ตอนที่ 2
ทำให้อวัยวะเพศของผู้ชายทุกคนในวงศ์ตระกูลล้วนยาวใหญ่ ไม่มีใครต่ำกว่าเก้านิ้ว
ตินน์รู้สึกถูกชะตากับพิมพิลา มีความประทับใจอย่างแรงตั้งแต่วินาทีแรกเห็น ราวกับว่าเคยเห็นหล่อนจากที่ไหนสักแห่ง ซึ่งอาจจะเป็นเมื่อชาติปางก่อน
ตินน์จินตนาการไปถึงตอนที่หล่อนเปลือยเปล่า แค่คิดก็ทำให้อาวุธประจำกายของเขาพองตัว คัดแข็งขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เพิ่งเจอหน้ากัน
อีกหนึ่งเดือนต่อมา
ภายหลังจากอุบัติเหตุในวันนั้น ตินน์ตัดสินใจมาสู่ขอพิมพิลาไปเป็นภรรยา
“ลุงกับป้าไม่มีปัญหา แต่ขอให้คุณสัญญาได้ไหมคะ… ว่าจะรักและเลี้ยงดูพิมพิลาเป็นอย่างดี อย่าทอดทิ้งหลานสาวของป้า”
ป้านวลดีใจที่หลานสาวจะได้ออกเรือนไปเป็นสะใภ้เศรษฐี
“ครับ… ผมสัญญา”
เสียงของตินน์หนักแน่นจริงจัง
“พิมพ์… ไปอยู่กับคุณตินน์นะ… ที่คฤหาสน์นั่นจะให้อนาคตที่ดีกับหนู”
ป้านวลเอามือลูบศีรษะหลานสาว เพราะรักและหวังดี ป้านวลจึงไม่เหนี่ยวรั้ง
ด้วยนางตระหนักดีว่าทุ่งไร่ทุ่งนาของชนบทบ้านนอกแห่งนี้คงไม่สามารถให้อนาคตที่ดีกับพิมพิลา
และเงินทองที่ตินน์เสนอให้เพื่อแลกกับพิมพิลา ก็ไม่ใช่น้อย มันมากพอที่ป้านวลกับปู่ดำจะเอาไปไถ่ถอนไร่นาและบ้านที่จำนองเอาไว้ และยังมีเหลือเผื่อไว้ใช้จ่ายอย่างสบาย
“ทำแบบนี้… ไม่เท่ากับว่าเราขายหลานกินหรือจ๊ะพี่ดำ”
ป้านวลเอ่ยถามสามี แม้จะตัดสินใจยกหลานสาวให้เขาไปแล้ว หากแต่หล่อนก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย
“อย่าไปคิดอย่างนั้น คิดเสียว่าเรายกพิมพิลาให้เขาก็เพราะเราห่วงอนาคตของหลาน เราส่งหลานไปสู่อนาคตที่ดีกว่า”
ลุงดำสรุปพลางปลอบใจภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก มองดูหลานสาวก้าวขึ้นรถจากัวร์คันหรู จากไปพร้อมกับชายหนุ่มผู้เป็นทายาทของเศรษฐีตระกูลดัง
ครอบครัวของตินน์อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ โอบล้อมไว้ด้วยกำแพงอิฐและสวนป่าเขียวขจี
ผู้คนขนานนามคฤหาสน์แห่งนี้ว่า ‘คฤหาสน์สีเทา’ เพราะว่าทั้งหลังทาด้วยสีเทา
แม้คฤหาสน์สีเทาหม่นทึมหลังนี้จะตั้งตระหง่านอยู่ใกล้เชิงเขามานานหลายสิบปี แต่ก็มีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวภายในของคฤหาสน์หลังนี้มากนัก
เพราะว่าผู้คนในตระกูลนี้ค่อนข้างเก็บตัว จึงไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับผู้คนภายนอก แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับตระกูล ด้วยการทำการค้ากับผู้คนทั่วโลก ผ่านช่องทางการสื่อสารทันสมัยของปัจจุบันที่ทำให้โลกแคบเข้าหากันทุกวัน
อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เมื่อพิมพิลาถูกนำตัวเข้ามาในคฤหาสน์ ตินน์พาหล่อนมาแนะนำให้รู้จักกับผู้คนในครอบครัวของเขา
ทว่าการแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายในครอบครัวครั้งนี้ ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะว่ามันเป็นการแนะนำด้วยภาพถ่ายบานใหญ่ที่ติดไว้ข้างฝาผนังของห้องรับแขก
“นี่คุณปู่รามพ์”
ตินน์เอานิ้วชี้ไปที่รูปของผู้ชายสูงวัย ตัวใหญ่ ผิวสีแทน อายุแปดสิบปี ‘รามพ์’ เป็นนายใหญ่ของบ้าน นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ พนักเก้าอี้แกะสลักเป็นรูปพญาอินทรี แผ่ปีกโอบชายอีกสามคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
“คนนี้คือพ่อรอนน์… เป็นพ่อของผม”
ตินน์กล่าว จากนั้นก็ชี้มาที่คนถัดมา
“แล้วคนนี้พี่แดนน์… เป็นพี่ชายของผม”
ตินน์แนะนำคนที่ยืนอยู่ติดกับตัวเอง
“แล้วเมื่อไรหนูจะได้เจอตัวจริงของพวกเขาคะ”
พิมพิลารู้สึกตื่นเต้น เพราะดูเหมือนว่าอะไรๆ ในคฤหาสน์แห่งนี้จะดูลึกลับไปเสียหมด
“ไม่ต้องใจร้อนแม่สาวน้อย… เดี๋ยวเธอจะได้เจอทุกคนจนครบแน่ๆ”
วันรุ่งขึ้น
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายของชายหนุ่มผู้เกิดในตระกูลที่มี ‘ขนบประเพณี’ แปลกๆ เป็นของตัวเอง ก็มาถึงงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ถูกจัดขึ้นในตอนค่ำ
ทว่านอกจากตินน์กับพิมพิลา ก็ไม่มีแขกเหรื่อคนอื่นๆ หรือญาติพี่น้องของตินน์คนใดมาร่วมงาน จะมีก็แค่สาวใช้ที่คอยเข้ามาดูแลรับใช้
“เอ่อ… แล้วคุณปู่… คุณพ่อ… และพี่ชายของคุณยังไม่มาหรือคะ”
พิมพิลาถามด้วยความสงสัย อันที่จริงยังมีความสงสัยอีกมากมายที่ผุดเข้ามาในหัว นับจากก้าวแรกที่ย่างกรายเข้ามาในคฤหาสน์สีเทาหลังนี้
“อย่าใจร้อน… คืนนี้เธอจะได้เจอพวกเขาทุกคนจนครบ”
ตินน์กล่าว แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวหายสงสัย
ในระหว่างงานเลี้ยง