บทที่ 3
อาลีเหลือบสายตามองพันธิสาผ่านกระจกมองหลัง ก็คลี่ยิ้มกว้างกับท่าทีตื่นเต้นของหญิงสาว ซึ่งขยับกายไปนั่งชิดกับประตูรถ เพื่อทอดสายตามองความงดงามของมัสยิดที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดๆ
และด้วยอยากให้หญิงสาวได้เห็นความงดงาม ความยิ่งใหญ่ของมัสยิดแห่งนี้ อาลีจึงชะลอความเร็วของรถลง เพื่อให้พันธิสาได้มองเห็นมัสยิดนานขึ้น พร้อมกับเอ่ยบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจกับอารยะธรรมของประเทศตนเอง
“มัสยิดที่มาดามเห็นเรียกว่า มัสยิดสุลต่านอาเหม็ดครับ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังอิสตันบูล ต้องมาชื่นชมความงดงามของมัสยิดแห่งนี้ให้ได้ครับ”
“สวย...และดูยิ่งใหญ่มีมนต์ขลังมากเลยนะอาลี”
พันธิสายังคงทอดสายตามองมัสยิดสุลต่านอาเหม็ดไม่กะพริบตา บอกตัวเองว่าจะขอลางานเจ้านายคนใหม่สักวัน เพื่อมาเที่ยวชมซึมซับอารยะธรรมของเมืองอิสตันบลูให้ได้
“ใช่แล้วครับ มาดาม มัสยิดแห่งนี้ยิ่งใหญ่และมีมนต์ขลัง ด้านในมัสยิดงดงามมากๆ กระทั่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนต่างก็พูดเป็นประโยคเดียวกันว่าจะต้องมาเที่ยวอิสตันบูลเป็นครั้งที่สองให้ได้”
อาลีเอ่ยบอกพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง มั่นใจเกินร้อยว่าพันธิสาจะต้องหลงรักบ้านเมืองของเขาอย่างแน่นอน
“ฟังอาลีพูดแล้วทำให้ฉันอยากเข้าไปชมมัสยิดบ้าง” พันธิสาอยากทำเช่นดั่งที่พูดบอกไป แต่ไม่แน่ใจว่าเจ้านายของเธอจะให้ลางานหรือเปล่า
ทางด้านของอาลี พอได้ยินพันธิสาพูดเช่นนั้นก็รีบเอ่ยบอกในทันที
“มาดามมากับเจ้านายดีไหมครับ อิสตันบูลมีสถานที่สวยงาม มีมัสยิดอีกนับสิบๆ แห่งให้มาดามไปชื่นชม ผมคิดว่ามาดามกับเจ้านายไม่ต้องไปฮันนีมูนไกลหรอกครับ ฮันนีมูนแค่ในอิสตันบูลก็สุดแสนจะโรแมนติคแล้วครับ”
“อะไรน่ะ! ฮันนีมูน?”
พันธิสาตะโกนถามเสียงหลง ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ยิ่งฟังอาลีพูด ความสงสัยที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าที่เป็นอยู่
“อาลี คุณหมายถึงอะไร ใครจะมาฮันนีมูนกับใคร”
“มาดามกับเจ้านายยังไงล่ะครับ” อาลีเอ่ยตอบ พร้อมกับพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“มาดามกับเจ้านายมาฮันนีมูน แล้วก็มีเจ้านายน้อยน่ารักๆ ให้ผมเลี้ยงอีกสักสี่ห้าคน คราวนี้วิลล่าคาลร์ราก็จะไม่เงียบเหงาอีกต่อ
ไปแล้ว”
“เฮ้ย! อาลี! บ้าไปกันใหญ่แล้ว”
พันธิสาร้องเสียงดังลั่น เริ่มนั่งไม่ติดเบาะรถ ชัดเจนแล้วว่าต้องมีการสื่อสารกันผิดอย่างแน่ๆ
“อาลี ฉันไม่ได้มาเป็นเมีย...”
พันธิสาไม่ทันพูดจบประโยค ก็ถูกอาลีเอ่ยขัดเสียก่อน
“มาดามครับ ถึงวิลล่าคาลร์ราแล้วครับ”
อาลีดับเครื่องยนต์ เมื่อเคลื่อนรถขึ้นตามเนินเขา มาจอดอยู่ด้านหน้าวิลล่าหลังใหญ่โตโอ่อ่า
พันธิสาหันไปมองตามที่อาลีเอ่ยบอก แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ หรือที่อาลีเรียกว่าวิลล่าคาลร์ราเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“อาลี! ฉันต้องมาทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่หรือคะ”
“ไม่ใช่ครับ”
อาลีส่ายหน้าปฏิเสธ สร้างเครื่องหมายคำถามให้เกิดขึ้นเต็มใบหน้างามลออของพันธิสาในทันที จากนั้นก็เอ่ยแก้ไขคำพูดของหญิงสาวว่า
“มาดามไม่ได้มาเป็นแม่บ้านที่วิลล่าคาลร์รา แต่มาดามต้องมาเป็นมาดามอยู่ที่นี่ตลอดไปครับ”
“โอ๊ย! ยิ่งพูดยิ่งปวดหัว”
พันธิสาบ่นอุบ พลางกวาดสายตามองรอบๆ ตัว ชื่นชมกับความใหญ่โตโอ่อ่าของวิลล่าแห่งนี้ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าวิลล่าแห่งนี้สร้างอยู่บนเนินเขาลูกใหญ่
แน่นอนว่าบริเวณเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ คงมีเจ้านายคนใหม่ของเธอเป็นเจ้าของแค่เพียงคนเดียว
พันธิสาหมุนตัวหันไปมองอาลี ซึ่งกำลังยกกระเป๋าเดินทางของเธอออกจากหลังรถยนต์ จากนั้นก็เอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองกับอาลี
“อาลี ฉันเปลี่ยนใจไม่ทำงานที่นี่แล้ว คุณพาฉันไปส่งที่สนามบินได้ไหมคะ”
อาลีถึงกับหันมามองคนเอ่ยขอร้องในทันที และเมื่อมองผ่านไหล่เล็กไป ก็เห็นเจ้านายหนุ่มกำลังก้าวเท้าช้าๆ ด้วยท่วงท่าองอาจมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังพันธิสาไม่ไกลสักเท่าไรนัก ก็ทำท่าจะเอ่ยบอกพันธิสาให้หันไปมองทางด้าน
หลังของเธอ แต่พอถูกเจ้านายหนุ่มส่งสัญญาณไม่ให้ปริปากบอก จึงนิ่งเงียบเอ่ยตอบหญิงสาวต่อ
“คงไม่ได้หรอกครับมาดาม ถ้าผมไปส่งมาดามที่สนามบิน เจ้านายต้องทำโทษผมแน่ๆ ครับ”
“แต่ฉันไม่อยากทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่แล้ว ได้โปรดเถอะ อาลี ไปส่งฉันที่สนามบินนะคะ”
พันธิสาอ้อนวอนต่อ บอกตัวเองไม่ถูกว่าทำไมแค่เพียงเห็นวิลล่าแห่งนี้ก็เกิดอาการใจสั่น หวาดกลัวจนร้องขอกลับประเทศไทยไม่ต่างจากคนปอดแหก!
อาลียกกระเป๋าเดินทางของพันธิสาออกจากรถทั้งสองใบ พร้อมกันนั้นได้ส่ายหน้าปฏิเสธความต้องการของหญิงสาว
“ไม่ได้หรอกครับ ยังไงๆ ผมก็ไปส่งมาดามกลับประเทศไทยไม่ได้ เจ้านายคงไม่พอใจแน่ หากผมไปส่งมาดามที่สนามบิน”
“ทำไมจะต้องไม่พอใจด้วย ฉันมาเป็นแม่บ้านให้กับเขาก็เท่านั้นเอง และตอนนี้ฉันขอยกเลิกสัญญาว่าจ้างก่อนกำหนด ให้เขาหาแม่บ้านคนใหม่มาแทนฉันนะคะ”
พันธิสาทั้งให้เหตุผลทั้งวิงวอนขอร้องอาลี แถมยังแสร้งทำตาปริบๆ ใส่ให้อาลีเห็นใจ เผื่อว่าอีกฝ่ายจะใจอ่อนยอมไปส่งเธอที่สนามบิน
ถูกพันธิสาอ้อนวอนหลายครั้ง ทำให้อาลีไม่อยากพูดกับพันธิสาต่อ ด้วยเกรงว่าตนเองจะเผลอใจอ่อนยอมทำตามคำขอร้องของหญิงสาว จึงรีบตัดบทการสนทนาให้พันธิสาเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มของตนเองแทน
“มาดามคุยกับเจ้านายเองดีกว่านะครับ เพราะผมไม่มีอำนาจในการตัดสินใจทั้งนั้น”
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะบอกเขาเองก็ได้ว่าฉันขอยกเลิกสัญญาจ้างงาน ว่าแต่เจ้านายของอาลีชื่ออะไรนะคะ ฉันจำชื่อเขาไม่ได้ค่ะ”
พันธิสาเอ่ยถามตามความเป็นจริง หญิงสาวไม่ปฏิเสธ ว่าลืมชื่อของนายจ้างผู้นี้แล้ว
คำพูดของพันธิสา ทำเอาอาลีต้องยิ้มแห้งๆ พูดไม่ออกไปหลายนาที และไม่ใช่แค่เพียงอาลีเท่านั้น ที่ต้องนิ่งขึงเพราะคำพูดของสาวสวยผู้นี้ นายจ้างคนใหม่ของพันธิสา ซึ่งยืนฟังอยู่นานแล้ว ถึงกับสำลักน้ำลาย ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ดวงตาสีดำสนิทคมกริบดั่งดวงตาของพญาเหยี่ยวไหววาบด้วยความโกรธจัด น้ำเสียงที่เค้นตอบออกมาจึงเย็นยะเยือกตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของในยามนี้
“ฟาธิส คาลร์รา คือชื่อของสามีคุณ...พันธิสา!”