บทนำ 1
ประกาศผลคะแนนสอบของโรงเรียนปรากฏชื่อ ทอปัด กิตติธารา อยู่ในลำดับที่หนึ่ง ซึ่งเป็นชื่อที่บรรดานักเรียนที่กำลังยืนดูลำดับคะแนนของตนเห็นแล้วต่างบุ้ยปาก
“ทอปัดอีกแล้ว”
“ก็แน่สิ TCAS คะแนนเต็มของเธอสูงที่สุดในประเทศเลยนะ แม่นั่นน่าขนลุกเป็นบ้า”
“เมื่อก่อนเรียนนานาชาติ ค่าเทอมเดือนละห้าแสน แต่บ้านล้มละลายถึงต้องลดตัวมาเรียนโรงเรียนบ้านๆ กับพวกเรานี่ไงล่ะ”
“เป็นเจ้าหญิงสูงส่งปานนั้น แล้วทำไมถึงทำตัวหิวเงินน่าเกลียดขนาดนี้ ไม่เหลือคราบคุณหนูเลยสักนิด”
เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ ทุกคนที่รู้จักทอปัดเอ่ยถึงลูกคุณหนูตกอับบ้างล่ะ หยิ่งบ้างล่ะ ทำตัวน่าสมเพชบ้างล่ะ แต่เรื่องระดับสติปัญญาแล้วไม่มีใครโต้แย้งได้ และคนที่ทุกคนกำลังพูดถึงกำลังเดินดุ่มออกจากกลุ่มคนหน้าบอร์ดไปเงียบๆ ประมาณว่าหนีดีกว่า
ทอปัดแต่งกายชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายไม่ต่างจากคนอื่นๆ เลย ใบหน้าเรียวรูปไข่ เรือนผมดำยาวประกายน้ำตาลปลิวพลิ้วระใบหน้าในชั่วเวลาหนึ่ง นิ้วมือเรียวงามจึงปัดผมออก เพียงเท่านี้พวกหนุ่มๆ ก็มองเพลิน พึมพำว่าสวยทุกมุมมองเป็นแบบนี้นี่เอง แต่ที่จะผิดแผกจนไม่มีใครอยากยุ่งด้วยก็คือเธอตั้งอกตั้งใจเก็บขวดน้ำที่ทิ้งเกลื่อนตามถังขยะ รวบรวมเอาไว้ ป้าแม่ค้าร้านข้าวในโรงอาหารไหว้วานให้ทำอะไร ทอปัดก็รับทำให้หมด เรียกว่าอะไรที่ทำเงินได้ก็ไม่เกี่ยงเลย ซึ่งแหล่งรายได้หลักๆ ของเธอก็คือรับติวข้อสอบ
“แหม... อันดับหนึ่งของประเทศกำลังทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ ฉันยกกระป๋องน้ำอัดลมให้เอามั้ย”
เสียงทักทายดังขึ้น ซึ่งไม่ต้องตีความก็รู้เจตนาของคนพูดได้ว่ากำลังเสียดสี ทอปัดถนัดเรื่องขอบคุณอยู่แล้วจึงยิ้มและขอบคุณทันที แต่อีกฝ่ายโยนกระป๋องเปล่าข้ามหัวเธอไป กลิ้งตกไปที่พื้น คนโยนก็อุทานอุ๊ยตาย จงใจร้องเสียงดังให้นักเรียนคนอื่นๆ ที่นั่งเล่นอยู่แถวม้าหินหันมามอง
“ฉันโยนพลาดน่ะ ขอโทษด้วยนะ อันดับหนึ่งของประเทศใจดีจะตาย คงไม่โกรธกันนะ”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันเก็บเอง” ทอปัดไม่อยากมีเรื่องจึงก้มเก็บ ชินเสียแล้วล่ะที่ต้องขายหน้า จะใครพูดก็ช่างเถอะ เธอไม่คิดมากอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิกรา ทำทุกวิถีทางให้ทอปัดอายให้ได้
“เที่ยวเก็บขยะขายแบบนั้น จะได้เงินสักเท่าไรเชียว”
“ช่วงนี้ขวดพลาสติกได้ราคา ก็คงจะได้ประมาณยี่สิบบาท พอได้ค่ารถเมล์” ทอปัดคำนวณคร่าวๆ อย่างจริงจัง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโยนเงินให้หนึ่งร้อย
“เงินค่าชีทติวไงล่ะ เอาไปสิ ไม่ต้องทอน”
“อ้อๆ ขอบใจๆ”
เมื่อก่อนทอปัดเป็นคุณหนูผู้มีอันจะกิน เงินค่าขนมที่ได้แต่ละวันมากกว่าเงินเดือนของคนทั่วไปเสียอีก เวลาไปเรียนก็จะมีคนขับรถรับส่ง มีเพื่อนฝูงเดินตามมากมาย พออายุเข้าวัยสาว ความสะสวยก็ยิ่งแบ่งบานสะพรั่ง เธอเป็นสาวเต็มตัวและสวยอย่างไม่มีที่ติ ใบหน้าหวานซึ้ง นัยน์ตาคมทอประกายฉลาดเฉลียว ผิวขาวนวลนุ่ม สวยงามราวกับตุ๊กตา แม้แต่เด็กๆ ก็ยังรู้สึกถึงความพิเศษในตัวเธอ ใครๆ ก็ชื่นชมว่าเธอเป็นคนสวยคนเก่ง แต่มันก็เป็นอดีตนานแล้ว เวลานี้ก็ต้องปรับตัวกันไป ทอปัดก้มเก็บเงิน เอามาปัดฝุ่นแล้วพับเก็บใส่กระเป๋าสตางค์อย่างพิถีพิถัน ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ
“สอบคราวหน้ามาอุดหนุนกันใหม่นะ”
ทอปัดยิ้มแฉ่ง แต่อีกฝ่ายไม่ยิ้มด้วย สะบัดหน้าเดินออกไปพลางพึมพำว่าน่าสมเพช ก็แน่ล่ะ เจ้าตัวสอบแข่งขันกับทอปัดมาตลอด พยายามเรียนพิเศษมากมายแต่ก็ยังทำคะแนนได้ไม่ดีเท่า ไม่ที่สองก็ที่สามตลอด ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ลองลดทิฐิซื้อชีทติวจากทอปัดมาอ่าน คะแนนสอบย่อยก็เลยพอตีตื้นขึ้นมาหายใจรดต้นคอ แต่เพื่อนคนอื่นๆ ต่างพูดว่าเป็นเพราะอานิสงส์จากชีทติวของทอปัดต่างหาก ทำให้เจ้าตัวเสียหน้าไม่น้อย
ทอปัดยืดตัวไล่เมื่อย เดินไปล้างไม้ล้างมือ ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงดูหงุดหงิดอะไรปานนั้น แต่ก็ช่างเถอะ ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนเธอมาช่วยทำบัญชีภาษีให้ป้าๆ ร้านข้าวแกง ร้านขายน้ำปั่น ร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ละร้านต่อแถวเรียงคิวให้เธอจัดเก็บใบเสร็จค่าวัตถุดิบ ยอดขายลงบันทึกคำนวณด้วยการกดเครื่องคิดเลขแป้นใหญ่ๆ ดังแกร๊กๆ
“ยอดขายรวมของปีภาษีนี้เท่ากับ 1,273,658 บาท ถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ตามประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการสามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ที่ร้อยละ 60 ตามกฎหมาย เท่ากับ 764,194.80 เหลือ 509,463.20 หักค่าลดหย่อนผู้มีเงินได้ได้อีก 60,000 บาทเหลือเป็นเงินได้สุทธิเท่ากับ 449,463.20 บาทต่อปี หนึ่งแสนห้าหมื่นบาทแรกไม่เสียภาษี หนึ่งแสนห้าหมื่นต่อมาเสียภาษีร้อยละห้า ยอดที่เหลือคิดภาษีร้อยละ 10 รวมยอดภาษีเงินได้ที่ต้องจ่ายทั้งหมดเท่ากับ 22,446.30 บาทค่ะ”
ทอปัดจิ้มๆ เครื่องคิดเลข ก่อนจะเงยหน้ายิ้มแฉ่ง “ถ้าอยากลดยอดภาษี แนะนำให้ซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีค่ะ”
“ขอบใจมากนะหนูปัด หนูช่วยป้าได้เยอะเลย”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
โลกของธุรกิจเป็นเรื่องน่าหลงใหล ตัวเลขกำไรสุทธิ งบบัญชี ค่าใช้จ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน เงินปันผล กองทุน ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ทอปัดสนใจ เธออ่านบทความเกี่ยวกับผู้บริหารระดับสูงที่ประสบความสำเร็จมากมาย ศึกษาวิธีการตัดสินใจที่ถูกต้อง ดีลธุรกิจรูปแบบต่างๆ การเลือกหุ้นที่เหนือความคาดหมาย และที่เธอสนใจเป็นพิเศษคือความผิดพลาดของผู้บริหารเก่งๆ โดยเฉพาะพ่อของเธอ
พ่อสอนว่าความสำเร็จในอาชีพไม่ได้เกิดขึ้นง่ายดายเหมือนอย่างที่บทความสวยหรูพวกนั้นบอก แต่มันเกิดจากการเคี่ยวกรำนานปี เรียนรู้จากการทำซ้ำแล้วซ้ำอีก แก้ไขในสิ่งที่ผิดมหันต์และปรับปรุงข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ชีวิตไม่ได้เดินทางจากจุดเอไปจุดบีเป็นเส้นตรง แต่มันจะต้องมีข้อผิดพลาดชนเข้ามาจนเราหัวโน และเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะไม่เอาหัวไปชนอีกก็เท่านั้นเอง
“รายการบัญชีและเอกสารยื่นภาษีเสร็จเรียบร้อยค่ะ พรุ่งนี้ไปยื่นที่สรรพากรเขตได้เลยนะคะ”
หลังจากเสร็จงานเธอก็ยิ้มหน้าแป้น พนมมือรับเงินค่าแรงร้านละห้าร้อยบาท เมื่อนั่งรถเมล์กลับถึงบ้าน ทอปัดก็แอบเอาเงินที่หาได้ยัดใส่เก๊ะเงินของพ่อแล้วย่องกลับขึ้นห้องไปเปิดคอม ตั้งกล้องทำคลิปสอนกวดวิชาลงยูทูปหารายได้อีกทางเป็นกิจวัตร ยอดวิวก็ถือว่าโอเคเลย รายได้ต่อเดือนพอช่วยค่าน้ำค่าไฟให้ที่บ้าน เธอขวยขวายหาเงินมากจนถูกหัวเราะ ใครๆ ต่างก็พูดว่าเงินไม่ใช่กุญแจไขไปสู่ความสำเร็จ แต่ทอปัดก็คิดเสมอว่าถ้ามีเงินมากพอ เธอก็สั่งทำกุญแจได้
หากการเรียนรู้ความผิดพลาดทางธุรกิจของคนอื่นแล้วนำมาป้องกันแก้ไขเป็นเรื่องที่ดี ข้อผิดพลาดทางธุรกิจของพ่อก็เป็นบทเรียนแรกที่เธอได้สัมผัส พ่อหลุดออกจากตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล บ้านเธอติดหนี้อยู่ราวๆ เก้าร้อยกว่าล้านบาท... ตีหยาบๆ ว่าพันล้านไปก็แล้วกัน เงินที่ทอปัดพยายามหาได้แต่ละวันมันจึงเล็กยิ่งกว่าธุลี
หนี้ก้อนนี้เกิดจากการทำธุรกิจกงสีของตระกูล แต่ไม่รู้ทำไมพอทุกอย่างล้มครืน พ่อของเธอกลับเป็นคนรับภาระหนี้เพียงผู้เดียว เข้าทำนองยามกินก็มีคนร่วมกินด้วย แต่ยามอด จะเหลียวมองหาข้าวจากใครก็ไม่มีเลย
“ธุรกิจอสังหาฯ เป็นการเล่นกับความเสี่ยง” พ่อคุยกับเธอเมื่อมีเวลาว่างเสมอ แววตาของพ่อมีความสุขเมื่อพูดถึงความสำเร็จ “ลูกคงจำได้ พ่อมีตึกอยู่ทั่วกรุงเทพ นนทบุรี สมุทรปราการ เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี ระยอง สุราษฎร์ธานี”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นหรือคะพ่อ”
“ความโลภอย่างไรล่ะ พ่อเลยเสียทั้งกระดาน ก่อนจะเสียมันไป พ่อก็คิดได้ว่า อ้อ รสชาติของชีวิต มันมีรสชาติดีไม่น้อย จำไว้นะลูก ถ้าจะสร้างอะไรสักอย่าง เราต้องใช้เงินคนอื่น”
“ใช้เงินคนอื่น?”
พ่ออมยิ้ม สอนเธอเรื่องการจำนอง การหมุนเงิน การขอกู้เงิน พ่อของเธอเคยร่ำรวยเข้าขั้นเจ้าสัวดาวรุ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นเวลาล้มจึงล้มดังกว่าเพื่อน ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวก็เริ่มเปลี่ยนไปตามประสาคนเคยรวย รถยุโรปหรูทยอยขายเหลือแค่รถญี่ปุ่นมือสองหนึ่งคัน คฤหาสน์หลังงามเหลือแค่บ้านเดี่ยวขนาดสองห้องนอน ทรัพย์สินที่มีหลุดมือไปทีละชิ้น ดีที่ได้ลุงสุวิทย์ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ คอยช่วย พ่อจึงถอดชุดสูทออกแล้วมาทำงานที่ร้านขายวัสดุก่อสร้างซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมและเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ส่วนแม่ทยอยขายเครื่องเพชรและของมีค่าเพื่อหาเงินหมุนเวียน แต่มันก็ยังไม่พอ
ตั้งแต่นั้นมาทอปัดเห็นพ่อพยายามวิ่งหาเงินทุกทางเหมือนหนูถีบจักร พ่อยื่นกู้ครบทุกธนาคารและขอความเมตตาจากผู้มีอันจะกินทั้งหลาย หรือพูดง่ายๆ ว่าขอกู้นั่นแหละ แต่ยิ่งกู้ก็ยิ่งจมลึกขึ้น เหมือนวัวที่พยายามหนีจากโรงเชือดแต่พันเชือกรัดคอตัวเองจนยุ่งเหยิง เวลาไปรวมญาติกันแต่ละครั้ง คำดูถูกดูแคลนก็ลอยมาให้ทอปัดได้ยินเสมอ เมื่อก่อนพ่อกับแม่ได้รับเกียรติเป็นอย่างดี แต่เดี๋ยวนี้ต้องคอยบริการอำนวยความสะดวก ส่วนเธอต้องยกข้าวเก็บจานให้ไม่ต่างอะไรจากคนใช้เลย และแน่นอนว่าทั้งคำนินทา ทั้งเบ่ง เกทับ ติทุกอย่างที่เกี่ยวกับครอบครัว โดยเฉพาะป้าแจ่มจันทร์ ภรรยาของคุณลุงจะพูดในวงอาหารแบบไม่ไว้หน้าบ้านเธอเลย
“เอ้า จานที่พี่ๆ เขากินเสร็จแล้วก็ยกไปล้างด้วยสิ”
“ค่ะ”
“ปัด เดี๋ยวแม่ทำเองลูก หนูไปนั่งพักเถอะ”
“ทอปัดเป็นลูกสาวก็ต้องคอยช่วยงานแม่นั่นแหละถูกต้องแล้ว ล้างจานแค่นี้ยังทำอิดออด น่าอายจริงๆ”
“แล้วทำไมหนูถึงต้องเป็นคนล้างให้คนอื่นตลอดเลยล่ะคะคุณป้า แม่กับหนูต้องตื่นมาจัดเตรียมของ กินก็ได้กินทีหลังแถมยังต้องมาเก็บล้างอีก ตกลงงานรวมญาติหรืองานเอาเปรียบกันแน่คะ”
“เอ๊ะ นังเด็กนี่!”
“ทอปัด ไม่เอาลูก” แม่พยายามปรามเพราะไม่อยากให้เธอกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ทอปัดก็ได้แต่เก็บความขัดข้องใจเอาไว้และยกมือไหว้ขอโทษ ความที่แม่ของเธอมีพื้นฐานมาจากครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง ญาติๆ ของพ่อก็เลยไม่ค่อยชอบแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เวลาคุยกับแม่พวกเขาก็จะถือตัว โดยเฉพาะป้าแจ่มจันทร์ที่จะคุยกับทอปัดเพื่อกระแซะไปถึงแม่ตลอด