ตอนที่ 3
เหตุการณ์ทุกดำเนินไปอย่างปกติ กระทั่งถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ พิมพิลาจึงสังเกตเห็นความไม่ปกติบางอย่าง เมื่อเข้ามาอยู่ด้วยกันในห้องนอนแล้วตินน์ไม่ยอมแตะต้องล่วงเกินหล่อนแม้แต่น้อย ทั้งที่ก็อยู่กันสองต่อสอง และเขามีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ ในฐานะสามีของหล่อน
“เกิดอะไรขึ้นคะ… คุณตินน์”
เจ้าสาวถามเจ้าบ่าวด้วยความสงสัย
“พิมพ์… ”
ตินน์เรียกชื่อภรรยา เขาเดินเข้ามาจับมือหล่อน ยกขึ้นมาจุมพิต กุมไว้แนบอก สวมกอดแนบแน่นแล้วกล่าวประโยคที่ทำให้พิมพิลารู้สึกกลัวกับเรื่องแปลกๆ ภายในคฤหาสน์สีเทาหลังนี้
“ฉันรักเธอนะแม่สาวน้อย… แต่ตระกูลของเรามี ‘จารีต’ บางอย่างที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่ของปู่… และฉันต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอแต่แรก”
ตินน์ยกมือขึ้นมาเชยแก้มนวลของเจ้าสาว คืนนี้พิมพิลาสวยมากจนผู้ชายทุกคนในตระกูลเอ่ยชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่าตินน์ตาแหลมคม เลือกสะใภ้ได้ถูกใจทุกคนในบ้าน ตอนที่เขาเอาภาพถ่ายของหล่อนมาอวด
“จารีตที่ว่า… มันคืออะไรคะ?”
หัวคิ้วของหญิงสาวชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“ตระกูลของเราเรียกมันว่า ‘ราคะจารีต’... ”
ถึงเวลาที่ตินน์ต้องบอกความจริงทุกอย่าง
“คืออะไรคะ?”
หัวคิ้วโค้งเรียวชิดเข้าหากัน
“คือประเพณีที่ผู้ชายในตระกูลของเราใช้สะใภ้ร่วมกัน”
ตินน์บอกเรื่องที่ทำเอาหัวใจของเจ้าสาวหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หล่อนยกมือขึ้นทาบอก ตกใจแทบช็อกกับเรื่องประหลาดในตระกูลนี้
“แต่ที่หนูแต่งงานกับคุณตินน์… ก็เพราะว่าหนูรักคุณตินน์นะคะ”
พิมพิลาบอกเป็นนัยว่าหล่อนไม่ต้องการเป็นของคนอื่นนอกจากเขา แต่ประโยคที่ตินน์ตอบกลับมาก็ทำให้หล่อนถึงกับอึ้ง
“ฉันเข้าใจ… ที่ฉันแต่งงานกับเธอก็เพราะว่าฉันรักเธอมาก… และผู้ชายทุกคนในตระกูลนี้ก็จะรักเธอไม่น้อยไปกว่าฉัน… ทุกคนจะยกย่อง เชิดชู ให้เกียรติว่าเธอคือ ‘ยอดสะใภ้แห่งวงศ์ตระกูล’… ”
ตินน์สรุป และมันทำให้ความเจ็บแปลบแล่นร้าวเข้ามาในอกของหญิงสาว
น้ำตาของพิมพิลาเอ่อคลอเบ้ากับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าจะต้องตีความคำว่า ‘ยอดสะใภ้แห่งวงศ์ตระกูล’ ให้เข้าใจง่ายๆ ฐานะของหล่อนก็คงไม่ต่างจาก ‘โสเภณีบำเรอกาม’ เป็นที่ปลดเปลื้องระบายอารมณ์ให้กับผู้ชายทุกคนในคฤหาสน์ลึกลับหลังนี้
“ทำไมคะ… ทำไมต้องเป็นแบบนี้”
หยาดน้ำตากลมเกลี้ยง กลิ้งลงอาบนวลแก้มของพิมพิลา คำถามมากมายผุดขึ้นในหัว
“โถ… คนดีของฉัน”
ตินน์รั้งตัวหล่อนเข้ามากอดแล้วอธิบาย เขาอยากให้คืนนี้ผ่านไปด้วยดี
“เคยได้ยินคำว่า ‘Polyandry’ (พอลลิแอน’ดรี) ไหม?”
“ไม่เคยค่ะ”
“แรกเริ่มเดิมทีบรรพบุรุษวงศ์ตระกูลของเราอยู่ในทิเบตและเนปาล… ”
“ค่ะ… แต่ทำไมพวกคุณดูสูงใหญ่เหมือนฝรั่ง”
ความสงสัยทำให้ถาม
“นั่นเป็นเพราะพวกเรามีเลือดผสมของรัสเซีย… แต่ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้”
ตินน์ข้ามเรื่องเชื้อชาติ ปล่อยให้เป็นความลับมืดดำต่อไป เขาอธิบายต่อ
“คำว่า ‘Polyandry’ มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก มันมีความหมายถึงการมีสามีหรือภรรยาหลายคนในเวลาเดียวกัน หรือการสมรสหมู่ที่มีเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวมากกว่าหนึ่งคน และยังหมายรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน’
“มีเรื่องแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยหรือคะ?”
“ใช่… ”
จากนั้นตินน์ก็อธิบายต่อไปว่า
‘ประเพณีเหล่านี้เคยมีอยู่ในบางพื้นที่ของเนปาล บางส่วนของจีนและตอนเหนือของอินเดีย ทิเบต และประเทศในแถบแอฟริกาก็มี
“เอาเป็นว่าคืนนี้เธอรู้เพียงแค่นี้ก่อน… อยู่ไปแล้วเธอจะเข้าใจทุกอย่างด้วยตัวเอง”
ตินน์สรุปรวบสั้น เหลือบมองนาฬิกาที่ฝาผนังแล้วกล่าวว่า
“ได้เวลาแล้ว… เดี๋ยวสาวใช้จะเข้ามาทำความสะอาดร่างกายของเธอ”
ตินน์กล่าว
“แล้วจากนั้นล่ะคะ”
ใจเต้นระทึก เมื่อนึกถึงสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
“ตระกูลของเราให้ความเคารพและยึดมั่นในระบบอาวุโสเหนือสิ่งอื่นใด คุณปู่รามพ์จะเป็นคนแรกที่ได้หลับนอนกับเธอ ตามด้วยพ่อรอนน์ พี่แดนน์… และปิดท้ายด้วยฉันซึ่งเป็นเจ้าบ่าวตัวจริงของเธอ”
พิมพิลาตกใจ ตินน์กล่าวแล้วเดินออกไปจากห้อง ไม่นานก็มีสาวใช้สองคนเข้ามาในห้องด้วยท่าทางนอบน้อม
“เชิญทางนี้ค่ะหนู… ”
สาวใช้ทั้งสองคนเรียกพิมพิลาด้วยน้ำเสียงสุภาพ