บทที่ 2 เอาเท่าไหร่
“ผมคิดจะช่วยเธอโดยที่ไม่ต้องหาเงินมาคืนไงล่ะครับ เธอไม่ยอมเล่นตัวไปอย่างนั้นเองสงสัยต้องการมากกว่านี้ ผมให้ไม่ได้หรอกแค่สองแสนนี่ก็นับว่ามากเกินไปแล้ว หรือคุณว่าไงคุณภาคี”
คำพูดของมานัสแต่ละคำทำให้ภาคีอยากจะส่งกำปั้นซัดไปที่ปากและใบหน้าสักทีสองที มานัสดูถูกเพศแม่มากเกินไปเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นไปหมดถึงคนอย่างพ่อเลี้ยงภาคีจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาว รุมตอมไม่เว้นว่างก็จริงแต่เขาไม่เคยใช้วิธีบังคับหรือซื้อตัวมาเพื่อระบายความใคร่สักครั้ง เขามีผู้หญิงเคียงข้างเพราะความสมัครใจของพวกหล่อนทั้งนั้น
“ผมไม่มีความเห็นเพราะผมไม่เคยใช้เงินซื้อใคร เรามาพูดเรื่องงานกันดีกว่า”
ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องทันทีเขาไม่อยากได้ยินคำพูดที่ดูถูกเพศตรงข้ามจากปากของมานัสอีก
“เรื่องรีสอร์ทที่จะเปิดใหม่ใช่มั้ยครับ”
เจ้าของบ้านกลับเข้ามาเรื่องงานได้เร็วทันใจเช่นกัน สำหรับเรื่องงานแล้วมานัสไม่เคยพลาดตามติดสถานการณ์ตลอดเพราะภาคีคือหุ้นส่วนสำคัญและเป็นหลักใหญ่ให้เขาด้วย
“ใช่ครับ ผมคิดว่าจะให้คุณดำเนินการคนเดียว คุณอาจจะหาเพื่อนมาช่วยบริหารก็ได้ตามแต่เห็นควร ผมจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ”
“คุณจะช่วยผมหรือครับ” หนุ่มใหญ่ถามเร็วด้วยความดีใจดวงตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที
“ผมจะคอยดูอยู่ห่างๆ ไงครับ ตอนนี้งานผมเยอะมาก เยอะจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเองแล้วล่ะ”
“ผมเข้าใจครับ บริษัทผ้าไหมของคุณออกจะใหญ่ปานนั้นยังจะรีสอร์ทแล้วก็บ้านจัดสรรอีก เอาเป็นว่าผมจะดูแลรีสอร์ทแห่งใหม่เองบางทีจะชวนเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯมาช่วยดูแลอีกคน คุณสบายใจได้ไม่ต้องห่วงผมรับรองว่าจะทำให้ดีที่สุดครับ”
“ผมเชื่อในฝีมือของคุณ เท่านี้แหละครับธุระของผม ขอตัวก่อนนะครับต้องไปที่อื่นอีก”
พ่อเลี้ยงหนุ่มบอกลาดื้อๆ ความจริงธุระเพียงแค่นี้พูดทางโทรศัพท์ก็ได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถมาถึงที่นี่แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้ภาคีพาตัวเองมายืนอยู่ในบ้านของมานัสและได้พบกับหญิงสาวผมยาวหน้าตาซีดเซียวคนนั้นและเพียงเห็นหล่อนเพียงวินาทีแรกหัวใจของเขาถึงกับเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ครับ ขอบคุณคุณภาคีที่กรุณามาถึงบ้านผมที่จริงเรียกผมไปพบก็ได้” มานัสยิ้มเกรงใจ
“บางเวลาผมก็ต้องเป็นฝ่ายมาบ้างสิครับ ไม่ใช่ให้คุณไปหาผมตลอด ไปละครับ”
ชายหนุ่มยิ้มให้เจ้าของบ้านก่อนจะหมุนร่างสูงโปร่งเดินลงบันไดตรงไปที่รถ มานัสเดินตามมาส่งและยืนรอจนรถสปอร์ตคันงามแล่นพ้นรั้วไม้ไปจึงกลับเข้าบ้าน
ภาคีขับรถออกมาจากบ้านมานัสถึงกลางซอยสายตาของเขาพุ่งตรงไปข้างหน้า ใครคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ไกลๆ เขาจ้องนิ่งไปยังร่างนั้นไม่ถึงนาทีร่างนั้นก็เด่นชัดขึ้น เขาขับรถเข้ามาจอดใกล้ๆ หล่อน กระจกด้านซ้ายมือเลื่อนลง หญิงสาวเหลียวมองแล้วก็ต้องใจเต้นแรงหล่อนหยุดยืนนิ่งโดยอัตโนมัติ รถคันนี้หล่อนจำได้มันจอดอยู่หน้าบ้านมานัส แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงได้มาจอดเกือบชิดหล่อนอย่างนี้
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเหลือบมองเข้าไปข้างในรถเห็นใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มกำลังจ้องมองหล่อนอยู่เช่นกัน ทรงผมตัดเรียบร้อยจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากบางได้รูป ดวงตาคมโตขนตายาวคล้ายหญิงจ้องนิ่งมาที่หล่อน
“จะไปไหน ขึ้นรถมาก่อนสิผมจะไปส่ง” เสียงทุ้มดังออกมาจากริมฝีปากบาง หญิงสาวนิ่งไม่ตอบพลางก้าวเท้าเดินต่อ
“เดินอีกไกลกว่าจะถึงปากซอย ซอยนี้เปลี่ยวก็เปลี่ยวไม่กลัวคนฉุดรึไง”
เสียงนั้นยังตามมารบกวนและรถก็ยังคงแล่นตามมาช้าๆ คำพูดของเขาแทนที่จะทำให้หญิงสาวกลัวแต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาพูดยั่วให้หล่อนโกรธและไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้หล่อนคิดว่าเขาเป็นพวกเดียวกับมานัสที่มองหล่อนเป็นผู้หญิงหิวเงินจนต้องเอาตัวเข้าแลก หล่อนไม่ต้องการรู้จักผู้ชายที่มักมากในกามารมณ์ หล่อนไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาเท้าพาหล่อนเดินชิดไหล่ทางเพื่อให้พ้นรถคันงามของเขาแต่ภาคีไม่ยอมให้หล่อนเดินหนีเขาขับตามไปเรื่อยๆ
“นี่คุณ คุยกันก่อนสิ ผมรู้นะว่าคุณต้องการเงิน คุณมานัสเขาเสนอให้คุณน้อยไปรึไงถึงไม่ยอมเป็นของเขา คุณต้องการเท่าไหร่ผมช่วยคุณได้นะ”
ชายหนุ่มนึกสนุกและมองหล่อนไปในทางที่ไม่ดีเท่าไรนักแต่นั่นเป็นเพียงแค่คำยั่วเท่านั้นสิ่งที่เขาต้องการคืออยากรู้จักหล่อนแต่เขาไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขานั้นเป็นการตบหน้าหล่อนอย่างแรงและเป็นคำพูดที่ดูถูกศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงอย่างหล่อนได้อย่างเลวร้ายที่สุด เท้าที่กำลังก้าวสะดุดกึกเกือบจะทันทีใบหน้าซีดเป็นสีระเรื่อขึ้นมาฉับพลัน
“หุบปากเลว ๆ ของคุณซะ แล้วจะไปตายที่ไหนก็ไป”