บท
ตั้งค่า

3.สมดั่งปรารถนา

“ฝ่าบาทเสด็จกลับตำหนักแล้ว พวกเจ้าตระเตรียมแต่งสำรับถวายหรือยัง” ข้ารับใช้ใกล้ชิดองค์ฮ่องเต้อู๋กงกงเดินเข้าไปพูดเบา ๆ กับนางในหน้าห้องเครื่อง

“เจ้าค่ะ อู๋กงกง” นางห้องเครื่องคำนับก่อนที่จะวิ่งหายเข้าไปในห้องเครื่องรีบตระเตรียมสำรับขึ้นให้ทันเวลา เพราะยังต้องเผื่อเวลาให้อู๋กงกงทดสอบพระกระยาหารก่อนนำขึ้นแต่งโต๊ะอีกด้วย

ผ่านไปครู่ใหญ่ อู๋กงกงเข้าทดสอบพระกระยาหารทุกสำรับ ก่อนที่จะนำขึ้นแต่งโต๊ะมื้อกระยาหาร

“เครื่องคาวขึ้นแต่งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญฝ่าบาทเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” บุรุษผู้ทรงเครื่องมังกรกำลังเสวนาออกรสกับหลานชายพยักหน้ารับคำของข้ารับใช้คนสนิทข้างกาย

“ร่วมโต๊ะอาหารกันสักมื้อนะจางหย่ง ปะ” เซวียนจางหย่งพยักหน้ารับ เขาลอบมองสีหน้าและแววตาพระปิตุลาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากเข้มขรึมเมื่อครู่จางหายไปราวกับเป็นคนละคนอย่างเห็นได้ชัด ในยามที่ฝ่าบาทไม่ได้ว่าราชการใด ๆ พระปิตุลาของเขาก็เป็นเหมือนคนทั่วไป มียิ้ม มีหัวเราะ เฉกเช่นปุถุชนคนธรรมดา ทว่าบทบาทที่ต้องแยกกันอย่างชัดเจนนำพาบางสิ่งที่เขาต้องการที่ไม่มีใครให้เขาได้นอกจากฝ่าบาทผู้นี้

“สำรับพวกนี้ วิเศษเสียจริง”

“ขอรับ” เซวียนจางหย่งเอ่ยสนับสนุน

“เพียงไม่กี่ฝนเจ้าก็เติบใหญ่เป็นหนุ่มน้อยแล้ว ข้าก็แก่ลงไปอีกสิบสี่ปี ครบสิบสี่หนาวปีนี้เจ้าอยากได้สิ่งใดเป็นของขวัญวันเกิดล่ะ” น้ำเสียงมีความสุขอารมณ์ดีสลับกับหัวเราะร่าออกมา ก่อนที่จะเอ่ยถามผู้มีศักดิ์เป็นหลานชาย

“แค่เสด็จลุงทรงจดจำวันเกิดของกระหม่อมได้ก็ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เซวียนจางหย่งรีบประสานมือคารวะ

“ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรให้มาก ไหนบอกมาสิว่าเจ้าอยากได้สิ่งใด” เสียงทุ้มคะยั้นคะยอ แววตาเริ่มใส่อารมณ์ จางหย่งเห็นทีว่าเขาต้องมีอะไรสักอย่างที่ต้องการตามพระประสงค์ของพระปิตุลา

“ขอฝ่าบาทมีพระราชโองการอนุญาต ให้กระหม่อมเดินทางไปปราบชนเผ่านอกด่านที่ชายแดนเหนือด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เซวียนจางหย่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง และทันทีที่คนรอฟังคำตอบได้ยินสายตากร้าวก็เพ่งมองเด็กหนุ่มตรงหน้าในทันที

“เหตุใดเจ้าไม่ต้องการ สตรี? จวน? ที่ดิน? สิ่งใดที่ข้าให้แล้วไม่ลำบากใจเล่า”

“กระหม่อมตรึกตรองดีแล้วฝ่าบาท” นอกจากฮ่องเต้จะโกรธมากแล้วซ้ำยังจะไม่ให้อภัย

“เจ้าจะให้ข้ากับไทเฮาน้ำตาตกในตายหรืออย่างไรกัน” แววตาแห่งความเมตตาและสีหน้าอิ่มสุขเมื่อครู่หายวับไปกับตาเซวียนจางหย่งรีบคุกเข่าลงกับจดหน้าผากลงกับพื้น

“อาญามิเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”เยวี่ยจั้นลุกยืนหันหลังให้คนคุกเข่าเต็มความสูง ก่อนที่จะเอ่ยปากเรียกอู๋กงกงเข้ามา

“เอาตัวองค์ชายเซวียนกลับจวนกั๋วกง หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามมิให้ออกจากจวนเด็ดขาด!”

เซวียนจางหย่งเบิกตาโพลงมองชายฉลองพระองค์ของผู้เป็นพระปิตุลา ระหว่างที่อู๋กงกงเข้ามายืนต่อหน้า เซวียนจางหย่งไม่อาจเลี่ยงอาญาที่องค์ฝ่าบาทลั่นออกมาได้ ทว่าถึงอย่างไรสิ่งที่เขาขอนั้นก็ยังเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้อยู่ดี

ถึงแม้สายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้จะถูกทอดยาวออกไปอย่างไร้จุดหมาย ทว่าน้ำตาที่ล้นเอ่อหัวใจของเยวี่ยจั้นก็ส่อปริ่มดวงตาเมื่อย้อนนึกถึงในวันที่เซวียนผู้พ่อทำเช่นเดียวกันนี้ หลังจากที่ราชโองการถูกประทับตรา เซวียนจางหย่งน้อยก็ถูกเปลี่ยนสายป่านทันที ถึงเขายังเด็กแต่ก็รู้พอที่จะร้องงอแงถึงผู้เป็นบิดา แม้ตนจะเป็นฮ่องเต้ก็ไม่อาจบังคับให้บุตรไม่คิดถึงบิดาได้ ทั้งเขาและไทเฮาต่างก็ผ่านวันคืนที่ยากลำบากมาด้วยกัน ภาพไทเฮากอดหลานหลับไปทั้งน้ำตายังวนเวียนอยู่ในความทรงจำของเขาไม่เลือนจางไปไหน

‘เจ้าจางหย่ง ครั้งที่ข้ายอมอภัยให้เจ้าตอนที่เจ้ากลับไปอยู่จวนเก่าของพ่อเจ้าตั้งแต่สิบสองหนาวนั่นข้าก็ยอมเจ้ามากแล้ว ครั้งนี้กำเริบเสิบสานนักจะไปจากข้าไกลกว่านี้ทั้งที่เพียงสิบสี่หนาวน่ะเหรอ หรือจะต้องให้ไทเฮาประทานสมบัติมากกว่าครั้งที่แล้วหรืออย่างไรกัน เจ้าเด็กคนนี้นี่นะ’

เสียงร่ำลือแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างราวกับโยนก้อนหินลงผืนน้ำอย่างรวดเร็วเรื่องฮ่องเต้ทรงกริ้ว[ ราชาศัพท์ โกรธ]เซวียนจางหย่งเป็นอย่างมาก ทั้งที่เขาเป็นผู้ล้ำเลิศทั้งด้านบู๊และบุ๋นสมกับเป็นบุตรผู้เดียวของเซวียนกั๋วกง ถึงกระนั้นเขายังไม่อาจเลี่ยงอาญาขององค์ฮ่องเต้ได้ ถึงแม้จะเป็นแค่เพียงกักบริเวณเฉพาะแค่ในจวน แต่สำหรับเซวียนจางหย่งแล้วพระอัยการู้เป็นอย่างดีว่าโทษเพียงเท่านั้นก็สร้างความอึดอัดใจให้กับม้าป่าอย่างพระราชนัดดาของเขาได้ไม่น้อย

“องค์ชาย อู๋กงกงขอรับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับแสดงการอนุญาตใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

“องค์ชาย” ชายอาวุโสผ่านประตูเข้ามาหลังจากที่ถูกเปิดออกกว้างเขาค้อมตัวคำนับก่อนที่จะรับกระดาษแผ่นกว้างจากมหาดเล็กมาไว้ในมือ ครั้นก็คลี่กางออกต่อหน้าคนที่กำลังตั้งใจฟังความอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

“เซวียนจางหย่งรับราชโองการ”เด็กหนุ่มคุกเข่าลงต่อหน้ากระดาษผืนกว้างในมือของชายอาวุโส

“พระราชานุญาตให้เซวียนจางหย่ง แต่งขบวนทัพออกสมทบกำลังกับทางชายแดนเหนือ มีผลตั้งแต่ยามนี้เป็นต้นไป”

“เป็นพระกรุณาอย่างยิ่ง” เด็กหนุ่มก้มลงคำนับราชโองการในมืออู๋กงกงจดหน้าผากลงกับพื้นอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมด้วยสีหน้าเปี่ยมความยินดี ในที่สุดการรอคอยของเขาก็เป็นผล ม้าป่าเปี่ยมไปพลังเช่นเขาไม่อาจจะถูกกักอยู่ในคอก ข้อนี้พระอัยกาของเขาตระหนักรู้เป็นอย่างดี

เซวียนจางหย่งเร่งตระเตรียมแต่งทัพของตนด้วยตั้งใจจะเคลื่อนขบวนทัพให้เร็วที่สุด

“ฮ่องเต้เสด็จ” เสียงขานที่เขาไม่ได้ยินมาแรมเดือน ดังขึ้นทันทีที่ประตูจวนเปิดออก

“เจ้าไม่มีใจที่จะไปลาข้ากับไทเฮาก่อนจะออกทัพเลยหรือ” ยังไม่ทันที่เซวียนจางหย่งจะเดินออกไปรับเสด็จ ฮ่องเต้ก็พระราชดำเนินเข้ามาในจวนถึงตัวเขาเสียก่อน พลันก็ตรัสด้วยน้ำเสียงอบอุ่นตัดพ้อการกระทำของเขาในทันที

“พระอาญามิพ้นเกล้าฝ่าบาท กระหม่อมคาดว่าจะทูลลาก่อนออกทัพพ่ะย่ะค่ะ” เซวียนจางหย่งกล่าวความตั้งใจจริงของตน

“เจ้าตั้งใจเช่นนั้นหรือ ข้าและไทเฮาจะรอการมาของเจ้าแล้วกันนะ” น้ำเสียงทุ้มกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนที่จะหันหลังกลับออกไปจากจวนอย่างไม่ใส่ใจในพิธีรีตองใด

ท้องฟ้ายังไม่ทันจะสาง กองทัพที่ถูกตกแต่งตระเตรียมเรียบร้อยก็ตั้งขบวนเป็นแนวแถว นายกองเซวียนจางหย่งก้มลงคำนับฮ่องเต้และไทเฮาที่เสด็จพระราชดำเนินออกส่งพร้อมหน้า

“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มคุกเข่าก้มใบหน้าลง ก่อนที่จะเงยหน้ามองพระพักตร์ของทั้งสองพระองค์ตรงหน้า

แม้สีหน้าของทั้งสองจะมีรอยยิ้มทว่าแววตาทั้งสองของคนทั้งคู่ก็เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงหาที่มีต่อเขาอย่างไม่มีเสื่อมคลาย เซวียนจางหย่งจดจำแววตาของทั้งสองได้ดี ภาพจำนั้นทำให้เขามีพลังในทุกครั้งที่กรำศึก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel