บทที่ 3 นางในฝัน 2
“แต่…” พัชรากลอกตาขึ้นข้างบน แล้วพูดอีกว่า “แต่คุณเจซี่ไม่สบายไม่ใช่เหรอคะ เรารีบกลับกันดีกว่านะ”
ชายหนุ่มมีทีท่าลังเลเล็กน้อย ครั้นเหลือบมองไปทางเวทีก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาจึงได้แต่ถอนใจ แล้วต่อรองว่า “งั้นขอลอยกระทงก่อนแล้วจะรีบกลับ”
“ได้ค่ะคุณกันต์” พัชรายิ้ม รีบพาเขาไปหาซื้อกระทงมาคนละใบกับหล่อน จากนั้นก็ก้าวลงตามขั้นบันไดจนถึงขั้นสุดท้ายเพื่อนำกระทงลอยลงแม่น้ำ แต่ทว่า…
“นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ” กันติทัตถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นหล่อนเอาไม้เสียบกระทงของเขาและของหล่อนให้อยู่ติดกัน
“ก็ถ้ากระทงเราลอยคู่กัน หมายความว่าเราเป็นเนื้อคู่กันนี่คะ”
“คุณเลยเอาไม้มาเสียบกระทงของเราสองคนเนี่ยนะ ?”
“ไม่ดีเหรอคะคุณกันต์ เราจะได้คู่กันตลอดไปไงคะ” หญิงสาวทำเสียงอ้อน แต่เขากลับทำหน้าบึ้ง
“ไม่ได้ ! อย่าเล่นขี้โกงสิ” เขารีบดึงไม้ออกทันที
“เอ๊ะ ! จะดึงออกทำไมคะคุณกันต์”
“ต่างคนต่างลอยสิ เอาไม้มาเสียบแบบนี้ ผมไม่ชอบนะ”
“ก็ได้ค่ะ หึ” หล่อนทำหน้าปั้นปึ่ง แต่เขาไม่สนใจ ยกกระทงขึ้นจรดหน้าผากแล้วปล่อยให้ไหลตามกระแสน้ำ
ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาลที่มีพระจันทร์ดวงใหญ่สีเหลืองนวลส่องแสงไปทั่ว ช่วยให้กระทงใบน้อยนับร้อยใบที่มีเทียนเล่มเล็กจุดสว่างดูโดดเด่น…ละลานตา
คนที่มาลอยกระทงริมแม่น้ำมีเยอะมาก จนเบียดพัชราเกือบกระเด็น เคราะห์ดีที่หล่อนยึดเอวของกันติทัตไว้ได้ทัน เสียงแหลมกรีดร้องวี๊ดๆจนเขาชักปวดหู
“ว้ายๆๆ พัชจะตกแล้วค่ะคุณกันต์ขา”
“ถ้ามันลำบากนักก็กลับกันเถอะ” เขาพูดตัดรำคาญ ทำท่าจะหันหลังกลับขึ้นตลิ่ง แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังสนั่น
ตูม !
เป็นเสียงน้ำแตกกระเซ็นหนักหน่วง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้หญิง
“กรี๊ดดด ช่วยด้วยค่ะ ฉันว่ายน้ำไม่เป็น”
กันติทัตหันมองไปเบื้องหลัง เห็นหญิงคนดังกล่าวตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำในสภาพเปียกปอน สองแขนชูขึ้นเหนือศีรษะเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ แค่กๆ ช่วยด้วย…” เสียงหล่อนเริ่มขาดเป็นห้วงๆ ชายหนุ่มมองรอบกายเห็นผู้คนทำหน้าแตกตื่น ละล้าละลัง ไม่มีใครลงไปช่วย เขาจึงตัดสินใจถอดรองเท้า แล้วกระโจนลงสู่ผืนวารีอย่างรวดเร็ว ทำให้พัชราที่เกาะเอวเขาไม่ยอมปล่อย พลอยตกน้ำไปด้วย
ตูม !
“ว้าย กรี๊ดดด” พัชราร้องลั่น แหกปากตะโกน “คุณกันต์ทำบ้าอะไรคะ เล่นอะไรบ้าๆ”
แต่ชายหนุ่มไม่สนใจคู่ควงเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเร่งว่ายน้ำไปช่วยเหลือคนที่ตกน้ำ โดยมีเสียงแหลมๆของพัชราดังเข้าหูอยู่ตลอดเวลา
“คุณกันต์ขา ช่วยพัชด้วย พัชเปียกหมดแล้ว กรี๊ดๆ”
“คุณพัช…ผมรู้นะว่าคุณว่ายน้ำเป็น” ชายหนุ่มพ่นเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนรวบร่างบางของคนที่เกือบจมน้ำมาแนบอก
เสียงฮือฮาเซ็งแซ่ของคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้เริ่มสงบลงเมื่อเห็นว่าไม่มีใครได้รับอันตราย พัชราว่ายน้ำเป็น หล่อนลอยตัวอยู่แถวใกล้ๆฝั่งอย่างหงุดหงิดที่กันติทัตไม่สนใจหล่อนเลย ส่วนชายหนุ่มนั้นเอาแต่จ้องหน้าคนในวงแขนนิ่งราวถูกสาป
เมรินเบิกตากว้าง ปากอิ่มสั่นระริก ไม่แน่ใจว่าตนกำลังตกใจที่ถูกเบียดจนตกน้ำ หรือว่ากลัวคนที่ลงมาช่วยหล่อนกันแน่
รอบกายมีแต่กระทง ปักเทียนเล่มเล็กลอยเกลื่อน เบื้องบนคือจันทร์เพ็ญดวงกลมแสนสวย ไม่รู้จะด้วยบรรยากาศพาไปหรือเพราะอะไรกันแน่ เขาถึงเหมือนต้องมนต์สะกด จ้องหน้าหวานนิ่งนานราวกับโลกหยุดหมุนชั่วขณะ
“นางในฝัน…มีจริงๆหรือนี่”
“ปะ…ปล่อยฉัน” หล่อนบอกอ้อมแอ้ม หลบตาวูบ
“ผมลงมาเพื่อช่วยคุณ แล้วจะให้ปล่อยไปได้ยังไง ?” เขาย้อนกลับเช่นนั้น
“ฉัน…ฉันไม่ต้องการให้คุณช่วยเหลือ ฉันยอมจมน้ำตายดีกว่า”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว กันติทัตก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความฉงน เหตุใดหล่อนจึงทำเหมือนชังน้ำหน้าเขา ทั้งๆที่เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรก
แต่มนต์เสน่ห์ของดวงจันทร์ และภาพความฝันที่ผุดพรายขึ้นมาในห้วงนึก ทำให้ความสงสัยที่มีถูกลบเลือนออกจากใจ
เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรอยู่เมื่อก้มหน้าลงต่ำ จูบปากบางแผ่วเบาแล้วทวีความรุนแรงมากขึ้นจนรับรู้ได้ถึงอาการสั่นของคนที่อยู่ในอ้อมกอด กลิ่นนี้…เป็นกลิ่นส้ม ใช่แน่ๆ หล่อนผิวหอมเหมือนส้ม…กลิ่นหอมเย็นชื่นใจที่รบกวนเขาแม้กระทั่งในความฝัน
ลิ้นของเขาสัมผัสกับลิ้นของหล่อน เกี่ยวกระหวัดรัดรึงหยอกล้ออย่างชำนาญ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวลืมต่อต้าน เผลอสนองจูบเขากลับไปเช่นกัน
ชายหนุ่มถอนจุมพิตออก แล้วกระซิบแผ่วเบา
“ผมเคยจูบคุณแบบนี้ใช่ไหม ?”
จากนั้นก็แนบจูบที่เรียวปากของหล่อนอีกครั้ง ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าโพรงปากหวาน แต่ไม่ทันได้ลิ้มรสจูบให้หนำใจ กลับถูกเจ้าหล่อนกัดลิ้นอย่างแรงจนต้องดึงใบหน้าตัวเองกลับ…
“คุณกัดลิ้นผม !” ชายหนุ่มพูดลอดไรฟัน ตาลุกวาว ก่อนจะหน้าหันไปอีกทางเมื่อโดนหล่อนตบหน้า
เผียะ !
“เฮ้ย ! นี่ผมอุตส่าห์ลงมาช่วยคุณนะ แทนที่จะขอบคุณผมสักคำก็ไม่มี”
“มาช่วยหรือแค่อยากฉวยโอกาสกันแน่คะ”
“แต่เมื่อกี้คุณก็ทำเหมือนชอบจูบของผมนี่ !”
เมรินหน้าแดงก่ำบ่งบอกถึงพิรุธที่มีในใจ ก่อนสะบัดหน้าไปทางอื่น โต้กลับอย่างไม่พอใจ
“ใครจะไปชอบจูบห่วยๆจากฝรั่งหน้าเห่ยๆอย่างคุณกัน”
“อะ !” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง อึ้งไม่น้อยที่ถูกหล่อนตำหนิว่าจูบห่วย แถมยังหน้าเห่ย “ปากดีจริงนะ ผมเพิ่งเคยเจอผู้หญิงแบบคุณเป็นครั้ง”
“เลิกพูดมากซะทีเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ” หล่อนโต้เสียงแหลม ก่อนตะโกนก้อง “ช่วยด้วยค่ะ ตานี่ทำทีจะมาช่วยฉัน แต่จริงๆแล้วคิดจะลวนลาม ช่วยด้วย ช่วยที ฉันถูกตาแก่โรคจิตแต๊ะอั๋งค่า”
“เฮ้ย !” กันติทัตอุทาน “พูดอะไรของคุณน่ะ”
“พูดเรื่องจริงไง” หล่อนลอยหน้าลอยตาใส่เขา แล้วแหกปากอีกครั้ง “ช่วยด้วยเจ้าค่าเอ้ย ฉันโดนฝรั่งโรคจิตลวนลามค่า ช่วยด้วย”
ชายหนุ่มหันซ้ายขวา ตั้งท่าจะเอามืออุดปากหล่อน แต่ช้าเกินไปเสียแล้ว เพราะมีผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลงน้ำมา จากนั้นก็ดึงตัวเมรินออกห่างเขา
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย” หล่อนยังร้องลั่นไม่หยุด
“ไม่เป็นไรนะครับ คุณปลอดภัยแล้ว” พลเมืองดีพูดเสียงนุ่ม แล้วหันมาตะคอกใส่กันติทัต “เลวจริงๆ”
เมรินถูกพลเมืองดีพาขึ้นฝั่งไปแล้ว ส่วนกันติทัตได้แต่นิ่งงันด้วยความสับสน
ทำไมสายตาที่เมรินใช้มองเขาถึงเต็มไปด้วยความผิดหวังจนเขานึกสะดุดใจ
หรือว่าหล่อนกับเขาจะเคยรู้จักกันมาก่อน ?
“คุณกันต์คะ กลับกันเถอะค่ะ ตอนนี้ทุกคนคงมองว่าคุณโรคจิตไปหมดแล้ว” พัชราว่ายน้ำมาอยู่ข้างๆเขาแล้วพูดเสียงแผ่ว หล่อนน่ะอายจนหน้าร้อนไปหมดแล้ว แต่ว่าสิ่งที่มีมากกว่าความอายคือความไม่สบายใจ…หล่อนไม่อยากให้เขาเจอเมรินอีก !
ชายหนุ่มยอมขึ้นฝั่งพร้อมพัชรา เสื้อผ้าเปียกโชกจนหยดน้ำไหลนอง แต่เขาไม่สนใจ…ไม่แคร์ด้วยซ้ำแม้จะมีสายตาหลายคู่มองมาอย่างให้ความสนใจ
หลังสวมรองเท้าเสร็จ เขาก็หันมองไปรอบๆ เห็นมีแต่คนมองเขาด้วยสายตาเคลือบแคลง…คงคิดว่าเขาเป็นพวกบ้ากามไปกันหมดแล้วสินะ ส่วนเมรินก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เพราะเขามองหาหล่อนไม่เจอเลย
เมื่อไม่เจอคนที่อยากเจอ เขาจึงเดินกลับไปทางรถซึ่งจอดอยู่ในมุมมืด และพัชราก็พ่นเสียงฉุนเฉียวใส่เขาอย่างเหลืออด
“คุณกันต์คะ คุณบ้าหรือเปล่าที่ไปจูบแม่นั่น”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องจูบ รู้แค่ว่าผมรู้สึกคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนั้น”
หญิงสาวหน้าซีดเผือด ดวงตาฉายแววตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“คุณรู้จักผู้หญิงที่ชื่อเมรินนั่นมาก่อนหรือเปล่าคุณพัช ผมอยากรู้ว่าในความทรงจำที่หายไป มีเรื่องราวของเมรินอยู่ด้วยหรือเปล่า”
พัชรานิ่งอึ้ง แต่เมื่อสบสายตาคาดคั้นจากเขา หล่อนก็สะบัดหน้าพรืด ตอบเสียงแข็ง
“ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยค่ะ นางงามประดับประเทศอย่างพัช จำเป็นด้วยเหรอคะที่ต้องไปรู้จักกับนางงามกิ๊กก๊อกระดับอำเภออย่างแม่นั่นน่ะ !”
“งั้นเหรอ ไม่รู้จักงั้นเหรอ” น้ำเสียงของเขาฉายแววผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ก่อนพูดว่า “ถ้างั้นขึ้นรถเถอะ คุณคงหนาวแย่แล้วใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ พัชน๊าวหนาว” หญิงสาวออดอ้อน เบียดกายเข้าหาเขา แต่เขากลับหลบวูบ แล้วเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ทำให้หล่อนถึงกับหน้าเสีย แต่ก็ยอมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับแต่โดยดี
ตลอดระยะทางที่กลับบ้าน พัชรารับรู้ได้ถึงบรรยากาศตึงเครียด หล่อนรู้ว่ากันติทัตกำลังนึกถึงผู้หญิงคนนั้น
เมริน…ผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลต่อกันติทัตเหลือเกิน แม้จะความจำเสื่อม แต่จิตใต้สำนึกกลับไม่เคยลืม
และหล่อนจะไม่มีวันยอมให้ผู้ชายที่หล่อนรักกลับไปเป็นของเมรินอีกแน่ๆ มันจะต้องไม่มีวันนั้น !