บทที่ 3 ไม่ใช่ฉัน
เมื่อถึงจุดเดือดหญิงสาวก็ทนนิ่งอยู่ไม่ได้ความโกรธทำให้น้ำเสียงของหล่อนเปลี่ยนไป หล่อนพยายามเดินหนี เขาก็ขับรถตามติดแถมยังยิ้มละไมยั่วโมโหอยู่ตลอดที่ร้ายไปกว่านั้นเขาดูถูกหล่อน
“คุณจะให้ผมเข้าใจว่าไงล่ะก็เมื่อกี้เห็นคุณนั่งอยู่ในบ้านคุณมานัส ผู้หญิงที่เข้ามาหามานัสมีจุด
ประสงค์อย่างเดียวกันคือต้องการเงินและยอมแลกตัวเป็นของเล่นชั่วคราวของเขาทั้งนั้น”
คำพูดประโยคนี้นี่เองที่ทำให้เท้าที่ออกก้าวยาวๆ ชะงักตรึงอยู่กับที่อีกครั้ง สายตาเกรี้ยวกราดของหล่อนจับจ้องมาที่ใบหน้าของชายหนุ่มดั่งจะเผาให้ไหม้เป็นจุลไปต่อหน้าต่อตา
“ผู้หญิงที่คุณพูดถึงไม่ใช่ฉันและอย่าตามฉันอีกหวังว่าคนที่มีการศึกษาสูงร่ำรวยอย่างคุณคงฟังภาษาชาวบ้านอย่างฉันเข้าใจนะ”
จบคำร่างระหงก็ออกวิ่งโดยเร็วเพียงไม่กี่อึดใจหล่อนก็มายืนรอรถที่ถนนใหญ่ ภาคีขับรถตามและจอดมองกระทั่งร่างนั้นก้าวขึ้นรถโดยสารไป
“เก่งมาก”
พ่อเลี้ยงหนุ่มหัวเราะในลำคอและขับรถตามรถโดยสารออกไปก่อนจะแซงขึ้นหน้าทิ้งห่างไปไกลไม่ถึงชั่วโมงเก๋งคันงามก็คลานเข้ามาจอดหน้าบ้านทรงไทยสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังและอนุรักษ์ความเป็นแบบฉบับของไทยเมืองเหนือไว้อย่างสมบูรณ์ บิดามารดาของภาคีทิ้งมรดกมหาศาลไว้ให้ลูกๆ โดยไม่ทันได้เอ่ยคำร่ำลาแม้แต่คำเดียว
ภาคี อิทธิไพศาล เป็นบุตรชายคนสุดท้องของพ่อเลี้ยงภาคิยะกับแม่เลี้ยงภุมผกาซึ่งภาคีมีพี่ชายกับพี่สาวคอยเป็นกำลังใจให้กับเขาแม้ว่าพี่ๆ มีกิจการอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งคู่มีครอบครัวและตั้งหลักปักฐานอยู่ในกรุงเทพฯไม่คิดกลับมาอยู่เชียงใหม่ก็ตามแต่พี่ๆ ก็ส่งกำลังใจมาทางสายโทรศัพท์เพียงเท่านี้ภาคีก็พอใจแล้ว
น้องเล็กอย่างภาคีไม่ยอมทิ้งบ้านเกิดตามพี่ชายกับพี่สาว เขาเข้าบริหารงานต่อจากบิดา เขาศึกษางานจากหุ้นส่วนคนเก่าแก่จนสามารถเรียนรู้งานได้ทั้งหมด บริษัทผ้าไหมไทยเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ ถ้าหากบิดามารดายังมีชีวิตอยู่คงยินดีกับความสำเร็จของบุตรชายและดีใจที่ลูกสามารถสืบทอดความเป็นอิทธิไพศาลได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว
ภาคิยะและภุมผกาประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ต่างประเทศขณะเดินทางไปท่องเที่ยว ตอนนั้นภาคีกำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษอีกเพียง 3 เดือนเขาจะกลายเป็นด็อกเตอร์ตามที่บิดามารดาฝันไว้แต่ทุกอย่างจบลงเมื่อเขาทราบข่าวการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
ภาคีบินกลับเมืองไทยทันทีและไม่ยอมกลับไปเรียนต่อหลังจากพิธีศพของบิดามารดาเสร็จสิ้นลงอาจารย์ที่ปรึกษาขอร้องให้เขากลับไปเขายังคงยืนยันความตั้งใจเดิมพี่ชายและพี่สาวจึงต้องใช้วิธีอ้างถึงความฝันของบิดามารดานั่นแหละเขาจึงยอมกลับไปเรียนต่อและบินกลับสู่บ้านเกิดอีกครั้งพร้อมปริญญาเอกด้านการบริหารธุรกิจโดยตรง เขานำแผ่นกระดาษใบเดียวมาวางตรงหน้ารูปบิดามารดา
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมทำความฝันของคุณพ่อคุณแม่สำเร็จแล้วนะครับ ผมเป็นด็อกเตอร์อย่างที่คุณพ่อต้องการแล้วนะครับ”
รอยยิ้มของชายหนุ่มปรากฏตรงหน้ารูปบานใหญ่ของบิดามารดาเพียงนาทีเดียวรอยยิ้มค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน้ำใสๆในดวงตาสีเข้มเอ่อล้นขอบตาลงสู่แก้มเกลี้ยงเกลาของเขา
ชายหนุ่มเข้าบริหารงานด้วยความตั้งใจและฝ่าฟันอุปสรรคณานับประการด้วยความพยายามและอดทน ความเข้มแข็งและไม่หนีปัญหาของภาคีทำให้เขาก้าวขึ้นมายืนอยู่บนแท่นประธานกรรมการบริหารได้สำเร็จ หุ้นส่วนทุกคนยอมรับเขาและพร้อมทำงานร่วมกับเขาด้วยความยินดี
“ป้านวล ขอเบียร์เย็นๆ หนึ่งเหยือก เอาไปที่ห้องทำงานนะ”
ภาคีก้าวเข้ามาในบ้านร้องเรียกหาเบียร์ทันที นวลจันทร์หรือป้านวลขมวดคิ้วพลางถาม
“คุณภาจะดื่มกลางวันแสก ๆ อย่างนี้เหรอคะ”
“ทำไมล่ะ ดื่มไม่ได้เหรอป้า ดื่มกลางวันแล้วผมจะกลายเป็นมนุษย์หมาป่ารึไง”
เขาหันมาตั้งคำถามแล้วหัวเราะ นวลจันทร์ค้อนขวับ
“ค่ะๆ จะดื่มก็ดื่มป้าไม่ยุ่งด้วยแล้วเดี๋ยวจะยกไปเสิร์ฟถึงห้องทำงานเลยค่ะคุณผู้ชาย”
ภาคีหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเดินไปทางห้องทำงาน นวลจันทร์ทำตามคำสั่งของเจ้านายในเวลาไม่ถึง 10 นาที
“เบียร์เย็นๆ มาแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับป้า”