บทที่ 1-2 น้ำตา
ตอนที่ออกมา ทอปัดแทบไม่มีอะไรติดตัวเลย มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้า ของส่วนตัวนิดหน่อย รูปถ่ายครอบครัวใส่กรอบหนึ่งรูปแล้วก็หนังสือเรียน ส่วนเถ้าอัฐิของพ่อกับแม่ เธอกราบขอฝากเจ้าอาวาสไว้ที่วัดก่อน ตอนนี้เธอมีเงินติดตัวแค่สามพันบาท เมื่อถูกไล่ออกมาผจญโลกเพียงลำพัง ชีวิตของเด็กที่กำลังจะเรียนจบมัธยมปลายอย่างทอปัดจึงมาถึงทางแยกสำคัญ
ดีที่คุณครูฝ่ายปกครองท่านนั้นทราบเรื่องก็เมตตา อนุญาตให้เธอมาพักที่บ้านพักในโรงเรียนก่อนเป็นการชั่วคราว พวกป้าๆ ร้านข้าวแกงที่โรงเรียนก็คะยั้นคะยอให้เธอกินฟรี ตักข้าวให้พูนจาน ทอปัดกินไปน้ำตาก็ไหลไป ซึ่งเธอไม่เคยลืมพระคุณของคุณป้าร้านข้าวแกงกับคุณครูท่านนี้เลย
การจากไปของพ่อกับแม่สร้างความสะเทือนใจใหญ่หลวงไม่น้อย คนที่รู้ข่าวต่างก็คิดว่าชีวิตเธอต้องหันเหตกต่ำ ติดยา หนีเที่ยว ทำตัวมีปัญหาอะไรเทือกนั้น แต่ทอปัดไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางแต่อย่างใด ความจนไม่อนุญาตให้เธอเศร้าโศกนานนัก ชีวิตยังคงดำเนินไปตามครรลอง ออกจะมีสีสันเพราะเธอเก็บขยะขายเก่งมาก พวกผู้ใหญ่แถวโรงเรียนเอ็นดูก็เก็บขวดแก้ว ขวดพลาสติกไว้ให้เธอ นอกจากนี้ทอปัดมีวิชาความรู้อะไรก็งัดออกมาหากิน รับจ๊อบติวเตอร์ที่โรงเรียนกวดวิชาของพวกครูบ้าง รับจ้างพิมพ์รายงานไม่ก็ช่วยงานธุรการของครูเพื่อรับค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ บ้าง
“ลองซื้อกองทุนหุ้นตัวนี้สิคะ”
เธอเอ่ยขึ้น เมื่อบังเอิญได้ยินพวกครูปรึกษากันเรื่องวางแผนเกษียณ พวกครูไม่มีใครเชื่อเพราะการลงทุนที่นิยมในตอนนั้นไม่มีชื่อหุ้นตัวนี้ในสายตาเลย แต่ครูที่อุปการะเธอเชื่อ และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็น่าเหลือเชื่อ เธอตระหนักภายในเวลาไม่นานว่าชอบหุ้น ชอบวิเคราะห์โอกาสในการลงทุน นับจากนั้นมาเธอจึงเริ่มสนุกกับการจับทิศทางกระแสหุ้น ใช้เงินสะสมที่มีเปิดพอร์ตจำลองหุ้นเล็กๆ น้อยๆ แต่ชีวิตไม่ใช่นิยาย ตลาดหุ้นก็ไม่ใช่สนามเด็กเล่น กระดานหุ้นแดงบ้างเขียวบ้าง ทอปัดเรียกช่วงเวลานั้นว่าช่วงตั้งไข่ ฝึกที่จะยืนและเดินอย่างมั่นคงเพื่อที่จะวิ่งในภายภาคหน้า เรียนรู้ที่จะติดตามข่าววิเคราะห์การลงทุน ดูดซับข้อมูลทุกอย่างประดุจฟองน้ำ
“เรียนจบแล้วนะทอปัด เก่งมาก”
คุณครูขยี้เผ้าผมของเธอพลางยื่นใบประกาศนียบัตรจบการศึกษาให้อย่างมีเมตตา “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวเธอแน่นอน เธอเป็นลูกศิษย์ที่ครูภูมิใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
“แน่ใจแล้วหรือว่าจะไม่เรียนต่อ”
“ค่ะ หนูต้องทำงานเก็บเงินก่อน หนูรับปากค่ะว่าจะเรียนต่อแน่นอน”
“แล้วคิดจะทำอะไรต่อไป วุฒิ ม.6 เรียกเงินได้สักเท่าไรเชียว”
“คิดเสียว่าเก็บประสบการณ์ไปก็แล้วกันค่ะ มีติวเตอร์หลายแห่งสนใจเรียกตัวหนูไปทำงาน คิดว่าทำงานไม่นานก็น่าจะเก็บเงินเรียนต่อได้พอค่ะ”
“ดีแล้ว ถ้าเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือก็ติดต่อครูนะ อย่าได้ลังเล ถ้าเหนื่อยล้าก็แวะกลับมา ครูจะอยู่ที่นี่ คอยซัพพอร์ตเธอเสมอนะทอปัด”
“ขอบคุณค่ะครู” เธอพนมมือไหว้และรับอ้อมกอดจากครู “ครูใจดีต่อหนูเหลือเกินค่ะ”
“เธอเป็นเด็กดี ถ้าฉันมีลูกสักคน ฉันก็อยากมีลูกแบบเธอนี่แหละ มุ่งหน้าต่อไปเถอะทอปัด อนาคตที่ดีและมีความสุขรอเธออยู่ข้างหน้าแน่นอน”
.....................
เธอไม่ได้ล้มเลิกการเรียนมหาวิทยาลัย แต่หนทางที่จะก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจเดียวกับที่พ่อเคยทำจำเป็นต้องมีประสบการณ์ที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย อีกทั้งเงินเก็บที่เธอมีอยู่ ต่อให้ขอทุนการศึกษาได้ก็ไม่เอื้อให้เธอเป็นนักศึกษาเต็มตัวได้อย่างสบายใจ
“อายุเท่าไรแล้ว”
“สิบแปดค่ะ”
“เด็กเกินไป ทำงานแปบๆ ก็ขอออกทุกคน”
“ให้โอกาสหนูลองทำงานดูเถอะค่ะ”
“ตำแหน่งเต็มแล้ว เธอสวยนะ ไม่ลองหางานรับจ๊อบกินข้าวเป็นเพื่อนดูล่ะ”
ทอปัดพยายามหางานในออฟฟิศสักแห่ง จะงานผู้ช่วย งานธุรการ หรือพนักงานขายอะไรก็ได้ แต่บริษัทห้างร้านที่เธอสมัครติติงเรื่องวุฒิการศึกษา ไม่ก็กดเงินเดือนจนไม่สามารถมีชีวิตรอดในแต่ละเดือนได้ แย่หน่อยก็คือเจอพวกกะลิ้มกะเหลี่ย เธอถูกบอกปฏิเสธในวันเดียวถึงหกแห่ง แต่ทอปัดก็ไม่ท้อ แค่เดินหน้าต่อไป
“แหม นึกว่าใคร เจ้าหญิงทอปัดนี่เอง ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ” เสียงทักดังขึ้น ทอปัดไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร แต่ในเมื่อหลบไม่ได้ก็ต้องหันกลับไปตามมารยาท
“แก้มสบายดีมั้ย” ทอปัดทักทายเพื่อนสมัยเรียน แก้มแข่งเรื่องเรียนเรื่องกิจกรรมมาตลอด ยิ่งรู้ว่าทอปัดไม่ได้เรียนต่อก็ยิ่งดีใจ รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังแกล้งถามเยาะเย้ย
“ฉันเข้าบัญชี ม.XX ได้ คะแนนยื่นสมัครสูงที่สุดในคณะเลยนะ แล้วก็ได้รับเลือกเป็นเฟรชชี่ดาวเด่น เป็นหัวหน้ารุ่นอะไรประมาณนั้นแหละ ฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจหรอก อ่อ แฟนของฉันทำงานเป็นหัวหน้าแผนกที่นี่ แล้วเธอล่ะ คะแนน TCAS เต็มจะสมัครเข้าที่ไหนก็ได้นี่ เนี่ย เธอเล่นเงียบหายไปจากกลุ่มไลน์ห้องเลย ทุกคนในห้องก็ตามหาเธอกันให้ควั่ก นึกว่าบินไปเรียนเมืองนอกแล้วเสียอีก มาๆ มาถ่ายรูปกัน ตอนนี้เธอเรียนอยู่ที่ไหนเหรอ”
“ฉันต้องทำงานน่ะ”
แก้มคว้าคอทอปัดแล้วถ่ายเซลฟี่ “ตายจริง... งั้นก็สู้ๆ นะ แล้วตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ล่ะ หรือว่ามาสมัครงานที่นี่ วุฒิแค่ม.6 คงได้งานแม่บ้าน น่าเสียดายนะ ถ้าพ่อแม่เธอไม่ตาย ป่านนี้คงได้ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนฉันแล้ว เอ่อ แย่จัง ฉันพูดอะไรทำร้ายจิตใจเธอรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอพูดแล้วมีความสุขก็พูดไปเถอะ ฉันไปก่อนนะ”
ทอปัดเดินจากไป ถามว่าเสียใจไหม หากตอบว่าไม่ก็คงจะโกหก แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ ในเมื่อเลือกไม่ได้เธอก็ต้องสู้ทุกวิถีทางเพื่อหางานให้ได้
“เด็กคนนั้นมาทำอะไรที่นี่”
คุณป้าแจ่มจันทร์ ป้าสะใภ้ของเธอสังเกตเห็นทอปัดกำลังติดต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพื่อนของคุณป้าซึ่งเป็นภรรยาเจ้าของบริษัทแห่งนี้หันไปมองทอปัด ก่อนจะยักไหล่
“ไม่รู้สิ ฉันจะไปรู้จักทุกคนได้อย่างไร คงจะมาสมัครงานแม่บ้านล่ะมั้ง ไม่ต้องไปสนใจหรอก รีบไปดูเครื่องเพชรกันเถอะ เดี๋ยวถูกตัดหน้าล่ะเสียดายแย่”
ป้าสะใภ้แอบมองทอปัด เมื่อก้าวขึ้นไปบนรถจึงเอ่ยขอร้องเพื่อนอย่างจริงจัง
“เด็กคนนั้นชื่อทอปัด เป็นหลานสาวของคุณสุวิทย์ จำได้มั้ย เด็กที่พ่อแม่ยิงตัวตายเมื่อหลายเดือนก่อนไง”
“ตายจริง แล้วตอนนี้เธออยู่กับใครหรือ”
“ไม่รู้สิ คุณสุวิทย์ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่ฉันมีเรื่องอยากขอไหว้วานเธอเกี่ยวกับเรื่องเด็กคนนี้”
“ว่ามาสิ”
“ช่วยบอกคนที่บริษัทของเธอ ห้ามรับเด็กคนนี้เข้าทำงานได้มั้ย”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“มันเป็นตัวซวยน่ะสิ” แจ่มจันทร์กระซิบ “ดวงเกิดของมันแรงมาก ล้างผลาญ ใครเข้าใกล้ก็ล่มจมไปหมด ไม่สังเกตเหรอ น้องชายคุณสุวิทย์เก่งกาจปานนั้น แต่พอเด็กคนนี้เกิด อะไรๆ ก็ติดขัด สุดท้ายก็ล้มละลายไม่เหลืออะไรเลย ถึงต้องยิงตัวตายหนีหนี้ ขนาดฉันยังไม่กล้าให้เด็กคนนี้เข้าบ้านเลย”
“ตายจริง”
“พ่อกับแม่ของเด็กคนนี้ก็เที่ยวหยิบยืมเงินไปทั่ว ฉันอุตส่าห์ช่วยเหลือก็ยังไม่รู้จักคุณคน แล้วนังเด็กคนนี้ก็ร้ายมาก ขี้ขโมย มือไวก้นไว ถ้ารู้จักใครก็ฝากบอกต่อๆ กันด้วยว่าอย่ารับเข้าทำงาน”
“ได้ๆ ฉันจะกระจายข่าวให้” เพื่อนของป้าแจ่มจันทร์เชื่อถือโชคลางมาก เพื่อนบอกอะไรก็เชื่อ รีบโทรกลับไปที่บริษัท โวยวายให้ไล่ทอปัดออกไป แจ่มจันทร์นั่งฟังเงียบๆ มุมปากมีรอยยิ้มสะใจ พึงพอใจที่ได้ทำลายคนอื่น นับจากนั้นมาทอปัดก็แทบไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์งานเลย เธอจึงต้องทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์ชั่วคราวที่ร้านสะดวกซื้อแถวที่พัก แต่ทำได้ไม่ถึงสัปดาห์ หัวหน้างานก็เรียกคุยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก
“ฉันจำเป็นต้องให้เธอออกวันนี้”
“ทำไมหรือคะ... หนูทำงานไม่ดีหรือ”
“ไม่ ไม่เลย เธอทำงานคล่องมาก สอนแค่ครั้งเดียวก็ทำได้หมด รายการสินค้าเป๊ะ ระบบงานที่ยุ่งเหยิงก็ดีขึ้นเพราะเธอ”
“แล้วทำไม...”
“สำนักงานใหญ่แจ้งมาแบบนี้ ฉันก็ลำบากใจ”
“สำนักงานใหญ่หรือคะ” ทอปัดไม่เข้าใจ สำนักงานใหญ่ของธุรกิจโมเดิร์นเทรดระดับประเทศ ถึงกับยิงคำสั่งไล่ออกโดยตรงมาถึงสาขาเล็กๆ ในซอยเชียวหรือ
“หรือเพราะนามสกุลของหนูคะ”
“ใช่”
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
คุณหนูลูกเจ้าสัวพันล้านต้องดิ้นรนเช่นนี้ก็เป็นอะไรที่รู้สึกซับซ้อนยากเกินบรรยายเหมือนกัน ใครต่อใครก็ไม่คิดเลยว่าชีวิตคนเราจะพลิกผันอะไรขนาดนี้ เพราะดีชั่วอย่างไรเธอก็มีสายเลือดของตระกูลกิตติธารา ตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ และเพราะนามสกุลที่ติดตัวเธอมาโดยกำเนิดก็กลายเป็นเงาหลอกหลอน เมื่อพบเรื่องแนวๆ นี้ซ้ำๆ ทอปัดจึงจับทางได้ว่าตัวเองถูกหมายหัว
คุณลุงของเธอได้ทุกอย่างไปยกเว้นหนี้ มันคือการล้มบนฟูกและหาตัวตายแทนได้อย่างสะอาดหมดจด ไร้ร่องรอย ชื่อของพ่อกลายเป็นรอยด่างพร้อยของตระกูลที่ไม่มีใครอยากพูดถึง รวมทั้งทายาทอย่างทอปัดเองก็ถูกวงศ์วานมองข้ามด้วยเช่นกัน ในขณะที่ทอปัดดิ้นรนใช้ชีวิต ธุรกิจในเครือกิตติธาราก็ขยับขยายเติบโต เจริญรุดหน้าและได้รับยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจที่เป็นตำนาน หลายครั้งที่คุณลุงได้รับเชิญเป็นแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์จากแวดวงการเงิน ออกทีวีให้ความเห็นในฐานะผู้เชี่ยวชาญก็บ่อย ทอปัดชินแล้วล่ะ ชีวิตก็มีแค่นี้ ต่างคนต่างอยู่ ไม่คิดจะเกี่ยวข้องกันอีก
แต่แล้วขณะที่กำลังนั่งรถเมล์ไปสมัครงาน รถราคลานไปตามถนน เหมือนฝูงปลาเหนื่อยล้าที่ว่ายไปเงียบๆ ในท้องทะเลทุกข์ทน ป้ายโฆษณาบิลบอร์ดริมถนนก็เปลี่ยนชะตาเธอ
ดวงตากลมโตจับจ้องตราเหยี่ยวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเฟรเซอร์ มันอยู่ในท่วงท่าฉีกงูเป็นชิ้นๆ อย่างเกรี้ยวกราด เฟรเซอร์ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เป็นสถาบันการเงินใหญ่ระดับโลก เป็นหนึ่งในแหล่งเงินทุนสำคัญที่สำคัญอันดับต้นๆ ในแวดวงการเงิน และตราเหยี่ยวดุร้ายนี้ปรากฎในเอกสารมูลหนี้ที่พ่อของเธอพยายามปิดบังอยู่ด้วย
เธอมองงูที่ถูกฉีกทึ้ง มองเหยี่ยวที่กำลังแผดเสียงและกางกรงเล็บ ผู้แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ทอปัดก็พลันเข้าใจ คนเรามีสองประเภทนั้นคือถูกฉีกหรือเป็นฝ่ายฉีก ถ้าเธอต้องการจะเป็นผู้ฉีกกระชาก แล้วจะมีหนทางใดเล่าที่จะย่นระยะให้สั้นที่สุด
ทอปัดแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง คราวนี้แววตาเปลี่ยนไป คอยดูเถอะ เธอจะทำให้คนเลือดเย็นอย่างคุณลุงต้องชดใช้!