บทที่ 02 นางบำเรอ
สามวันมานี้แคว้นไป๋บุกเผ่าตวนมู่อย่างหนัก เพราะแม่ทัพใหญ่ของแคว้นไป๋ลงมาบัญชาการด้วยตัวเอง มีเสียงเล่าลือกันว่า แม่ทัพผู้นี้ไม่กินเส้นกับต้าหวางแคว้นไป๋นัก แต่เขากลับเป็นผู้บัญชาการกองทัพได้อย่างแข็งขัน อีกทั้งเขาได้ปราบกบฏอวี้ฉีได้อย่างราบคาบ โดยนำทหารปราบกบฏในครั้งนั้นเพียงสามร้อยคน ส่วนกบฏอวี้ฉีมีทหารร่วมสู้รบห้าพันคน ตายเกือบหมดสิ้น เหลือรอดจนนับจำนวนคนได้
หลังสู้รบกันมาได้สองวัน ข่านของเผ่าตวนมู่นามว่า ตวนมู่ไป๋ฉี ต้านทัพไป๋อย่างสุดกำลัง เพื่อไม่ให้ทหารของแคว้นไป๋บุกทะลวงเข้ามาในเผ่าที่อยู่ในทะเลทรายกว้างใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของพวกเขา แต่ทว่าทหารของเผ่าตวนมู่ตายไปมากมายยิ่งนัก และไม่รู้ว่ากองกำลังของเผ่าตวนมู่จะยื้อได้นานแค่ไหน (ข่าน แปลว่า เจ้า, หัวหน้า, เจ้าแขก หรือ ราชา)
หญิงสาวใบหน้างดงามใบหน้าราวกับจันทราที่เด่นสง่าในคืนวันเพ็ญ นัยน์ตาของนางสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ผมยาวสลวยดำเงา ผมของนางนั้นดุจน้ำนม เรือนร่างอวบอิ่มและอกใหญ่เกินตัว ไม่ดูผอมบางจนเกินไป
นางผู้นี้มีนามว่าตวนมู่น่าหลัง เป็นเจี่ยเจียของหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบัน นางเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้บ่อยๆ ชอบพูดคุยกับเหล่าขุนนางเพื่อแก้ไขปัญหาภายในเผ่า และเผ่าโดยรอบอีกยี่สิบเผ่าโดยรอบโดยให้หัวหน้าเผ่ามารับฟังด้วยกัน อีกทั้งข้อเสนอของนางมักผ่าเหล่าผ่ากอยิ่งนัก เช่นขนหินลงจากภูเขาลงมาจากหน้าผาถล่มเผ่าอาซือข่าย หรือจะเป็นกระบวนทัพแบบปีกอินทรีโอบรอบทัพข้าศึกจนราบคาบ (เจี่ยเจีย แปลว่า พี่สาว)
ทำให้นางเป็นไว้วางใจของข่านให้นางได้ดูแลถึงครึ่งครึ่งเดือน ในช่วงที่ข่านบาดเจ็บจากการโดนเสือกัดปางตายนางจึงเป็นที่ยำเกรงต่อเหล่าทหารของเผ่า
แต่ทว่าเบื้องหน้าที่ดูดุดัน เบื้องหลังแฝงไปด้วยความเร่าร้อน และตัณหาที่นางยากจะควบคุม ทุกๆ ค่ำคืนนางจะนอนกับผู้ชายคืนละคนไม่ซ้ำหน้าจนเป็นที่ลือเลื่องว่านางเป็นนางจิ้งจอกมากด้วยตัณหาไม่มีที่สิ้นสุด และเรื่องนี้นางเองก็ทำจริงจังเป็นล่ำเป็นสันโดยการเปิดหอคณิกาขึ้นกลางเมืองหลวง
พอเหนียงชินได้สิ้นไป นางก็เข้าวังบ่อยครั้งเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้ข่านผู้เป็นตี้ติเช่นเดิม บางครั้งท่านข่านก็จะมาหานางด้วยตัวเอง (เหนียงชิน แปลว่า แม่ / เจี่ยเจีย แปลว่า พี่สาว / ตี้ติ แปลว่า น้องชาย)
ตวนมู่น่าหลังกำลังกรีดกรายร่ายรำในหอคณิกาของนางเอง โดยมีหญิงสาวใบหน้างดงามมากหน้าหลายตาที่อยู่ในสังกัดของนางให้ชายหนุ่มได้เลือกหา และพวกนางเหล่านั้นเป็นคนที่นางซื้อตัวมาด้วยเช่นกัน เพื่อสนองตัณหาบรรดาเหล่าขุนนางและพ่อค้าวาณิช เพราะสำนักนี้ห้ามผู้หญิงนอกจากนางคณิกา และเหล่าบรรดาบ่าวรับใช้ แต่ถ้าจะเข้ามาต้องแจ้งกับแม่เล้าของหอก่อน
กฎของหอคณิกาแห่งนี้มีอยู่ว่า ถ้านางคณิกาต้องการที่จะขายบำเรอชายก็ขายได้ แต่ถ้าไม่เต็มใจบำเรอชายผู้นั้น แม่เล้านามว่าเหนียงเหนียงก็จะไม่บังคับพวกนางแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของนางเองที่จะทำสิ่งใด แค่ขายเหล้าดอกท้อที่น่าหลังเป็นคนปรุงแต่งก็กำไลมหาศาลอยู่แล้ว เพราะเหล้าดอกท้อของที่นี่เรื่องชื่อยิ่งนัก
ตวนมู่น่าหลังมีใบหน้าที่งดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ใบหน้าของนางตบแต่งด้วยเครื่องประทินโฉมในสีอ่อนหวาน แต่ริมฝีปากสีแดงชาด บนหัวของนางมีเครื่องหัวที่ทำมาจากเครื่องทองและอัญมณีสีแดง คือ ทับทิม ทำเป็นลูกปัดห้อยระย้าบนหน้าผากขาวเนียนละเอียด และทับด้วยผ้าคลุมหัวสีแดงทอจากผ้าไหมโปร่งใสลวดลายขนนกยูงสีทองและสีแดง
นางยังสวมใส่เสื้อครึ่งตัวเปิดเนินอกอวบอิ่มสีแดงชาดลายขนนกยูงดิ้นสีทองเปิดเนินอกอวบอิ่มของนาง อีกทั้งยังเปลือยหน้าท้องแบนราบ ส่วนกระโปรงที่ยาวจรดข้อเท้าเป็นกระโปรงสีแดงชาดเช่นเดียวกับเกาะอก ลักษณะแหวกเรียวขาทั้งสองข้างทำให้นางน่าหลงใหลราวกับนางฟ้าในร่างของมนุษย์ อีกทั้งข้อเท้าของนางยังมีกระพรวนทองเพิ่มเสียงไพเราะ ชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต่างจับจ้องนางแทบจะกลืนกินนางทั้งตัว
.........................................
ตวนมู่น่าหลังนางเอกของเราปรากฏตัวแล้ว
นางได้เจอสองแม่ทัพเมื่อใด ต้องเร่าร้อนซาบซ่านแน่นอน อิอิ
อย่าลืม! กดหัวใจ และ เขียนคอมเม้นท์มาพูดคุยกันบ้างน๊า ไรท์จะได้ไม่เหงา
ไรท์ชอบอ่านคอมเม้นท์ของทุกท่าน และพยายามตอบกลับทุกคอมเม้นท์นะ