บทที่ 4
พันธิสาสะดุ้งเฮือกกับน้ำเสียงเย็นยะเยือก และก็ต้องขนหัวลุกชัน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง ซ้ำร้ายยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นจนร้อน ที่เป่ารินรดเส้นผมของเธออยู่ในขณะนี้ด้วย
“จะไม่หันหน้ามามองว่าที่สามีหน่อยหรือ? พันธิสา”
ฟาธิส คาลร์รา หนุ่มเลือดผสมเตอร์กิช-อังกฤษ ผู้เป็นเจ้าของวิลล่าคาลร์ราสุดหรูหราแห่งนี้ เค้นเสียงถามคนที่ยังคงยืนหันหลังให้กับเขาอยู่
“หันหน้ามาให้ว่าที่สามีจูบรับขวัญหน่อยสิ คานิม (Canim)”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าคานิม ฉันไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร” พันธิสาตวาดแว้ดทั้ๆ ยังคงยืนหันหลังให้ฟาธิสอยู่เช่นเดิม
“คานิมแปลว่า ‘ที่รัก’ ครับคนสวย อย่าห้ามซะให้ยาก ผมอยากเรียกคุณแบบนี้ และจะเรียกตลอดเวลาที่คุณอยู่กับผม”
ฟาธิสเอ่ยตอบอย่างยียวน พลางเอื้อมมือใหญ่ไปกุมเส้นผมดำขลับยาวถึงกลางหลังมากุมไว้ พร้อมกับลดใบหน้าคมเข้มลง สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเส้นผมดำขลับ ก่อนจะเลื่อนใบหน้าไปใกล้กับใบหูเล็ก จมูกโด่งเป็นสันสูดกลิ่นหอมรวยระรินจากกายสาวเข้าสู่ปอด กระซิบออกคำสั่งกับพันธิสาอีกครั้ง
“หันหน้ามามองสามีหน่อยสิ คานิม”
พันธิสาตัวแข็งทื่อกับลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารินรด และน้ำเสียงกระเส่าที่กระซิบชิดใบหูเล็กของเธอ ไม่กล้าหันไปมองใบหน้าของนายจ้างตนเอง และนาทีต่อมาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะคราวนี้ไม่ใช่แค่เพียงลมหายใจอุ่นๆ ที่แผ่ออกมากระทบกับใบหูของเธอ แต่เป็นริมฝีปากร้อนรุ่มที่กดจุมพิตลงมาบนติ่งหู
“ไอ้บ้า! ไอ้หื่นกาม!”
พันธิสาตะโกนพรุสวาทเสียงดังลั่น กำหมัดเล็กเข้ากันแน่น พอหมุนตัวหันมาทางด้านหลัง ก็ซัดเต็มรักไปบนใบหน้าหล่อเหลาของนายจ้าง
ผัวะ!
“นรก!”
ฟาธิสสบถลั่น ขบกรามไปมาเพื่อไล่อาการเจ็บปวดออกไปจากใบหน้าของตนเอง มือใหญ่คว้าหมับบนต้นแขนขาวเนียน กระชากร่างบางระหงให้ถลาเข้ามาปะทะกับอกกว้างแข็งแกร่ง
“หมัดหนักใช่ได้นี่ พันธิสา”
พันธิสาหวาดกลัวกับดวงตาคมกริบที่จ้องมองไม่กะพริบตา หายใจติดขัดเมื่อถูกรัดแน่นด้วยต้นแขนแข็งแกร่ง พยายามขัดขืนให้เป็นอิสระ แต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อฟาธิสยังคงรวบร่างบางไว้แนบแน่น
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้ากาม”
“ปล่อยแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ฟาธิสเอ่ยตอบยียวน ลดใบหน้าลงต่ำ จนริมฝีปากร้อนรุ่มเกือบสัมผัสกับเรียวปากอิ่มแดงระเรื่อ และถ้าหากพันธิสาคิดว่าเขายอมให้ชกหน้าฟรีๆ หญิงสาวก็คิดผิดซะแล้ว
“ถามจริงๆ เถอะ คานิม สาวไทยเขาทักทายว่าที่สามีด้วยการชกแบบนี้หรือ...”
“ใช่!” พันธิสาตอบเสียงห้วน ก่อนจะออกคำสั่งกับนายจ้างของตนเองบ้าง “ปล่อยฉัน...ฉันไม่ได้เป็นเมียคุณ!”
“ถ้าสาวไทยทักทายว่าที่สามีด้วยการชกเข้าเต็มรัก ผมก็จะบอกคุณว่าหนุ่มเติร์กอย่างผม จะต้อนรับว่าที่ภรรยาด้วยวิธีนี้”
ว่าแล้ว...ฟาธิสก็ฉกริมฝีปากร้อนรุ่มกระแทกจุมพิตลงไปบนเรียวปากอิ่มอย่างรวดเร็ว สร้างความตกใจให้กับคนไม่ทันระวังตัว ถึงกับสะดุ้งเฮือกอ้าปากกว้างทำท่าจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับเป็นการเปิดทางสะดวกให้ฟาธิสสอดลิ้นร้อนๆ เข้าไปชอนไชควานหาความหวานฉ่ำจากโพรงปากได้อย่างง่ายดาย
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้หื่นกาม”
พันธิสาตะโกนพรุสวาท ทว่าน้ำเสียงที่หลุดลอดออกมากลับเป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ นั่นก็เป็นเพราะว่าเรียวปากอิ่มยังคงถูกริมฝีปากร้อนผะผ่าวปิดผนึกไว้แนบแน่น
ความหวานฉ่ำ วาบหวามที่ได้รับจากเรียวปากอิ่มแดงระเรื่อ ส่งให้ฟาธิสต้องครางอยู่ในลำคอ ไม่นึกว่าเรียวปากคู่นี้จะหวานล้ำยิ่งกว่าธารน้ำทิพย์
“อืม...ไม่ผิดหวัง หวานฉ่ำกว่าที่คิดไว้...คานิม...ผมอยากจูบคุณทั้งตัว”
“ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน!”
พันธิสาแผดเสียงร้องลั่น ทั้งตกใจ ทั้งหวาดกลัวที่จู่ๆ ก็ถูกผู้ชายที่เพิ่งเห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกระดมจูบไม่ยั้ง ทว่าไม่ว่าดิ้นรนมากเพียงใด ก็ยิ่งถูกกอดรัดไว้มากเท่านั้น
“เริ่มทำงานของคุณเลยดีไหม พันธิสา ผมอยากให้คุณทำหน้าที่เมียให้กับผมใจจะขาดแล้ว”
ฟาธิสผละริมฝีปากออกเพียงเล็กน้อย กระซิบเสียงแหบพร่าชิดกับเรียวปากอิ่ม แค่เพียงได้จูบพันธิสา เลือดในกายของเขาก็เดือดพล่าน เรือนกายที่หลับใหลมาช้านานกลับตื่นเพริดแข็งขึงชูชันอยู่ภายใต้กางเกง ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ปล่อย! ไอ้กักขฬะ ฉันไม่ได้มาทำงานเป็นเมียคุณ ได้ยินไหม ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย! ช่วยด้วย!”
พันธิสาแผดเสียงตะโกนลั่นจนแสบลำคอไปหมด แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีใครโผล่หน้ามาช่วยเธอแม้แต่คนเดียว
“ตะโกนขอความช่วยเหลือไปก็เหนื่อยเปล่า ไม่มีใครขึ้นมาบนเขาลูกนี้ได้ ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตจากผม”
ฟาธิสเอ่ยบอกอย่างผู้ถือชัยเหนือกว่า และก็เห็นจะเป็นจริงดั่งที่เจ้าของวิลล่าสุดหรูหราเอ่ยออกมา เพราะทั่วทั้งบริเวณมีแค่เธอกับฟาธิสเท่านั้น ส่วนอาลีเดินหนีไปตั้งแต่นาทีแรกที่เจ้านายตนเองเริ่มปะทะคารมกับหญิงสาวแล้ว
พันธิสาหน้าถอดสีซีด รู้ว่าตนเองไม่มีทางหนีรอดไปจากกรงเล็บของฟาธิสได้แน่นอน จึงแสร้งตีหน้าละห้อย เอ่ยตะล่อมเผื่อว่าจะได้รับความเห็นใจจากอีกฝ่าย
“ปล่อยฉันไปนะคุณฟาธิส...ฉันขอกลับประเทศไทย คุณไม่จำเป็นออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ฉันอีก ฉันจ่ายเงินซื้อตั๋วเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่!”
ฟาธิสปฏิเสธสั้นๆ ทว่าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น สร้างความโกรธเคืองให้กับพันธิสาเป็นอย่างมาก
“ฉันต้องการกลับประเทศไทย ปล่อยฉันนะไอ้คนหื่นกาม!”
พันธิสาไม่รู้ว่าตนเองมีเรี่ยวแรงมาจากไหน ถึงได้ตะเบ่งเสียงตะโกนใส่ฟาธิสดังลั่น แต่...มีหรือที่ฟาธิสจะเชื่อฟังคำสั่งของพันธิสา
“ไม่ปล่อย!”
เจ้าของนัยน์ตาคมกริบเค้นเสียงตอบกลับในทันที ต้นแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดร่างบางระหงไว้แนบแน่น ยิ่งได้กลิ่นกายสาวหอมรวยระริน ยิ่งอยากชวนว่าที่ภรรยาเข้าห้องหอซะเดี๋ยวนี้
พันธิสากัดฟันดังกรอดๆ เมื่อขอร้องดีๆ ไม่ได้รับความเห็นใจจากเจ้าของวิลล่าสุดหรูหรา ก็ต้องใช้วิธีรุนแรงกันบ้าง ดวงตากลมโตดำขลับจ้องมองสบตากับดวงตาคมกริบเขม็ง นาทีต่อมาก็ยกเท้าเล็กกระทืบไปบนเท้าใหญ่เต็มแรง!
“ขอร้องดีๆ ไม่ยอมเชื่อฟังใช่ไหม นี่แนะ! ต้องโดนแบบนี้”
“โอ๊ย! พันธิสา!”
ฟาธิสตะโกนร้องลั่น เมื่อถูกกระทืบมาบนเท้าเต็มรัก จนต้องขบกรามแน่นเพื่อระงับความเจ็บปวด
พันธิสาไม่ได้รอดูผลงานของตนเอง พอฟาธิสสบถลั่น คลายต้นแขนแข็งแกร่งจากตัวของเธอ ก็ยกมือผลักอีกฝ่าย พร้อมกับวิ่งหน้าตั้ง เพื่อหนีเอาตัวรอดให้พ้นจากเงื้อมมือของฟาธิส
“กลับมานี่เลยยายตัวแสบ!”
ฟาธิสกัดฟันกรอด ตะโกนตามหลังคนที่กำลังวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต เห็นว่าตัวเล็กเพียงแค่นี้แต่แสบเข้าไส้ ทั้งชก ทั้งกระทืบเท้าของเขา เห็นทีว่าจะต้องกำราบนางเสือป่าให้เชื่องไม่ต่างลูกแมวซะแล้ว
“เชื่อก็โง่แล้ว”
พันธิสาตะโกนตอบกลับทั้งๆ กำลังวิ่งหนีไปตามถนนซึ่งเป็นเนินเขาค่อนข้างลาดชัน และด้วยรู้ว่าฟาธิสกำลังวิ่งไล่ตามเธออยู่ จึงไม่หันไปมองให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว
“พันธิสา! คิดหรือว่าจะหนีพ้น”
“พ้นไม่พ้นก็จะหนี ได้ยินไหม ไอ้หื่นกาม!”
“จับได้เมื่อไรละน่าดู” ฟาธิสกัดฟันดังกรอดๆ ตะโกนขู่ฟ่อขณะเล่นเกมวิ่งไล่จับกับพันธิสา
“จ้างให้ก็จับไม่ได้หรอก”
พันธิสาตะโกนตอบกลับ กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจว่าตนเองเป็นถึงอดีตแชมป์วิ่งร้อยเมตร ยังไงๆ คนตัวใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นอย่างฟาธิสไม่ทางไล่เธอทันแน่