บทที่ 6 ทิ้งไม่ได้
“คุณภาคะ มองอะไรคะ ฟังอยู่รึเปล่าลิตาถามตั้งหลายคำแล้วนะคะ”
หญิงสาวตบลงบนต้นแขนชายหนุ่มที่นั่งทอดสายตาออกนอกร้านนานเกินไป เขาถอนสายตาจากร่างโปร่งระหงที่เดินห่างออกไปแล้วหันมามองหญิงสาวตรงหน้า
“ครับ คุณลิตาว่าไงนะฮะ เผอิญผมกำลังคิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย”
เขาแก้ตัวไม่อยากมากเรื่องถ้าหล่อนรู้ว่าเขามองอะไรกำลังสนใจใครคงเป็นเรื่องใหญ่แน่และมันจะไม่มีวันจบสิ้นง่าย ๆ
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องงานนะคะ เรามาทานอาหารกันเก็บเรื่องงานไว้ก่อนได้มั้ยคะ”
หล่อนต่อว่าเขาจนได้และเขาก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร พอดีบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟเขาจึงหันมาสนใจอาหารพร้อมกับเชิญชวนหล่อนทานด้วย ลิตาชวนเขาคุยตลอดซึ่งเขาก็เออออไปกับหล่อน
“ทานอาหารเสร็จแล้วเราไปไหนต่อดีคะ ไปช้อปปิ้งดีมั้ยคะ” หล่อนยิ้มขณะเอ่ยปากชวนเขาแต่ชายหนุ่มไม่ยอมตามใจหล่อน
“ผมอยากกลับบ้าน รู้สึกปวดหัวยังไงไม่รู้ เอาไว้วันหลังผมจะพาคุณไปฟังเพลง เต้นรำนะครับ”
“แต่ลิตาอยากไปวันนี้นี่คะ นะคะ นะคะ คุณภา” หล่อนอ้อนเสียงหวาน
“ผมปวดหัวจริงๆ นะครับ” เขายืนยันคำเดิมและใบหน้าเข้มก็ดูขรึมไปด้วย
“โอ.เค.ค่ะกลับก็กลับแต่คุณภาต้องสัญญานะคะว่าจะพาลิตาไปเต้นรำจริงๆ”
“ครับ ผมสัญญา”
เขารับคำกลัวว่าจะถูกดึงให้ไปต่อในคืนนี้ ใจของเขาไม่อยากไปไหนทั้งนั้น เมื่อจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้วเขาจึงกลับบ้าน ลิตาขับรถของหล่อนซึ่งนำมาจอดไว้บ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับบ้านด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนักเพราะไม่สามารถดึงตัวพ่อเลี้ยงไปเที่ยวตามที่ใจต้องการไม่ได้
“คุณภาคะ คุณมานัสโทรมา ให้คุณโทรกลับค่ะ” นวลจันทร์รายงานนายหนุ่มตามที่มานัสฝากข้อความไว้
“ทำไมไม่โทรเข้ามือถือล่ะ” ภาคีเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถงรับแขก
“คุณมานัสทราบว่าคุณไปทานข้าวกับคุณลิตาก็เลยไม่โทรค่ะ”
“ขอบคุณครับป้า”
ภาคีพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าห้องทำงาน นวลจันทร์กลับเข้าห้องส่วนตัวไม่อยากรบกวนเจ้านาย อีกอย่างยังน้อยใจกับคำพูดของลิตาตามประสาของคนสูงอายุ นวลจันทร์ไม่คิดจะจากบ้านหลังนี้ไปหวังฝากผีฝากไข้กับคุณภาของแกแล้วจู่ๆ ลิตาก็มาพูดเป็นเชิงไล่ทำให้สาวใหญ่คิดมากและคิดวนไปวนมาอยู่เรื่องเดียว
“คุณภาคะ ถ้าคุณภาแต่งงานกับคุณลิตาจริงๆ ป้าก็คงต้องไปจากที่นี่ทั้งที่ป้าไม่เคยคิดจะทิ้งบ้านหลังนี้ไม่เคยคิดจะทิ้งคุณภาไปเลยนะคะ” น้ำตาเอ่อเต็มหน่วยตาพาลจะไหลออกมาให้ได้
“ป้านวลครับ ทำอะไรอยู่ฮะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงของภาคี นวลจันทร์สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วตั้งสติก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ไม่ได้ทำอะไรค่ะ คุณภามีอะไรจะให้ป้าช่วยหรือคะ”
“ผมจะทำงานอาจจะดึก ป้าช่วยชงกาแฟใส่กาให้ผมหน่อยนะ”
“ค่ะ อย่างอื่นรับมั้ยคะ พวกขนมปังคุกกี้”
“ไม่ครับ กาแฟอย่างเดียวก็พอแล้วล่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ”
ชายหนุ่มเข้ามากอดพร้อมหอมแก้มป้าที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กอย่างประจบ ตั้งแต่เกิดจนโตนวลจันทร์ทำทุกอย่างให้เขาเหมือนเป็นมารดาที่อุ้มท้องเขามาโดยแท้หล่อนลืมคิดว่าเขาเป็นเพียงลูกเจ้านายเท่านั้น
“ไม่ต้องมาประจบหรอกค่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยทำงานนะคะ”
“ครับผม” เขาทำท่าตะเบ๊ะพร้อมยิ้มล้อเลียนทำให้นวลจันทร์อดยิ้มกับความน่ารักนั้นไม่ได้ ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินไปทางห้องนอน
“คุณภาของป้าน่ารักออกอย่างนี้จะให้ป้าทิ้งคุณไปได้ยังไงกันคะ”
นวลจันทร์พึมพำขณะเดินเข้าครัวเตรียมชงกาแฟสำหรับนายหนุ่มพลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาอีกเป็นคำรบสอง
ภาคีอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงออกมาโทรศัพท์หามานัสในห้องทำงาน เขาอยากรู้ว่าเรื่องส่วนตัวของมานัสนั้นเกี่ยวกับบริษัทหรือเปล่า
“คุณมานัส มีเรื่องอะไรด่วนเหรอครับ”
“ไม่ใช่เรื่องด่วนครับแต่เป็นเรื่องดีคือผมติดต่อไปที่กรุงเทพฯชวนเพื่อนผมมาลงทุนด้วยปรากฏว่ามีเศรษฐีนีแม่หม้ายทรงเครื่องสนใจซื้อรีสอร์ทครับ เขาให้เพื่อนผมติดต่อให้ คุณจะว่ายังไงครับ” น้ำเสียงของมานัสฟังออกว่าตื่นเต้นมาก
“ก็แล้วแต่คุณจะตัดสินใจสิครับ ผมไม่เกี่ยวเพราะรีสอร์ทแห่งใหม่นี่เป็นของคุณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของผมแค่นิดหน่อยเอง ถ้าคุณขายผมก็โอ.เค. แต่ผมอยากให้คุณทำคนละครึ่งกับคนที่จะมาซื้อมากกว่าช่วยกันบริหารผมว่าดีกว่าขายนะ ส่วนผมจะถอนหุ้น”