยู่ตามพื้น พอจะอ่านเนื้อหา พ่อกลับดึงไปจากมือ

“ทอปัด ไปโรงเรียนเถอะนะลูก วันนี้มีสอบวัดคะแนนใช่ไหม ตั้งใจสอบนะลูก” พ่อเกรงว่าลูกสาวจะไม่สบายใจจึงรีบบอกให้เธอไปโรงเรียน พ่อปิดประตูคุยกับแม่สองคน แต่ทอปัดเลือกที่จะอยู่ เธอต้องการจะรู้ว่าพ่อกับแม่กำลังเผชิญอะไรอยู่

“พี่ชายของคุณทำแบบนี้กับเราได้ยังไง เขาก็เห็นว่าเรากำลังถูกฟ้องล้มละลาย”

“ผมจะไปคุยกับเขาเอง”

“เงินทุนก้อนสุดท้ายของเรา เขาเอาไปสั่งซื้อสินค้าแล้วเอาไปโดยไม่จ่ายค่าของให้ซัพพลายเออร์” แม่ร้องไห้โฮ “เขาใช้ชื่อเราซื้อของ ของในร้านทุกอย่าง พี่ชายคุณให้คนมาคัดของที่ยังขายได้ไปจนหมดแล้ว เรากำลังจะถูกซัพพลายเออร์ยื่นฟ้องข้อหาฉ้อโกง เรากำลังจะไม่เหลืออะไรเลย ไม่เหลือแม้แต่จานกินข้าว”

หัวใจของทอปัดรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ และยิ่งเศร้าเมื่อพ่อบอกว่าไม่มีเงินสู้คดี ซึ่งมันจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าเรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย ทอปัดจึงแอบไปหาลุงสุวิทย์เพื่อขอร้องให้คุณลุงจ่ายเงินที่ควรจะจ่ายให้ซัพพลายเออร์และจ่ายค่าสินค้าที่คุณลุงไปขนมาจากร้าน เธอกดกริ่งที่หน้ารั้วประตูบ้านหลังใหญ่โตของคุณลุง แล้วทอปัดก็พบว่าเธอช่างไร้เดียงสาต่อโลกเกินไป

“ไปให้พ้น”

เสียงดังออกมาจากอินเตอร์คอมที่ประตูหน้ารั้ว ทอปัดจำได้ว่าเป็นเสียงของป้าแจ่มจันทร์ “บ้านเธอมันหมดตัวแล้ว ที่นี่ไม่มีเงินให้ยืม ไปให้พ้นแล้วอย่ามาที่นี่อีก”

“คุณป้า ขอให้หนูได้คุยกับคุณลุงวิทย์เถอะนะคะ ตอนนี้พ่อกับแม่หนูกำลัง...”

สัญญาณเสียงตัดพรึ่บ ทอปัดยืนงงอยู่ตรงนั้น ในใจรู้สึกว่าประตูนรกกำลังเปิดออกช้าๆ ซึ่งคราวนี้แม้แต่เด็กอย่างเธอ ญาติพี่น้องก็ปิดประตูใส่หมด เธอกลายเป็นคนไร้ญาติไปเสียอย่างนั้น แต่เอาเถอะ... ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะเป็นญาติที่ดีต่อกันสักเท่าไร ทอปัดพยายามโทรหาคุณลุงอีกครั้ง ก่อนที่จะมียามรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านหรูขับรถกอล์ฟมาจอด สีหน้าของพวกเขาดูลำบากใจเพราะครอบครัวของเธอเองก็เคยอยู่ที่บ้านสวยๆ หลังใหญ่โตนี้เช่นกัน

“เจ้าของบ้านแจ้งว่าคุณหนูมาก่อกวน รบกวนกลับออกไปกับผมด้วยครับ”

“ทราบแล้วค่ะ”

ทอปัดหันมองบ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย บ้านแสนสวยที่พวกเขาพรากมันไป ยามรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านพาเธอมาส่งที่ริมถนนใหญ่ เธอยืนนิ่งอยู่หน้าหมู่บ้านหรูนานเท่าไรไม่แน่ใจ ก่อนจะตัดสินใจไปทำหน้าที่ของตัวเอง สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้คือสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ให้ได้แล้วมองหางานส่งตัวเองเรียน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel