บทที่5
ตะลึงงันอยู่เล็กน้อย รอยสักอันน่าเกรงขามที่โชว์อยู่บนท่อนแขนเกร็ง ตาเธอจดจ้องจนไม่ละไปไหน ที่พึ่งเคยเห็นเพราะเขาไม่เคยใส่เสื้อแขนสั้นแม้จะอยู่ที่บ้านก็ตามที
“เธอมองอะไร”
แค่เขาตวัดสายตาดุมาใส่เธอ ซิงเหยียนก็ต้องรีบหลบ จากนั้นเธอก็ค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาถาม
“ค่ะคือ ทำไมพี่ถึงมีรอยสัก?”
“ก็แค่รอยสัก ฉันรู้ว่าคุณปู่ไม่ชอบก็เลยไม่มีใครรู้ ส่วนเธอ จะรู้หรือเห็นมันก็ไม่สำคัญเท่าไหร่”
เขาตอบคำถามของเธอ แค่นั้นโดยไม่ได้ใส่อารมณ์อะไร มันรู้สึกได้แค่ความว่างเปล่า ที่เขามีให้ซิงเหยียน
ร่างเล็กค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้น หมายจะเดินไปถอดชุดในห้องน้ำ เธอรู้ดีว่าตรงนี้มีเขาอยู่ หากจะถอดก็คงไม่ได้สะดวก แต่
พรึ่บ
มือหนารั้งไปที่เอวคอด ก่อนจะจับไหล่ของเธอ การกระทำของเขาเหมือนจะรูดซิปที่อยู่ด้านหลัง แต่เสียงของซิงเหยียนก็ต้องร้องขึ้น
“พี่หยาง พี่จะทำอะไร”
“ฉันรู้สึกว่าเธอ กำลังจะถ่วงเวลา ก็แค่ชุดราตรีชุดเดียวทำไมถึงถอดยากเย็นขนาดนั้น”
ยังไม่ทันที่มือของเขาจะรูดซิปด้านลงหลง ซิงเหยียนก็ใช้แรงที่มีของเธอพลิกตัวกลับมาแล้วผลักอกเขาเข้าเต็มแรง
“ฉันจะถอดเอง ยังไงเราก็แต่งกันแล้ว พี่ใจเย็นหน่อยได้ไหม”
เขาพ่นลมแรงๆ ทำเสียง ชิ ด้วยความรังเกียจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองเธอด้วยอาการเฉยเมย
“เธอคิดว่าฉันอยากได้เธอจนตัวสั่นอยู่ละสิ จะบอกอะไรให้ แม้แต่ตัวเธอฉันยังต้องฝืนจับ นับประสาอะไรกับเรื่องนั้น ฉันขยะแขยงเธอ”
ผลั๊วะ
แรงของฝ่ามือที่เหวี่ยงไปใส่ใบหน้าหล่อของตงหยาง จนเป็นรอยแดงเปื้อนใหญ่ ใบหน้าคมเสหลบตามแรงมือ ก่อนจะตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมาใส่ซิงเหยียน
“เธอกล้าดียังไงถึงกล้าตบฉัน ซิงเหยียน”
“ฉันเป็นคน ฉันมีหัวใจ ฉันรู้ว่าพี่แต่งงานกับฉันเพราะอยากได้ทุกอย่างคืน ตอนนี้พี่ก็ได้แล้วไง ตำแหน่งท่านประธานกู้คนใหม่ หากไม่อยากแตะต้องตัวฉัน เราก็ต่างคนต่างอยู่เถอะค่ะ”
คำพูดของซิงเหยียนไม่ได้ฝังเข้าไปในส่วนสมองของตงหยางสักเท่าไหร่นัก ไม่เพียงเขาไม่คิดตาม แต่ยังก้าวเท้ายาวมาประชิดตัวเธออีกรอบ แขนเกร็งรีบรัดเข้าไปกระชับที่เอวคอดเข้ามากอด ก่อนจะโน้มใบหน้าคมคายลงมากระซิบแผ่วที่ข้างหู ทำเอาคนฟังจนลุกซู่เลยทีเดียว
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ซิงเหยียน ในเมื่อเธอเลือกที่จะเล่นเกมกับฉันทำไมฉันต้องปล่อยเธอไปด้วย”
ใบหน้าหล่อคมหันมาจ้องตาคู่สวย แววตาของเขาแม้จะเย็นชาไร้ซึ่งความปรานี แต่มุมปากดันขยับยกยิ้มขึ้นมาอย่างน่ากลัว
“พี่จะทำอะไร”
วินาทีนั้นเอง ชุดราตรีสีขาวเปิดไหล่ลายลูกไม้ ก็ถูกซาตานอย่างเขากระชากมันสุดแรง จนดัง แคร็ก แขนเสื้อขาดวิ่น สิ่งนั้นทำเอาซิงเหยียนเธอตกใจจนยืนค้าง สายตาเบิกโพลงขึ้นมา
“สองทางที่เธอจะเลือกได้ก็คือ ท้อง และเซ็นใบหย่าแต่ต้องไปแต่ตัวเท่านั้น!!”
“พี่มันบ้าไปแล้ว”
เขาไม่ฟังแม้เสียงที่ตะเบ็งออกมาว่าเขา แต่สิ่งที่เขาทำคือเหวี่ยงร่างของภรรยาที่พึ่งจะเข้าพิธีกันมาเมื่อเช้า ลงไปนอนบนที่นอนกว้าง ก่อนที่ตัวเขาจะขึ้นไปทับที่ร่างของซิงเหยียน
“ไหนพี่บอกฉันว่า ไม่อยากแตะต้องตัวฉันไงคะ พี่ขยะแขยงฉันไม่ใช่หรือไง”
“ใช่!! ฉันเกลียดเธอ เธอมันตัวซวย แต่เพราะสมบัติที่เธอไม่สมควรได้ ฉันถึงยอมลดตัวลงมาไงละ!”
แม้แต่คำพูดก็ดูจะไม่ถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด ไม่คิดเลยผู้ชายที่ดูบุคลิกดี หน้าตาดี ใจจะดำปานอีกาขนาดนี้
ไม่สนแม้ว่าร่างเล็กที่นอนใต้ร่างจะมีความรู้สึกแบบไหน สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขาก็คือ ทำให้เธอท้อง และการเข้าหอคืนนี้มันไม่ได้สร้างเรื่องราวประทับใจให้ซิงเหยียนแม้แต่น้อย
ใบหน้าคมฝังอยู่ที่ซอกคอของเธอ ก่อนที่เขาจะเลื่อนมันขึ้นมา สบตาคู่นั้นแค่แว็บเดียว แล้วค่อยๆ ก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากหวานระเรื่อ สิ่งที่ซิงเหยียนรับรู้ได้ตอนนี้คือความเร่าร้อนของริมฝีปากเขา ตงหยาง หลับตาบดจูบริมฝีปากของคนตัวเล็ก ไล่งับทุกท้วงลมหายใจ พลันมือก็พยายามร่นชุดราตรีลายลูกไม้สีขาวออก เผยให้เห็นช่วงอกขาวๆ ของซิงเหยียน
ฮึก!