CHAPTER 11
(ใจดีจังนะครับ)
เสียงที่ฟังดูน่าค้นหากับแววตาของชายไร้ชื่อเข้ามาอยู่ในความทรงจำของเธอแบบไม่ได้ตั้งใจ นาตาชาค่อย ๆ ลืมตาอย่างช่วยไม่ได้
“หมอนั่น”
เธอกัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ ปกติเธอไม่เคยคิดถึงหนุ่ม ๆ พวกนั้นเลยแม้แต่คนเดียว เธอรักที่จะเที่ยวบาร์โฮสต์ แต่เธอก็ฉลาดพอจะตั้งกฎไม่ให้ตัวเองหลงใหลไปกับคำหวานของผู้ชายเหล่านั้น
“อย่าคิดเชียว นาตาชา” เธอเตือนตัวเอง เพราะเขาทำตัวไม่เหมือนคนอื่น ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะพิเศษสักหน่อย
นาตาชาพยายามหลับตาแล้วแช่น้ำต่อจนพอใจ เธอใช้เวลาในการแช่น้ำไม่นานเหมือนปกติก็ขึ้นมา เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะนอน
“คุณหนู” เสียงของแม่บ้านเดินเข้ามาพร้อมนมอุ่น ๆ กับบิสกิตตามที่เธอสั่ง
นาตาชาเพียงมองเธอด้วยแววตาเหนื่อยล้าโดยไม่ได้พูดอะไร เธอปล่อยให้แม่บ้านวางนมอุ่น ๆ ไว้ที่โต๊ะจนกระทั่งเดินออกไปเอง นาตาชาค่อย ๆ เดินไปหยิบนมอุ่น ๆ มาดื่มช้า ๆ
“พักยาว ๆ ก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยไปเซอร์ไพรส์เจ้าเบญจา”
เธอยิ้มออกมาบาง ๆ รอยยิ้มของเธอนั้นดูอ่อนโยนทันทีที่พูดถึงเด็กที่ชื่อเบญจา หญิงสาวหยิบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองแล้วผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
เที่ยงของวันต่อมา นาตาชาตื่นมาด้วยความสดชื่น เนื่องจากเธอเดินทางบ่อย ดังนั้นการเดินทางไกลจึงไม่ได้ทำให้เพลียหนักมากนัก เธออาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก เมื่อเดินลงมาถึงห้องทานอาหาร ก็มีอาหารเที่ยงชุดใหญ่วางรอให้เธอทานอยู่แล้ว นาตาชานั่งที่เก้าอี้พลางมองไปรอบ ๆ
“เมื่อวานฉันดื่มจัดไปหน่อย อยากทานอะไรรสจัดๆ มากกว่าข้าวต้มค่ะ” นาตาชาเอ่ยลอย ๆ แต่ทำให้แม่บ้านที่ยืนตรงนั้นรีบปรี่เข้ามาอย่างรู้งาน
“ทานยำมั้ยคะคุณหนู”
“ได้ค่ะ” นาตาชาเอ่ยสั้น ๆ เธอเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะกลิ่นกระเทียมเจียวทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถู
เหล่าสาวใช้ที่เห็นท่าทีของคุณหนูต่างก็รีบเก็บอาหารเพื่อเอาไปให้ไกลจากสายตาของนาตาชา ไม่นานนัก ยำวุ้นเส้นรสชาติจัดจ้านก็ถูกเสิร์ฟตรงหน้าของนาตาชา เธอค่อย ๆ ทานอย่างไม่รีบร้อน เมื่อทานเสร็จ เธอจึงรวบช้อนส้อมไว้อย่างมีมารยาท
“เย็นนี้ฉันไปทานข้างนอก ไม่ต้องเตรียมอะไรไว้นะคะ” นาตาชาเอ่ยจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปที่รถซึ่งชายชาติรออยู่พอดีแล้ว
เขาเปิดประตูรถให้คุณหนูของเขาขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดมันเบา ๆ แล้วรีบไปประจำที่นั่งคนขับ
“วันนี้ไปไหนดีครับคุณหนู”
“มหาวิทยาลัย N” เธอตอบ
“ได้ครับ” ชายชาติกดแผนที่แล้วขับไปตามจีพีเอส ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ รถก็ขับมาถึงมหาวิทยาลัย N อย่างที่นาตาชาตั้งใจ เธอมองไปด้านหน้าและเห็นป้ายของคณะตั้งอยู่ด้านหน้า
“คณะวิศวะ” เธอพูดต่อระหว่างที่ชายชาติเลี้ยวรถเข้าไปด้านใน
“ได้ครับ”
ชายชาติค่อย ๆ ขับไปตามป้ายบอกทาง แล้วเขาก็หาที่จอดรถได้บริเวณนั้นพอดี
“จอดตรงนี้แหละ ฉันขอดูอะไรหน่อย” นาตาชาเอ่ยพร้อมกับทอดสายตาไปที่ตึกวิศวกรรมที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เธอนั่งนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่นานเหล่าบรรดานักศึกษาก็ค่อย ๆ เดินลงมาที่ด้านหน้าจนแน่นขนัดไปหมด นาตาชาอาศัยจังหวะนี้เองเปิดประตูรถออกไป
“คุณหนู” ชายชาติหันไปหานาตาชา
“เดี๋ยวฉันมา” เธอเอ่ยแล้วปิดประตูรถทันที
วันนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์พร้อมกับรองเท้าผ้าใบ เป็นชุดลำลองสบาย ๆ ที่นาน ๆ ครั้งจะเห็นเธอสวมใส่สักที หญิงสาวสวมแว่นกันแดดเดินผ่านเด็ก ๆ มหาลัยไปด้วยสีหน้าเรียบ ๆ เรือนร่างสมส่วนประกอบกับรูปหน้าไร้ที่ติ แม้ว่านาตาชาจะอายุ 25 ปีแล้ว แต่ด้วยเครื่องหน้าที่โดดเด่นและรูปร่างที่สมส่วนทำให้เธอดูเด็กกว่าอายุมากนัก
“เฮ้ย! ดูเจ้คนนั้นดิ” หนุ่ม เพื่อนของเบญจากระทุ้งสีข้างของเบญจาอย่างแรง
“หืม ไหน” เบญจามองตามปลายนิ้วของเพื่อนที่ชี้ไป เขาถึงกับอ้าปากค้าง
“อ้าว เฮ้ย! จะไปไหน” หนุ่มตะโกนเรียกเพื่อน
“นาตาชา...” เบญจาร้องเรียกหญิงสาวด้วยความดีใจ
“ไงเด็กน้อย” เธอเอามือล้วงกระเป๋ามองดูชายหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ทำไมกลับมาไม่บอกผมก่อนล่ะ” หนุ่มวิศวะ รูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายสะอาดถามกลับหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
“ฮึ! บอกแล้วจะทันเห็นเหรอว่าเธอตั้งใจเรียนรึเปล่า” นาตาชาถอดแว่นตาดำที่ปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้ แล้วจ้องมองเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“ผมตั้งใจเรียนนะครับ นาตาชาก็เห็น”
“ใช่เลย สมแล้วที่ฉันตั้งใจจ่ายค่าเทอมให้” นาตาชาพูดกระทบพลางยิ้มกว้างอย่างใจดี
“เอ่อ...สวัสดีครับ” หนุ่มที่วิ่งตามเบญจามาทำท่าทำทางไม่ถูก เขามองนาตาชาด้วยความประหลาดใจ
“สวัสดีจ้ะ” นาตาชาทักทาย
“เอ่อ...ใครวะ?” หนุ่มกระซิบถามเพื่อนตัวเอง
“อ้อ...แม่บุญธรรมฉันเอง” เบญจาตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่คำตอบนั้นทำให้หนุ่มแทบไม่อยากจะเชื่อ
“แม่!! บุญธรรมเหรอ?” หนุ่มถามย้ำอีกครั้งพร้อมมองสลับไปมาระหว่างนาตาชาและเบญจา
“จ้ะ ฉันเป็นแม่ของเบญจาเอง เธอคือหนุ่มใช่มั้ย?” นาตาชาถามกลับ
“คะ ครับผม” หนุ่มรีบยกมือไหว้ด้วยความตกใจ
“ดีใจที่ได้เจอนะ เลิกเรียนแล้วใช่ไหม ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวแม่เลี้ยงเอง” นาตาชายิ้ม พลางกอดแขนลูกชายและเพื่อนลูกชาย ก่อนลากไปยังรถที่จอดอยู่