ตอนที่ 3 วางยาพิษ
ชายชราพยักหน้าทันใด รีบร้อนออกจากเรือนท้ายจวนอย่างว่าง่าย ไม่กล้าโต้แย้งคุณหนูสักครึ่งคำ เกรงว่าจะพานทำให้เจ้านายตัวเล็กไม่พอใจขึ้นมา วันนี้คุณหนูน้อยสูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิด ย่อมอยากอยู่เพียงลำพัง
ชายชราเช่นเขามีหรือจะไม่เห็นอกเห็นใจเด็กน้อยคนนี้ ถูกบิดาหมางเมินชังหน้า ฮูหยินรองก็จงเกลียดจงชังนักหนา ของใช้ต่าง ๆ มิเคยได้รับมา มิหนำซ้ำยังมีเพียงแค่เบี้ยหวัดรายเดือนแทบไม่พอยาไส้
ตัวเขาเองเป็นเพียงพ่อบ้าน ฐานะมิได้สูงส่งจะกล้าคัดค้าน หรือออกหน้า กระทั่งเสนอความคิดเห็นอย่างไร ทำได้แค่แอบช่วยเหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ยังโชคดีที่ฮูหยินเอกร่ำรวย จึงมิได้ขัดสนเงินทองมากมายนัก
โลงศพถูกนำเข้ามาตั้งอยู่ในเรือนของผู้เสียชีวิต ร่างไร้เรี่ยวแรงนอนแน่นิ่งอยู่ในโลงเย็นยะเยือก ท้ายจวนมีประตูหลัง สำหรับให้บรรดาบ่าวทั้งหลายเดินทางเข้าออก สาวใช้ของไป๋ผิงอันออกไปส่งข่าว เพียงแค่หนึ่งก้านธูปก็กลับมาพร้อมจดหมาย
แผนการทุกอย่างล้วนต้องระมัดระวังมิให้ศัตรูไหวตัวทัน ร่างบอบบางถูกถ่ายเปลี่ยนอยู่ในรถม้า ในเรือนมีเพียงแค่โลงเปล่าตั้งเอาไว้ตบตาเพียงเท่านั้น หากแต่ว่าคิดจะให้แนบเนียนก็คือร่างหญิงนางหนึ่งถูกสับเปลี่ยนมาแทนที่ ซึ่งสำนักคุ้มกันภัยที่ว่าจ้างมา ล้วนจัดเตรียมให้เป็นอย่างดี
งานศพไม่กี่วันก็สิ้นสุดลง ส่วนไป๋ผิงอันก็ถูกนำตัวส่งไปยังอารามแห่งหนึ่ง เด็กน้อยใบหน้ากลมเกลี้ยง สวมชุดผ้าเนื้อหยาบ มีแค่ห่อผ้าเท่านั้นที่นางกอดเอาไว้แน่น กวนลู่เจียวเดินกรุยกรายเดินเข้ามายังเรือนน้อยครั้งนักที่จะมาเยือนเรือนหลังนี้ แม้จะอยู่ห่างจากเรือนใหญ่ด้านหน้าไม่มากนัก
กวนซื่อเหลือบมองเด็กกำพร้า มุมปากบิดขึ้นเล็กน้อย “ข้าเอาซาลาเปามาให้เจ้า เอาไว้ระหว่างเดินทาง ตอนนี้จวนของเราขัดสนเรื่องเงินทอง มีให้เจ้าเพียงเท่านี้” มีหรือที่นางจะให้ทรัพย์สมบัติกับเด็กคนนี้ไป นางเตรียมจะหอบทรัพย์สมบัติของสตรีที่เพิ่งจะตายไปได้ไม่นาน วันเวลาแห่งการรอคอยของนางได้สิ้นสุดลงแล้ว
“ขอบคุณท่านแม่รองเจ้าค่ะ” เด็กน้อยช้อนสายตามองไปยังฮูหยินรอง แววตานั้นเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังยิ่ง นางกัดฟันพูดขึ้นและยิ้มอย่างขื่นขม “หากข้ามีโอกาสกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ข้าจะตอบแทนน้ำใจของท่านอย่างแน่นอน”
ฟังจากน้ำเสียงของเด็กน้อยยืนอยู่เบื้องหน้ารู้สึกว่ามันแปลกประหลาดนัก ทว่านางมิอยากถือสาหาความอันใด ในเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะย้ายไปอยู่อารามแล้ว จะมีวันที่เด็กน้อยคนนี้หวนคืนเมืองหลวงได้อย่างไรกัน หากนางไม่มีคำสั่งออกมา ใครเล่าจะกล้าเชิญไป๋ผิงอันกลับมาเมืองหลวง
ย่อมไม่มีทาง!
“ไปอยู่ในอารามอย่าลืมขยันสวดมนต์ให้มากเล่า ชีวิตของเจ้าจะได้ไม่ตกต่ำเช่นนี้ โถ่ ๆ ช่างน่าสงสารนัก” กล่าวจบพลางหัวเราะขบขันใบหน้าเบิกบานอย่างคนอารมณ์ดี
ดรุณีน้อยมีแต่สายตาอำมหิตมอบให้สตรีผู้นั้น กำลังเดินเยื้องย่างกลับไปยังเรือนใหญ่ นับว่าโชคดีนักที่ท่านป้าของนางจัดการเอาไว้ ขืนให้นางอยู่ที่นี่ต่อ ชะตากรรมของนางก็คงจะกลายเป็นบ่าวมือรองเท้าสองแม่ลูกนั้นเป็นแน่ ในเมื่อบิดามิเหลียวแล เช่นนั้นจะมีประโยชน์อันใดให้นางโหยหาและอาลัยอาวรณ์อีกเล่า
“คุณหนูพวกเราไปกันเถิดเจ้าค่ะ” เสี่ยวเสียนสาวใช้เพียงคนเดียว รีบจูงมือคุณหนูน้อย ทว่าเหมือนกับว่านางกำลังรอคอยใครบางคน เห็นเขาไม่มาใบหน้าของเด็กน้อยจึงดูห่อเหี่ยวนัก
เสี่ยวเสียนถามขึ้นอีกคราหนึ่ง “คุณหนูจะรอนายท่านมาส่งหรือเจ้าคะ” แม้ว่านางจะพอเดาใจเจ้านายตัวเล็กออก ทว่ามีหรือเจ้าของจวนอย่างขุนนางไป๋จะมาส่งบุตรีคนนี้เดินทางไปอารามด้วยตนเอง ย่อมไม่มีทาง
“ข้าเพียงแค่คิดเข้าข้างตนเองเท่านั้น สุดท้ายแล้วท่านพ่อก็ไม่มาส่งข้า ข้ามันช่างโง่งมนัก ยังอาลัยอาวรณ์เขาอีก” น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า ดวงตาคู่งามของเด็กน้อยอาบไปด้วยความเศร้าเสียใจ ด้วยใจหนึ่งก็แอบมีความหวัง เมื่อไม่เป็นดั่งหวังหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางก็ย่อมเสียใจยิ่งนัก
เสี่ยวเสียนกำลังจับจูงมือของคุณหนูน้อย ขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้านั้น ได้ยินน้ำเสียงแว่วมาแต่ไกล ไป๋ผิงอันหยุดการเดิน พลางหันหลังกลับไปมองยังต้นเสียงนั่น ก็พบกับพี่สาวที่ห่างกันเพียงแค่สามวันเท่านั้น
“เหตุใดไปไม่ร่ำลาข้าสักคำ” น้ำเสียงแข็งกร้าว ท่าทางช่างอวดดี ไป๋ชิงหลินเหยียดยิ้มเยาะหยันอีกฝ่าย
“ไม่ได้ยินคุณหนูใหญ่ถามหรือเจ้าคะ มิตอบกลับ ปากคุณหนูอมอันใดอยู่กัน จะให้ข้าช่วยถ่างปากหรือไม่!” แม่นมเถาร่างอวบอ้วน ยืนเท้าเอวแผดเสียงแดกดันใส่ไป๋ผิงอัน ท่าทางของแม่นมก็มิต่างจากนายของนางสักนิดดูเย่อหยิ่งจองหองพองขนอีกต่างหาก เห็นว่ามีนายให้ท้ายบ่าวจึงกระดกหาง
“นี่ท่านป้า พูดจาอันใดระวังปากเอาไว้บ้างก็ดีนะเจ้าคะ ถึงอย่างไรคุณหนูเล็กก็เป็นถึงนาย จะพูดจาอันใดก็ให้เกียรติบ้าง มิใช่ว่านายไม่สอนสั่ง ก็หัดรู้จักที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง” เสี่ยวเสียนแทบอยากจะตวัดฝ่ามือฟาดปากของแม่นมเถานัก ช่างกล้าผยองได้ถึงเพียงนี้
“นี่เจ้า จะมากไปแล้วนะ” ไป๋ชิงหลินยกนิ้วขึ้นชี้มายังเสี่ยวเสียน “กล้าพูดเช่นนี้กับแม่นมของข้า ระวังเอาไว้เถิดข้าจะสั่งโบยเจ้าให้ตาย!” นางข่มขู่อีกฝ่าย แล้วยังจงใจมาดูหน้าน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย คิดจะเหยียบย่ำซ้ำเติมนางให้อับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
“พี่ใหญ่ ข้าขอตัวก่อน” ด้วยความรำคาญใจ ไป๋ผิงอันไม่อยากอยู่ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย นั่นเพราะสองคนนี้มุ่งหมายจะมาหาเรื่องรังแกนางอย่างจงใจ และเกรงว่าหากชักช้ากว่านี้ แผนการที่จัดเตรียมเอาไว้ล่าช้าไปอีก แล้วจะทำให้นางพบหน้าท่านแม่ช้าลง ซ้ำยังเสียเวลาไร้ค่าไปกับพวกคนถ่อยชั่วช้า
ร่างบอบบางไม่ฟังเสียงตะโกนด่าทอไล่หลัง เสี่ยวเสียนพยุงคุณหนูเหยียบขึ้นบนบันไดเทียบม้า จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปนั่งด้านใน รถม้าคันนี้สภาพภายนอกคล้ายว่าจะโกโรโกโส แต่ทว่าภายในรถม้า มีเบาะหนานุ่มรองเอาไว้บนที่นั่งอย่างดี
รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนตระกูลไป๋ มุ่งหน้าไปยังอารามอีกสามเมืองข้างหน้า ดรุณีน้อยนั่งขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ นิ้วป้อม ๆ ของนางไม่อยู่นิ่ง นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างสะกิดกันไปมา คล้ายว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์
เสี่ยวเสียนเห็นคุณหนูดูเหม่อลอยจึงได้สะกิดเบา ๆ ไป๋ผิงอันตื่นจากภวังค์ จึงได้ผินหน้ามาสบตาเข้าให้กับสาวใช้ของนาง “พี่เสี่ยวเสียน ท่านแม่จะปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะ”
“แน่นอนว่าย่อมต้องปลอดภัย คุณหนูอย่าได้กังวลใจเลยเจ้าคะ ผ่านอีกหัวเมืองเดียวเท่านั้น พวกเราจะได้พบฮูหยินแล้ว คุณหนูพักผ่อนเสียเถิดเจ้าค่ะ”
“ข้าจะหลับตาลงได้อย่างไร ในเมื่อข้าแค้นใจคนพวกนั้นเหลือเกิน” นางตัวเล็กเพียงเท่านี้ แต่ต้องพบเจอเรื่องเลวร้าย กระทบกระเทือนจิตใจไม่น้อย ยังมีเรื่องต่าง ๆ มากมายที่นางยังต้องเก็บเอาไว้สะสาง สมบัติของมารดาตกอยู่ในมือของกวนซื่อ สตรีที่ละโมบโลภมากอยากได้สมบัติมารดาของนาง จึงได้วางแผนชั่วร้ายขึ้นมา
“คุณหนูความแค้นของท่านที่มีต่อคนพวกนั้น อย่างไรสักวันเราจะต้องทวงคืนมาให้ได้เจ้าค่ะ” นางเป็นเพียงแค่สาวใช้ ทว่าคุณหนูและฮูหยินของนางได้รับความไม่เป็นธรรม เสี่ยวเสียนย่อมผูกใจเจ็บ แค้นเคืองคนเหล่านั้นไปด้วย
“เอาเข็มเงินออกมา ตรวจพิษบนซาลาเปาพวกนี้เสียหน่อย” ไป๋ผิงอันวิตกกังวลจึงได้เอ่ยขึ้น เพราะท่านป้ากำชับเอาไว้ จะกินอันใดต้องระมัดระวังให้มาก ก่อนจะนำร่างของมารดาออกไปจากตระกูลไป๋ ท่านป้าได้มอบเข็มเงินตรวจพิษเอาไว้ให้
เสี่ยวเสียนนำเข็มเงินออกมาจากห่อผ้า ใช้ปลายแหลมคมนั่นทิ่มแทงเข้าไปยังซาลาเปาลูกขาว ๆ ทว่าแข็งกระด้างยิ่งนัก หากจะกินเข้าไปมีหวังคงได้ติดคอตายเป็นแน่ เพียงแค่สาวใช้ดึงเข็มเงินออกมา พลันพบว่าปลายของมันเป็นสีดำ
นึกไม่ถึงว่าขนาดนางเดินทางหลีกหนี กวนซื่อยังคิดลงมือ ช่างเป็นสตรีที่มีจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก แววตาของเด็กน้อยทอประกายไปด้วยความโกรธแค้น น้ำเสียงแข็งกร้าวเปรยขึ้นมาทันใด “สักวันข้าจะกลับไปแก้แค้นคนพวกนั้นให้จงได้!”