บทที่1
“เชื่อแม่เถอะมารี ตกลงแต่งงานกับท่านมาร์กีเสียเถอะ เพื่อแม่...เพื่อตัวลูกเอง”
มาดามโบมองต์กระซิบริมใบหูบุตรสาววัยสิบแปดก่อนที่จะจูงมือเข้าไปในห้องขนาดเล็กเก่าโทรมซึ่งใช้เป็นทั้งห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์เก่าโทรมหลังนี้ บนเก้าอี้นวมบุผ้าที่ครั้งหนึ่งเคยมีสีฟ้าสดใสเหมือนท้องฟ้าหน้าร้อน คือร่างของบุรุษรูปร่างผึ่งผายสูงสง่า และหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง
...นั่นน่ะหรือ...ท่านมาร์กีที่แม่พูดถึง...
มารีคิดในใจขณะลอบชำเลืองฝ่ายนั้นด้วยท่าทางเขินอาย หล่อนก้มหน้างุดเมื่อพบว่าดวงตาของบุรุษผู้นั้นจ้องตอบด้วยประกายวาววาม...ที่ทำให้หล่อนใจเต้นตึกตักเหมือนเสียงกลองลั่น เนื้อตัวร้อนรุ่มขึ้นมาราวยืนอยู่บนกองไฟ อาการประหม่าตื่นเต้นทำให้ไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างมารดากับเขาผู้นั้นแม้แต่น้อย กระทั่งมารดาสะกิดเรียกนั่นแหละ
“มารี...ว่าอย่างไร?”
“คะ?” มารีเงยหน้าสบตามารดาก่อนจะแลเลยไปยังบุรุษรูปงามที่กำลังมองมาด้วยท่าทางใจจดใจจ่อกับคำตอบของหล่อน
“แม่ถามว่าลูกตกลงใจว่าอย่างไรกับ...ท่านมาร์กี เดอ ปาปิญง?”
“ค่ะ ลูก...” เหลือบมองไปยังคนที่รอฟังด้วยท่าทางเอียงอายก่อนพยักหน้ารับ
“หมายความว่า...ตกลงใช่ไหม?”
“ค่ะ”
รีมฝีปากของบุรุษรูปงามปรากฏรอยยิ้มยินดี เขาก้าวมายืนตรงหน้ามารี หญิงสาวยื่นมือไปข้างหน้าตามธรรมเนียมก่อนจะถอนสายบัว อีกฝ่ายยื่นมือมารับพลางค้อมศีรษะลงจุมพิตบางเบาบนหลังมือเรียว มารีสะดุ้งวาบราวกับถูกถ่านร้อนนาบบนหลังมือ ชั่วจังหวะที่บุรุษรูปงามกำลังจะยืดตัวขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่มารีถอนสายบัวเสร็จ สองสายตาจึงประสานกันชั่วแวบ หากเป็นชั่วแวบที่เหมือนนิจนิรันดร์
มารีแทบลืมหายใจ แค่ถูกเขามองหล่อนก็วูบวาบไปทั้งตัวราวกับถูกจุมพิต หล่อนอายุสิบแปดแล้ว ถึงแม้จะยังเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่มารีก็รู้ว่ารสชาติของจุมพิตนั้นเป็นอย่างไร
ก่อนที่แข้งขาของหญิงสาวจะอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงทรงตัว เขาผู้นั้นก็หันไปบอกลามารดาของหล่อนก่อนจะเอ่ยถึงนัดหมายครั้งต่อไป
“ลาก่อนมาดาม ข้าจะให้คนส่งจดหมายมาแจ้งเรื่องการจัดเตรียมงานแต่งงานระหว่างบุตรสาวของมาดามกับท่านมาร์กี เดอ ปาปิญง”
พูดจบเขาก็ก้าวออกจากประตู โดยมีมารีและมารดาเดินตามไปส่ง ข้างนอกนั้นมารีเห็นรถม้าคันงามรออยู่ ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้า เขาหันมาโบกมือให้หล่อนกับมารดาอีกครั้ง ทั้งคู่ยืนมองจนรถม้าลับสายตาและเมื่ออยู่เพียงลำพัง มาดามโบมองต์ก็หันมาสวมกอดบุตรสาวด้วยความดีใจ
“แม่ดีใจที่ลูกตกลง ลูกจะได้สบายและแม่จะได้ไม่ต้องห่วงลูก”
“แม่...ผู้ชายเมื่อกี้ คือ ท่านมาร์กีเหรอคะ?” มารีถามอยากรู้เต็มเปี่ยมว่าเขาคือใคร
“โอ...ไม่ใช่” มาดามโบมองต์ยกมือทาบอก “นั่น...โอลิวิแยร์ต่างหากเล่าจ้ะ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของท่านมาร์กี แม่เองก็ไม่เคยเห็นท่านมาร์กีมาก่อนหรอกนะ คิดว่าน่าจะหล่อเหลาไม่น้อยไปกว่าโอลิวิแยร์หรอก แต่เรื่องความร่ำรวยของท่านมาร์กีนั้น ล้วนเป็นที่ร่ำลือ แม่รับรองว่าลูกจะมีความสุข ลูกของแม่จะได้แต่งตัวสวยๆ ไปงานเลี้ยงในสังคมชั้นสูงเหมือนเด็กสาวลูกผู้ดีอื่นๆ”
“แม่จ๋า...” มารีซบลงบนอกมารดา ความปรารถนาของคนเป็นแม่จะมีสิ่งใดนอกจากอยากเห็นลูกสุขสบาย
ชีวิตเมื่อยังเด็กครั้งที่บิดาซึ่งก็คือ วีกงต์ เดอ โบมองต์ ยังมีชีวิตอยู่นั้นนับว่าสุขสบายไม่น้อย แม้ว่าท่านวีกงต์ เดอ โบมองต์ จะมิได้ร่ำรวยและเป็นเพียงขุนนางชั้นผู้น้อยก็ตาม แต่เพราะมีหัวทางการค้าจึงทำให้ครอบครัวสุขสบายมีเงินทองใช้จ่ายอย่างสบาย
เมื่อได้รับเงินทองจากทางอื่น วีกงต์จึงเก็บภาษีที่ดินจากผู้คนในปกครองแต่เพียงน้อย ครั้นเขาป่วยและเสียชีวิตไปเมื่อหกปีก่อน ทุกอย่างก็พลิกผัน...เงินจากการค้าขายหดหาย มีเพียงรายได้จากภาษีเท่านั้น ถึงกระนั้นมาดาม เดอ โบมองต์ ก็ยังเก็บภาษีในอัตราเดิม ครั้นเงินทองร่อยหรอจึงนำทรัพย์สินบางส่วนออกขาย จนคฤหาสน์ทั้งหลังแทบไม่มีของมีค่าเหลือ สองแม่ลูกจึงอยู่ในฐานะที่ลำบาก ต้องใช้จ่ายแค่เพียงสิ่งที่จำเป็น
การหมั้นหมายครั้งนี้จึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งคู่ดีขึ้น และสามารถกลับไปมีหน้ามีตาในสังคมได้ดังเดิม
ใบหน้าของบุรุษหนุ่มนามโอลิวิแยร์ยังคงติดตรึงอยู่ในใจสาวน้อยมารี หล่อนได้แต่หวังหมดใจว่าท่านมาร์กี เดอ ปาปิญง ว่าที่สามีจะหล่อเหลาสักครึ่งของเขา แค่นึกถึงเรือนร่างสูงใหญ่กำยำนั้นแล้วมารีก็ใจสั่นกระทั่งสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงก๊อกคล้ายของแข็งกระทบกระจก
มารีผุดลุกขึ้นจากเตียงนอนที่ตนนอนฝันหวานอยู่แล้วตรงดิ่งไปที่หน้าต่าง มองลงไปยังความมืดมิดด้านล่างนั้น เมื่อปรับสายตาจนชินแล้วจึงเห็นเงาตะคุ่มที่ยืนชะเง้อชะแง้แลหา ใบหน้าคุ้นตาส่งยิ้มให้พร้อมกวักมือเรียกให้ลงไปหา
ฟรองซัวร์นั่นเอง!
มารียิ้มตอบหวังว่าความมืดจะอำพรางความกังวลใจของตนได้ หล่อนจะบอกเขาอย่างไรดีเรื่องการดูตัวเมื่อกลางวัน
ฟรองซัวร์เป็นหนุ่มในฝันของสาวในหมู่บ้านด้วยผมสีทองและรอยยิ้มละลายหัวใจ อีกทั้งรูปร่างสูงใหญ่และฐานะลูกชายคนโตผู้สืบทอดตระกูลคนทำชีสของหมู่บ้านยิ่งทำให้เขาเป็นที่หมายปองของหญิงสาวแทบทุกคน แต่ฟรองซัวร์กลับมาหลงรักมารี ซึ่งก็มีใจให้ชายหนุ่ม ทั้งคู่จึงคบหากันอย่างลับๆ มาได้เกือบปีแล้ว
