บทที่ 4
สองเดือนก่อน
หมิงซูฮวาเดินทอดน่องเข้ามาในบ้านสกุลหมิงอย่างอารมณ์ดี โดยมีอันฉีเดินตามมาไม่ห่างหลังจากที่ทั้งสองคนไปฟังการเล่าเรื่องของไป๋ลู่นักเล่าเรื่องซึ่งนานทีจะมีหนที่โรงน้ำชาเฟิ่งถังมา
แต่แล้วร่างบางก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าบัดนี้ที่ห้องโถงกลางยังมีแสงเทียนสว่างไสวทั้งที่ปกติแล้วยามนี้ทุกคนก็ควรจะเข้าเรือนกันหมดแล้ว
หมิงซูฮวา คุณหนูรองสกุลหมิงจึงตัดสินใจเดินไปเปิดประตูเข้าไปในห้องโถงกลางก็พบว่าตอนนี้ท่านพ่อ แม่ใหญ่ และพี่สาวของนางซึ่งเป็นบุตรของแม่ใหญ่นั่งคุยกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“กลับมาแล้วรึซูฮวา มานั่งคุยกันก่อนสิ”
นายท่านสกุลหมิงเอ่ยทักบุตรสาวคนรองของตนพร้อมกับบอกให้อีกฝ่ายนั่งลงด้วยอีกคน หญิงสาวจึงยอบกายนั่งลงตรงที่ว่างอยู่พลางลอบสังเกตสีหน้าของผู้ร่วมโต๊ะไปด้วยแล้วในใจก็เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อขยายเขตการค้าเข้าไปที่เมืองท่าของต้าหรงแล้ว”
หมิงกงหยุนเอ่ยถามลูกสาวคนรองของตนขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม ขณะที่มือก็รินชาให้อีกฝ่ายไปด้วย หมิงซูฮวาถึงกับสะดุ้งแต่ก็นิ่งเงียบไม่ยอมตอบอะไร
“เจ้าพูดมาเถอะ พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเจ้าสนใจเรื่องการค้าของที่บ้าน”
หญิงสาวยิ้มแหยได้แต่ตอบไปเสียงเบานี่หมายความว่าภาพลักษณ์คุณหนูเอาแต่ใจ ชอบเที่ยวเล่นที่นางเพียรพยายามสร้างขึ้นมานั้นมันไม่มีความหมายเลยงั้นสินะ
“เจ้าค่ะ”
นายท่านใหญ่สกุลหมิงวางถ้วยชาตรงหน้าลูกสาวคนรองของตน
“ตอนนี้พ่อบ้านถังส่งข่าวมาว่าเฒ่าเป่าชุน พ่อค้ารายใหญ่ของที่นั่นไม่ยอมให้บ้านเราเข้าไปค้าขายที่ต้าหรง”
“ตาเฒ่าเป่าชุนน่ะหรือเจ้าค่ะ เหตุใดเราต้องผ่านเขาด้วยล่ะเจ้าคะ”