บทที่ 4 นิมิตพิศวาส 2
เพราะหล่อนคนเดียว…เมริน ! ผู้หญิงคนนั้นคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตื่นกลางดึกทุกคืน
ดังนั้นหล่อนต้องรับผิดชอบ !
เจซี่ทำงานได้รวดเร็วเสมอ สมกับเป็นคนที่กันติทัตไว้วางใจ เพราะเพียงสองวันให้หลัง แม่บ้านร่างอวบก็เดินต้วมเตี้ยมมาหาเจ้านายหนุ่มในห้องนั่งเล่น หลังจากที่พัชราเพิ่งกลับไปได้ไม่นานนัก
รอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนทำให้ชายหนุ่มเกิดความคาดหวังบางอย่าง จึงลุกมาจับมือเจซี่
“ยิ้มแบบนี้ มีข่าวดีอะไรหรือเปล่าครับเจซี่”
“มีสิคะ เงินถึงซะอย่าง ต่อให้งานยากก็กลายเป็นงานง่ายค่ะ ตอนนี้ฉันรู้มาหมดแล้ว ว่าคนชื่อเมรินบ้านอยู่ไหน”
“งั้นบอกผมมาเลย”
เจซี่ยื่นกระดาษสีขาวให้ ในนั้นเขียนไว้หมดถึงที่อยู่ของเมริน และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับตาวาว เก็บกระดาษพับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆแล้วหย่อนลงกระเป๋าเสื้อ
“ขอบคุณครับเจซี่ ผมขอออกไปข้างนอกก่อนนะ” พูดจบก็ผลุนผลันออกจากบ้านไป สักพักเจซี่ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดแล้วแล่นออกห่างไปเรื่อยๆจนเสียงเงียบไปในที่สุด
แม่บ้านร่างอวบเดินไปหยิบไม้กวาดมาปัดไรฝุ่นบนพื้น พลางอดยิ้มไม่ได้… เพิ่งเคยเห็นกันติทัตกระตือรือร้นเรื่องผู้หญิงเป็นครั้งแรก
แต่ก็ดีเหมือนกัน…เจ้านายของหล่อนคนนี้ เมื่อก่อนหักโหมงานหนัก ไม่ค่อยสนใจเพศตรงข้าม เมื่อมาเมืองไทย ได้พักงาน พักผ่อน แถมหัวใจกระชุ่มกระชวยแบบนี้ หล่อนก็อดดีใจด้วยไม่ได้
ไม่ว่าผู้หญิงที่ชื่อเมรินจะเป็นคนยังไง แต่หล่อนคิดว่าก็คงจะดีกว่าพัชรากระมัง เพราะพัชราดูก็รู้ว่ามีจริตจะก้านแพราวพราว และหล่อนก็ไม่ชอบเอาเสียเลย !
บ้านหลังเล็กชั้นเดียว ทาสีขาวสะอาด ตั้งอยู่กลางเนื้อที่ไม่มากนัก รอบบ้านไม่มีรั้ว มีเพียงต้นไม้ที่ขึ้นพอให้ร่มเงาเท่านั้น…
ไม่รู้ว่าเมรินจะอยู่บ้านหรือเปล่า เพราะเงียบเหลือเกิน จะว่าไปตอนนี้ก็ 8 โมงเช้าแล้ว บางทีหล่อนอาจจะออกไปทำงานแล้วก็ได้
กันติทัตคิด พลางสอดส่ายสายตามองทั่วบริเวณเพื่อสำรวจ นี่แหละ…เทคนิคของเขา หากสนใจสาวคนไหนก็ต้องรู้จักบ้านหล่อนเสียก่อน แผนการจีบจะได้ง่ายขึ้น
ทว่าระหว่างกำลังมองไปรอบๆอย่างเก็บรายละเอียดอยู่นั้น สุนัขตัวกลมซึ่งนอนอยู่ใต้ต้นจำปีของบ้านใกล้เรือนเคียงเกิดหันมาเห็นเขาพอดี มันจึงโชว์ความเก๋าด้วยการพาร่างอวบอ้วนของมันวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้หูตูบกระพือพึ่บพั่บ ตามด้วยเสียงเห่ากรรโชกข่มขวัญ
ฮื่อ….ฮื่อออ โฮ่งๆๆๆๆ
“เฮ้ย !” ชายหนุ่มอุทาน ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ จ้องมองคมเขี้ยวขาววาววับที่ไล่งับน่องเขาเป็นพัลวัน
“ถอยไปนะ ชู่ว…” เขาไล่เสียงเบา เพราะเกรงว่าคนในบ้านจะได้ยิน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมละความพยายาม เพราะกระโจนเข้าหาอีกครั้งอย่างดุดัน
และนั่นก็ทำให้หนุ่มลูกครึ่งที่ไม่คุ้นชินกับการวิ่งหนีหมาถึงกับเหงื่อตก สุดท้ายก็เหลือบไปเห็นบานหน้าต่างแง้มนิดๆ จึงง้างเปิดออกแล้วปีนเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
ช่วงที่เขาปีนนั้น ฟันของสุนัขงับเฉียดขากางเกงของเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ยังดีที่เขาปลอดภัยรอดพ้นจากคมเขี้ยวสัตว์ดุร้าย แต่ทว่า…
กลับเจอเรื่องที่ร้ายแรงกว่านั้น เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วพบร่างระหงสวมเพียงกระโปรงพลีท กำลังจะสวมบราเซีย แต่ยังไม่ทันได้สวม มือก็เป็นอันหยุดนิ่ง ตาเบิกกว้างแทบถลนยามจ้องไปที่เขาซึ่งโผล่พรวดเข้ามาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
“อะ…” เสียงของหล่อนแทบไม่หลุดพ้นจากลำคอเลยทีเดียว ขณะที่กันติทัตหน้าแดงก่ำ หันหลังขวับ พูดเสียงตะกุกตะกัก
“เอ้อ…ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากมาแอบดูคุณเลยนะ สาบานได้”
“ไอ้โรคจิต” หล่อนเค้นเสียงต่ำ
“ผมไม่ได้ตั้งใจ” ยังคงย้ำคำพูดเดิมโดยไม่หันมองไปทางหล่อน
“ไม่ตั้งใจได้ไง ก็เห็นๆอยู่ว่าคุณปีนเข้ามาในบ้านฉันตอนฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า” หล่อนยังคงกล่าวหา และนั่นก็ทำให้เขาคิดจะปีนหนี แต่พอยื่นขาออกนอกหน้าต่าง เจ้าหมาตัวเดิมก็นั่งคอยอยู่แล้ว แถมมันยังเห่าเสียงดังอีกด้วย
ชายหนุ่มรีบหดขากลับ จะเอายังไงดี…ออกไปก็โดนหมาไล่กัด ถ้าอยู่ในห้องนี้ต่อไปก็อาจโดนข้อกล่าวหาว่าบุกรุกได้
“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าบ้านคุณเลี้ยงหมา”
“หมาคนข้างบ้าน แต่บางทีมันก็ช่วยสอดส่องดูแลบ้านของฉันด้วย ออกไปนะ” หล่อนไล่อีกครั้ง
กันติทัตชักจะคิดหนัก เอาไงดี…จะถอยไปตั้งหลักก่อนก็เกรงว่าจะโดนงับน่อง ครั้นจะอยู่ห้องนี้ก่อนก็ใจไม่สู้ดี
ระหว่างคนดุ กับสุนัขดุ เขาควรกลัวฝ่ายไหนมากกว่ากัน ?
“ไอ้คนบ้ากาม สัปดน ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้นะ !”
เสียงแหลมแว๊ดใส่ ตามด้วยอะไรบางอย่างหนักๆที่กระแทกใส่แผ่นหลังของเขาเต็มแรง
พลั่ก !
“เฮ้ย !”
นอกจากจะโดนด่าแล้ว เขายังโดนหล่อนถีบสุดแรง จนชายหนุ่มถึงกับเซเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว หน้าผากโขกผนังห้องเสียงดัง
โป๊ก !
เจ็บจนบรรยายไม่ถูก เขาปวดศีรษะจนแทบระเบิด ยิ่งเหลือบตาไปเห็นเมรินยืนปิดหน้าอกไว้ สีหน้าถมึงทึง ดวงตาวาววับอย่างโกรธจัด เขาก็รีบทิ้งตัวลงนอนราบกับพื้นเย็นเฉียบ พร้อมหลับตาพริ้มทันที
เขาว่ากันว่า…หากเจอหมีให้แกล้งตาย และถ้าหากเจอผู้หญิงที่ดุเหมือนหมีล่ะ คงไม่แปลกใช่ไหมที่เขาจะแกล้งสลบ เพื่อฉวยโอกาสนี้คิดหาทางเอาตัวรอด !
“นี่ อย่ามามารยานะ ผู้ชายตัวโตอย่างคุณแค่โดนผู้หญิงตัวเล็กๆถีบครั้งเดียว ถึงกับสลบไสลเลยเหรอไง” เมรินถามเสียงดังอย่างไม่เชื่อ แต่พอเห็นเขานอนนิ่งนานๆ ซ้ำยังไม่กระดุกกระดิกตัว หญิงสาวก็เริ่มใจหาย หน้าหวานเผือดสี หล่อนถลามานั่งข้างเขา โดยลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อ
“นี่คุณ…โดนแค่นี้คงไม่ถึงกับตายหรอกใช่มั้ย แกล้งกันใช่ไหมเนี่ย”
เงียบ…
ไม่มีเสียงตอบรับ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม
“ตัวก็ออกจะโต โดนแค่นี้ถึงกับน็อกเลยเหรอไง อย่ามาตายในบ้านฉันนะไอ้โรคจิต”
เพื่อความมั่นใจ หล่อนจึงแนบหูเข้ากับแผ่นอกของเขาเพื่อฟังเสียงเต้นของหัวใจ ขณะที่มือของกันติทัตค่อยๆยกขึ้นอย่างช้าๆแล้วรวบร่างบางมากอดแนบอกอย่างรวดเร็ว
“ว้าย !” เมรินอุทานอย่างตกใจ “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
หล่อนดิ้นขลุกขลักเพื่อหวังให้รอดพ้นจากอ้อมกอดของเขา ทว่ากลับไม่เป็นผล เพราะยิ่งหล่อนดิ้น เขาก็ยิ่งกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“ปล่อย…ปล่อยนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความข้อหาบุกรุก”
“แจ้งไปเลยแมว…” เสียงทุ้มที่เรียกหล่อนอย่างคุ้นเคย ทำให้หญิงสาวชะงัก เมื่อครู่นี้หล่อนมัวตกใจจนไม่ทันได้สังเกตใบหน้าเขาให้ชัดๆ แต่กลับต้องสะดุดเพราะได้ยินเสียงทุ้ม และอ้อมกอดอบอุ่นที่หล่อนไม่เคยลืม
“คะ คุณ…” เสียงของหล่อนขาดหายเป็นห้วงๆ ก่อนจะชาวาบไปทั้งร่าง เมื่อชายหนุ่มคลายอ้อมแขนลงบ้างแล้วยันกายขึ้น ให้หล่อนได้เห็นหน้าเขาชัดๆ
“คะ…คะ…” หล่อนเหมือนคนเป็นใบ้ไปเสียแล้ว ดวงตาสองข้างฉาบรื้นด้วยหยาดน้ำใส ไหล่สองข้างสั่นระริก จ้องมองวงหน้าเข้มคมของคนที่คร่อมทับตัวหล่อนอยู่เหมือนเห็นปิศาจ
“ว่าไง” เขาถามพลางกระตุกยิ้มที่มุมปาก “จำผมได้ไหมเมริน…ผู้ชายคนที่ถูกคุณกัดจนลิ้นเกือบขาดเมื่อสองคืนก่อนยังไงล่ะ !”