บท
ตั้งค่า

บทที่ 1-1 น้ำตา

เมื่อวานบรรยากาศในบ้านไม่ดีเลย พ่อกับแม่ยังคงทำตัวตามปกติ แต่ทอปัดรู้สึกได้ถึงแรงตึงเครียดประหนึ่งสายธนูที่ถูกน้าวสายจนตึงเปรี๊ยะ หากกดแรงเข้าไปอีกเพียงนิด สายธนูก็จะขาดสะบั้น ทอปัดนึกย้อนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อกับแม่แอบไว้ไม่ให้เธอรู้ อย่างเช่น หมายศาลที่เจ้าพนักงานนำมาแขวนไว้หน้าร้าน พ่อกับแม่บอกว่าไม่มีอะไร พ่อบอกว่าช่วงนี้ยุ่งๆ เพราะต้องติดต่อหาทนาย

“ได้ปิดร้านพักผ่อนสักวันสองวันก็ดีเหมือนกัน พ่อมัวแต่ยุ่งเลยไม่ได้ทำกับข้าวดีๆ ให้หนูกินเลย วันนี้เลิกเรียนแล้วก็รีบกลับนะ พ่อจะทำกุ้งอบวุ้นเส้นของโปรดให้กิน”

“ได้ค่ะ”

ทอปัดยกมือไหว้พ่อกับแม่ก่อนจะไปโรงเรียน เธอจำได้แม่นว่าเป็นเช้าวันอังคารที่สิบห้าสิงหา ไม่มีคำเตือน ไม่มีอะไรบ่งบอกล่วงหน้าทั้งสิ้น

จะทำอย่างไรถึงจะช่วยพ่อกับแม่ได้นะ...

ทอปัดกำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ในห้องเรียนคาบบ่าย เนื้อหาที่ครูกำลังสอนไม่ได้เข้าสมองเลย และแล้วครูจากฝ่ายปกครองก็ขึ้นมาตามเธอที่ห้อง

“ทอปัด กิตติธารา ออกมาพบครูหน่อย”

“ค่ะ” หัวใจของเธอเต้นรัว หรือว่าครูจะห้ามเธอเก็บขยะแล้วนะ ทอปัดเดินเหนียมๆ ออกมาจากห้องไปที่ห้องฝ่ายปกครอง ที่นั่นมีตำรวจสายตรวจสองนายรออยู่ ทอปัดเริ่มใจคอไม่ดี ก่อนจะเอ่ยขอร้อง “คุณครูคะ หนูรับปากว่าจะเก็บถุงขวดให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ให้สกปรกเลอะเทอะแน่นอนค่ะ ให้หนูเก็บ...”

“ครูมีข่าวร้ายต้องแจ้ง นั่งลงก่อนสิ”

“ค่ะ” เธองุนงง “หนูทำอะไรผิดหรือคะ”

“เปล่า ครูไม่อยากแจ้งให้เธอรู้ด้วยวิธีนี้เลย” ครูดูอึดอัดใจแกมสงสาร จับไหล่ของทอปัดแล้วบีบเบาๆ “คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอ... ท่านเสียแล้วนะ”

ทอปัดมองหน้าครูอย่างงุนงง และเบือนหน้าหันไปมองตานายตำรวจ เธอกล่าวคำใดไม่ออก ครูกลั้นใจกล่าวต่อไปโดยใช้น้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พวกท่านฆ่าตัวตาย”

ความรู้สึกเย็นวาบแล่นไปทั่วร่าง ภาพความทรงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานฟุ้งขึ้นมาเป็นฉากๆ แม่ร้องไห้ พ่อเคร่งเครียด แต่... แต่มันเป็นไปไม่ได้ พ่อกับแม่ไม่ทำแบบนั้นหรอก ไม่เด็ดขาด ทอปัดเงยหน้าขึ้นพลางจิกเล็บลงไปในแขนตัวเอง พยายามทำให้ตัวเองเจ็บปวดเพื่อเรียกสติ

“อย่าล้อเล่นกันสิคะ” ทอปัดหัวเราะแหะๆ “พ่อเคยบอกหนูค่ะ ถึงหนทางมันจะลำบาก แต่เราก็เลือกได้ว่าจะเดินหรือไม่เดิน ขอเพียงแค่อดทน พ่อเป็นคนบอกหนูเอง”

น้ำตาหยดแรกร่วงเผาะทั้งๆ ที่กำลังยิ้ม “พ่อบอกหนู”

“คุณพ่อของเธอทิ้งจดหมายจ่าหน้าถึงเธอเอาไว้ให้ คุณตำรวจจึงมาขอให้เธอ...” ครูเองก็พูดอะไรไม่ออก ครูตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอ อาคารนิติเวช โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่ใครต่อใครไม่อยากแวะเวียนไปสักเท่าไรนัก มันมีกลิ่นความตายอบอวลลอยมาตามลมและมีบรรยากาศหดหู่ ห้องเก็บศพจะอยู่ที่ชั้นใต้ดินไม่ไกลจากห้องชันสูตร ซึ่งสถานที่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรนัก เมื่อไปถึงทอปัดกอดแฟ้มเอกสารรับศพไว้แทบอกขณะเดินอย่างอ่อนล้าตามหลังครูไปตามทางโล่งๆ มีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ กลิ่นยาดองศพฉุนกึก ห้องเก็บศพนั้นก็ช่างหนาวเย็น ไร้อารมณ์ ไร้ไออุ่นและน่าหวาดกลัว เจ้าหน้าที่รับเอกสารไปดำเนินการ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนทอปัดมึนงงไปหมด ขยับตามที่บอกให้ขยับ แล้วก็ยืนงงอยู่อย่างนั้น ดีที่ได้คุณครูฝ่ายปกครองท่านนั้นช่วยเป็นธุระ

“อยากดูท่านมั้ย”

“ค่ะ” สายตาของทอปัดว่างเปล่าขณะช่วยเจ้าหน้าที่แต่งตัวให้คุณพ่อคุณแม่ ใบหน้าของทั้งสองดูสงบเหมือนนอนหลับไปเฉยๆ ที่ขมับมีร่องรอยกระสุนซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตกแต่งแผลให้แล้ว ทอปัดอยากจะย้อนเวลาไปตอนเช้า ตอนนั้นเธอน่าจะกอดพ่อกับแม่เอาไว้…

ทอปัดจ้องซากร่างกายอันเป็นอดีตผู้ให้กำเนิด พ่อกับแม่รักและทะนุถนอมเธอประดุจไข่มุกกลางฝ่ามือ แม้ว่าจะพบความยากลำบากแต่พวกท่านก็เลี้ยงดูเธอมาอย่างดีที่สุด ทอปัดบอกได้เต็มปากว่าชีวิตที่ผ่านมาพ่อกับแม่ไม่เคยบกพร่องใดๆ ต่อเธอเลย แต่นับจากนี้ไปเธอจะไม่มีวันได้กอดพวกท่านอีกต่อไปแล้ว

ทอปัดก้มจูบแก้มพวกท่าน มันเย็นชืดเหลือเกิน ร่างกายคนเราเย็นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ทอปัด ลูกรัก

พ่อขอโทษจากหัวใจ ได้โปรดยกโทษให้พ่อด้วย พ่อเป็นคนล้มเหลว อยู่ไปก็เป็นภาระทำให้ลูกลำบาก วิธีนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด ลูกไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ที่พ่อก่อ แต่พ่อก็ไม่เหลืออะไรให้ลูกเลยเช่นกัน พ่อขอโทษ พ่อรักลูกมากนะ

พ่อ

จดหมายที่เขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบ น้ำหนักปากกาหนักแน่น ใจความก็ห้วนสั้นตามนิสัยไม่ค่อยพูดของพ่อ และมันเศร้าสร้อยเหลือเกิน สามวันหลังจากนั้นเธอจัดงานศพพ่อกับแม่เงียบๆ ที่วัด ไม่มีญาติพี่น้องคนไหนมาร่วมงาน ศาลาตั้งสวดศพเงียบเหงาผิดกับศาลาข้างๆ เธอนั่งกอดเข่าเฝ้าอยู่หน้าโลงตามลำพัง ใจคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ไม่คิดเลยว่าคนที่ตนรักที่สุดสองคนจะจากไปง่ายดาย เธอเชื่อสุดใจว่าพ่อกับแม่จะอายุยืนยาว ผมขาวโพลน พอถึงตอนนั้นเธอคงจะมีหน้าที่การงานมั่นคง วันหยุดก็พาพ่อกับแม่ขึ้นรถไปเที่ยวกันตามประสา เธอเคยสัญญาว่าจะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่น จะต้องสนุกมากแน่ๆ ...

ตอนที่เหนี่ยวไก พ่อกับแม่เจ็บมากไหมนะ...

พ่อกับแม่ไม่ควรจะจากไปเพราะเรื่องนี้...

ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่พาเธอไปด้วยนะ...

เธอคิดวนเวียน จมจ่อมอยู่ในโลกของตัวเอง คิดถึงวันวานแสนสุข คิดถึงเสียงหัวเราะของพ่อกับแม่ตอนที่เธอเล่นซ่อนแอบ คิดถึงอ้อมกอดของพวกท่านตอนที่รู้ว่าเธอได้เกรดสี่ทุกวิชา คิดถึงเสียงเฮๆ ของพ่อที่อยู่ข้างสนามตอนเชียร์เธอแข่งเทนนิส คืนไหนที่เธอนอนไม่หลับก็จะแอบย่องไปนอนซุกที่เตียงของพ่อกับแม่ ทอปัดคิดถึงกับข้าวฝีมือไม่อร่อยของแม่จับใจ จนกระทั่งความทรงจำในอดีตเดินทางมาถึงหน้าห้องเก็บศพ ทอปัดก็จะปัดภาพความทรงจำหดหู่นั้นทิ้งไปแล้วเริ่มต้นคิดถึงความทรงจำสุขสันต์อื่น นับหนึ่งใหม่อีกรอบ

หลังจากจัดการงานศพเสร็จเรียบร้อย คุณลุงก็มาหา ท่านเป็นคนมีเสน่ห์และเป็นมิตรน่าคบหา บุคลิกภูมิฐานน่าเชื่อถือ เค้าโครงใบหน้าอ่อนโยนใจดี คุณลุงแสดงความเสียใจสุดซึ้งขณะแจ้งให้เธอย้ายออก

“ก็อย่างที่รู้ ร้านนี้เป็นของกงสี มีชื่อพ่อเธอร่วมเป็นเจ้าของด้วย ฉันต้องรีบขายทิ้งก่อนที่กรมบังคับคดีจะพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าของใหม่จะเข้ามาแล้ว รีบเก็บของออกไปซะให้เรียบร้อย อะไรที่ทิ้งไว้จะถูกทิ้งหมด”

“แล้วสมบัติทุกชิ้นที่โอนมาฝากใส่ชื่อคุณลุงล่ะคะ”

“อยากได้ก็ไปฟ้องเอา” คุณลุงเริ่มฉุนเฉียว “ฉันอุตส่าห์ยอมเสี่ยง รับฝากเงินในบัญชีกับที่ดินเอาไว้ คิดแต่ได้ฝ่ายเดียวเชียวนะ บอกตามตรงว่าฉันไม่คิดจะเอาของของพ่อเธอไว้เองหรอก เก็บไว้ก็อึดอัดใจ แต่ถ้าโอนคืนให้เธอตอนนี้ เจ้าหนี้ตามฟ้องยึดไปหมดแน่ ฝากไว้ที่ฉันนี่แหละปลอดภัยแล้ว เข้าใจบ้างสิ”

“เงิน”

“เธอมีที่อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ บ้านญาติแม่ก็มีใช่มั้ย ส่วนเงินที่ขายร้านนี้ได้ ฉันไม่ให้เธอหรอกนะ พ่อเธอติดเงินฉันไม่ใช่น้อยๆ ฉันไม่เรียกร้องอะไรเพิ่มจากเธอก็ถือว่าดีแล้ว”

“เงิน”

ทอปัดเงยหน้าขึ้น ดวงตาเหนื่อยล้าเต็มไปด้วยข้อกังขา “ทำไมคุณลุงถึงโกงเงินพ่อของหนูคะ ถ้าคุณลุงไม่ทำแบบนั้น พ่อกับแม่ของหนูก็คงจะไม่...”

“อย่ามาพูดกล่าวหากันมั่วๆ นะ ฉันไปโกงอะไรพ่อเธอ มีหลักฐานรึเปล่า นังเด็กปากหมา ไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้”

ลุงไล่ตะเพิด ทอปัดก็แน่ ไม่แม้แต่จะอ้อนวอนขอร้องหรือขอความอนุเคราะห์ใดๆ จากลุง เธอวางเงินไว้ห้าพันบาทเป็นค่าขนย้ายและกำจัดข้าวของในร้านให้ด้วยซ้ำ

……………………….

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel