บทที่3
มีคนเดินเข้ามารับของในมือเธอ โดยที่เธอไม่ได้เรียกใช้ ทำเอาซิงเหยียนเองก็ไม่ชินเท่าไหร่นัก
“ไม่เป็นไร ของพวกนี้ฉันถือเองได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้คุณนายเหยียนเป็นถึงเจ้าของบ้าน แถมกำลังจะแต่งงานกับคุณชายใหญ่ ก็ต้องขึ้นมาเป็น คุณนายกู้เหยียน แบบนี้เราก็ต้องให้ความเคารพ”
ที่เธอไม่พูดเพราะไม่คิดว่าคำนั้นจะต้องได้ใช้ต่างหาก ซิงเหยียนเธอยืนเงียบ ทว่า เธอคงไม่รู้ว่ามีคนที่ยืนมองเธออยู่ที่ด้านบน บริเวณชั้นสองที่เป็นชานระเบียงวนรอบตัวอาคารแห่งนี้
เมื่อมีเด็กรับใช้ในบ้านช่วยถือของ ซิงเหยียนเธอก็เดินขึ้นมาที่ชั้นบนของบ้าน เมื่อครั้งที่คุณปู่ยังอยู่เธอก็ถูกปรนนิบัติเหมือนหลานคนอื่นๆ ที่พักของเธอจึงอยู่ที่ชั้นนี้ด้วยเช่นกัน
“หน้าระรื่นเชียว คงจะดีใจที่ถูกยกยอปอปั้นให้เป็นคุณนายเหยียนสินะ!!”
น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจที่เปล่งออกมาอย่างหนักแน่น จนซิงเหยียนต้องระงับฝีเท้าที่จะเก้าไปข้างหน้า แม้ว่าจะไม่ได้มองว่าใครเป็นคนพูด แต่น้ำเสียงนี้เธอจำได้ขึ้นใจ
“พี่หยาง!”
“ตกใจ ดีใจ หรือเสียใจละ ที่เห็นหน้าว่าที่สามี”
“เปล่าค่ะ เพียงแต่ฉันแปลกใจทำไมวันนี้พี่กลับบ้านเร็วได้”
ตงหยางยังไม่ได้ตอบ แต่เขากับสาวเท้ามาที่เธอ ระยะห่างก่อนหน้าถูกขายาวสาวมาหยุดอยู่ไม่ถึงก้าวเท่านั้น
“ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ”
“คุยเหรอคะ”
“ฉันคิดว่าเราควรมีเรื่องต้องตกลงกันก่อนที่จะแต่งงาน”
“?...”
ประโยคของตงหยางสร้างความสงสัยให้ซิงเหยียนเป็นอย่างมาก ข้อตกลงก่อนแต่งงานอย่างนั้นเหรอ มันคืออะไรกันแน่
หญิงสาวผิวผ่องเดินตามชายหนุ่มร่างสูง รูปร่างที่สูงโปร่งนั้นสาวเท้ายาวเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว เมื่อซิงเหยียนเข้ามาแล้ว เขาก็หันไปสั่งเธอให้ล็อกประตูให้แน่น แม้ว่าเธอจะดูกล้าๆ กลัวๆ ไปหน่อย แต่ก็ทำตามอย่างไม่ค้าน คงไม่มีอะไรที่จะต้องอับอายเพราะชายตรงหน้าคือคนที่เธอจะเข้าพิธีวิวาห์ด้วย
“พี่หยาง มีอะไรที่อยากคุยกับฉันเหรอคะ”
ชายหนุ่มมองมาทางซิงแม่พันธุ์ยียนแต่เชื่อไหมว่า ดวงตาที่เขาทอดมองมานั้นไร้เสน่หา แถมยังส่งความเฉยชามาจนเห็นได้ชัด เขาดูเหมือนว่า ซิงเหยียนที่ยืนอยู่นั้นไร้ซึ่งความหมาย ไม่มีตัวตนเสียแบบนั้น
ปึก!
แผ่นกระดาษสีขาวที่รองด้วยสันปกแข็งถูกวางลงที่โต๊ะทำงานของเขา เหตุการณ์นั้นทำเอาใบหน้าจิ้มลิ้มต้องเพ่งมองอยู่สักพัก แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนที่ชายหนุ่มรูปหล่อจะกล่าวขึ้นมา
“เซ็นซะ สัญญาก่อนแต่งหวังว่าเธอคงจะเข้าใจ”
คำว่าสัญญาก่อนแต่ง ทำเอาซิงเหยียนต้องทอดน่องเข้ามาใกล้ แล้วเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาอ่าน เธอพิจารณาข้อความที่อยู่ในแผ่นกระดาษนั้น พลางย่นคิ้วเรียวเล็กเข้าหากันอยู่บ่อยครั้ง
“นี่มัน!!”
“เธอเองก็รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้เพื่ออะไร ฉันต้องดำรงตำแหน่งประธานอย่างเป็นทางการ ตำแหน่งจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อสมรสกับเธอเท่านั้น แถมหุ้นที่บริษัทเครื่องดื่มเธอก็มีเยอะกว่าคนอื่น บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเธออีก ถามหน่อย ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน”
ซิงเหยียนละสายตาออกจากข้อความตรงหน้า เธอแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ก็ข้อความในนั้นมันสัญญาทาสชัดๆ
“หากพี่จะให้ฉันเซ็นสัญญาแบบนี้ ทำไมเราต้องแต่งงานกันด้วยละคะ”
“เธอปัญญาอ่อนหรือเปล่า ในพินัยกรรมก็ระบุชัดว่าฉันต้องดำรงตำแหน่งประธานก็ต่อเมื่อแต่งกับเธอ หากไม่แต่ง สิทธิ์ขาดต่างๆ ฉันก็ไม่มีอำนาจเว้นเสียแต่ว่า เธอไม่อยากแต่งเพราะต้องการยึดสมบัติของเรา!!”
ยิ่งฟังยิ่งเจ็บช้ำในน้ำใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขามองเธอแค่ตัวเงินตัวทองหวังสมบัติเขาเท่านั้น
“แต่ในสัญญานี่มันเกินไปไหม”
“ตรงไหนที่ว่าเกินไป”
“พี่อยากมีลูกกับฉันภายในหนึ่งปีเพื่อบ้านคนละครึ่ง แต่ถ้าฉันท้องให้พี่ไม่ได้ก็ต้องออกไปจากที่นี่ หากฉันคิดหย่าก่อนที่จะท้อง หุ้นของบริษัทก็ต้องถูกโอนคืนให้พี่ ฉันถามหน่อยตรงไหนที่ยุติธรรมสำหรับฉันกัน”
แน่นอนว่าคนเฉยชาอย่างเขาไม่ได้ตอบ ตงหยางหน้านิ่งทำหน้าซึนก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง เมื่อเห็นว่าแววตาของซิงเหยียนแดงก่ำเหมือนคนกำลังร้องขอความยุติธรรม ชายหนุ่มจึงพูดขึ้น
“คนอย่างเธอยังกล้าถามหาความยุติธรรมอีกเหรอ ที่ได้ทุกวันนี้ก็น่าจะมากพอ”
“หนึ่งปี ฉันไม่ใช่แม่พันธุ์ที่พี่จะเอาไว้กำเนิดลูกนะ”
“แต่ฉันคิดแบบนั้น”
“พี่หยาง!!”
“อ้อ มีอีกข้อเสนอ หากไม่อยากเซ็นสัญญาและไม่อยากแต่งงานกับฉันละก็ เซ็นโอนบ้านคืนให้ฉันซะ ส่วนหุ้นเธออยากขายเท่าไหร่ว่ามา”
“พี่มันคนไร้หัวใจจริงๆ”
ทางเลือกที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือก บ้านหลังนี้คุณปู่ยกให้เธอเพื่ออยากให้เธออยู่ เธอรู้ ส่วนหุ้นก็คงอยากให้เธอได้มีส่วนรับในทรัพย์สิน
“ได้! ตอนนี้ฉันคือเจ้าของบ้านหลังนี้ ส่วนพี่ก็แค่คนอาศัย ฉันมีสิทธิ์ให้ใครอยู่หรือใครไปก็ได้”
“ซิงเหยียน!!”
เสียงที่โพล่งดังชัด แถมดวงตาของเขายังประกายกล้าโหดมองผ่านนัยน์ตาของซิงเหยียน จนเธอรู้สึกถึงแรงโกรธนั้น เธอรู้ดีว่าไม่ควรเล่นกับไฟแบบนี้ แต่เขาต่างหากที่บีบเคล้นเธอให้ทำ
พรึ่บ
ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้ายาวมาอย่างว่องไว พร้อมคว้าร่างของซิงเยียนเข้ามาโอบรัด อีกมือก็บีบแก้มเธอจนปากเธอห่อได้รูป
“ปะปล่อยนะ พี่หยาง ฉันเจ็บ”
“คิดว่าเธอมีสิทธิ์ขนาดนั้นเลยหรือไง ฉันคงใจดีกับเธอมากไปแล้วสินะ”
“ตงหยาง ปล่อยนะฉันเจ็บ”
“การที่จะมีลูกเธอรู้ไหมว่าควรทำอย่างไร?”
“พี่หยาง!!”
ในหัวของคนร้ายกาจเช่นเขา คงคิดว่าหากซิงเหยียนท้องลูกของเขาได้ กรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งก็เป็นของเขาเช่นกัน ทำไมต้องรอถึงวันแต่งงาน
ครึก!
เสียงผลักร่างของซิงเหยียนชนเข้าไปที่โต๊ะทำงาน ส่วนสะโพกของเธอชนเข้าอย่างจัง เหมือนจะรู้สึกถึงความเจ็บ ทว่ายังไม่ได้ร้องเสียด้วยซ้ำ ร่างสูงก็ตรงเข้ามา กดใบหน้าหล่อเหลาลงที่ซอกคอเธอ จนทำให้ซิงเหยียนตกใจสุดขีด เธอพยายามดิ้นสู้ แต่ถูกมือหนารั้งกดไว้ให้ไขว้หลัง เขาพรมจูบไปทั่วทุกสัดส่วนของซองคอขาวๆ
“พี่หยางปล่อยฉันนะ”
เธอร้องขอด้วยเสียงที่สั่นเครือ จริงอยู่ว่าหัวใจดวงน้อยแอบชอบเขาแต่สิ่งที่เธอคิดเสมอก็คือต้องได้รับความรักจากตงหยางบ้าง
ชายหนุ่มผละใบหน้าคมคายขึ้นมาสบตาคนตัวเล็ก เหยียดรอยยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยเสียงเข้มอีกครั้ง
“อยากให้ปล่อยงั้นเหรอ เซ็นสัญญานั่นซะ!!”
“เราแต่งงานกัน ทำไมพี่ถึงอยากทำสัญญาละ มันหมายความว่าอย่างไร”
“ก็เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่สมควรที่จะได้อะไรนะสิ”
“พี่หยาง”