บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน (2)

คิดทบทวนอยู่นานก็วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของผู้ชายทั้งสองคนออกมาในสมองเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาฉงนคู่หนึ่งของเด็กชายตัวน้อย ที่ดูเหมือนเขาจะเป็นเด็กดีทีเดียว

คนแรกคือสามีที่นอนอยู่ในห้องข้าง ๆ ตอนนี้ เขามีอาชีพเป็นทหารถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่มียศใหญ่โตแต่ก็มีความมั่นคงในอาชีพการงานมาก เป็นที่พึ่งพาได้แถมยังได้รับเงินชดเชยในช่วงเวลาบาดเจ็บเอามาเก็บไว้เป็นทุนตั้งตัวได้อีก

ส่วนถังฟงอวิ๋นนั้นถึงแม้ว่าเขาจะรักเธอมาก แต่ก็มีเผลอใจว่อกแว่กจนเกิดมีลูกนอกสมรส แม้จะพากลับมาเลี้ยงด้วยกันในภายหลัง แต่ลูกนอกสมรสก็ยังทำให้ลูกแท้ ๆ อย่างหลี่หยวนชิงกลายเป็นตัวร้ายรุ่นที่สองต่อไปอีกตามท้องเรื่องนิยายที่ต่อมาซีรีส์ก็ถูกสร้างขึ้นเป็นภาคสอง

เมื่อพิจารณาดูแล้วว่าถังฟงอวิ๋นคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี เขาใจโลเลแม้จะรักนางเอกแต่ก็ยังมีลูกกับคนอื่น ถ้าหากปล่อยให้เป็นไปตามที่เนื้อเรื่องเดิมจะต้องแย่แน่ ๆ และเธอก็ไม่อยากได้ชื่อว่าหนีตามชู้รักอะไรแบบนั้นด้วย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเดิมหลังจากที่เธอหนีไปก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามีแต่เรื่องแย่ ๆ ครอบครัวถูกวิจารณ์เสียชื่อเสียง น้องสาวได้แต่งงานไม่ดีนัก

จางอี้ถิงจึงตัดสินใจใหม่อย่างแน่วแน่ เมื่อมั่นใจแล้ว ก็เอ่ยตอบลูกชายไปว่า... “แม่ไม่ไปแล้ว อยู่ที่นี่แหละ”

หลี่หยวนชิงดีใจมากที่แม่บอกว่าจะไม่ไปแล้ว เขาวิ่งเข้าไปกอดขาผู้เป็นแม่แล้วน้ำตาไหลพรากออกมาโดยที่ลืมไปแล้วว่าบิดาสอนเสมอว่าน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งง่าย ๆ ไม่ได้

“ร้องไห้ทำไม ไม่ต้องร้องแล้ว” จางอี้ถิงพูดพร้อมลูบหัวเด็กชายตัวน้อยเบา ๆ หากนี่เป็นการทะลุมิติเพื่อมาเจอเนื้อคู่ตามคำทำนายจริง ๆ เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป และเด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเธอ ต่อไปก็ต้องดีกับเขาให้มาก เท่าที่จำเนื้อเรื่องในนิยายได้ แม่อย่างจางรั่วอิงคนนี้ แม้จะเป็นนางเอกของเรื่องแต่ก็ไม่ได้ดีกับลูกชายเลย เพราะเขาไม่ได้เกิดจากความรัก เขาเกิดจากความผิดพลาดบางอย่าง!

“ถ้าอย่างนั้นเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋านะครับ” หลี่หยวนชิงพูดขึ้น มือขวาน้อย ๆ เอื้อมไปคว้าเอากระเป๋าผ้าใบใหญ่มาแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างทุลักทุเล

เด็กชายตัวน้อยเดินไปลากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งเมื่อสักครู่มาที่หน้าตู้เสื้อผ้า เป็นเพราะตัวเองยังเล็กความสูงไม่ถึงระดับของราวแขวนผ้าในตู้ เขาจึงปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ จากนั้นก็เอาไม่แขวนลงมาแขวนเสื้อผ้าของแม่ใส่คืนในตู้เสื้อผ้าทีละตัว ๆ ดูไปแล้วก็น่าเอ็นดูไม่น้อย

“เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำเอง ลูกมานอนเถอะนี่ก็ดึกแล้ว” จางอี้ถิงในร่างของจางรั่วอิงพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกชายช่างรู้ความ แต่เพราะตอนนี้ดึกมากแล้วเขาควรจะนอนมากกว่า มีอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้

พอหลี่หยวนชิงได้ยินแม่พูดด้วยน้ำเสียงใจดีแตกต่างจากทุกวัน เขาจึงวางไม้แขวนเสื้อกับเสื้อในมือลงแล้วเดินกลับมาที่ข้างเตียง ซุกตัวในผ้าห่มที่ปูอยู่ที่พื้นแล้วหลับตาลงอย่างสบายใจ

จางอี้ถิงนึกขึ้นได้ถึงความใจร้ายที่จางรั่วอิงมีต่อลูกชาย นี่แสดงว่าเธอไม่ยอมให้ลูกนอนบนเตียงด้วยแต่ให้เขาปูผ้านอนเองกับพื้นแน่ ๆ จึงเดินไปอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นไปนอนที่เตียง พร้อมกับห่มผ้าผืนหนาให้ สร้างความงงงวยให้กับเด็กชายไม่น้อย แต่เพราะความง่วงจึงได้ผล็อยหลับไปทั้ง ๆ ที่ปากก็อยากเอ่ยถาม

หลี่ลู่เสียนสามีของจางรั่วอิงนอนอยู่ที่ห้องด้านหน้า เขาบาดเจ็บจากการภารกิจลับของกองทัพจึงถูกส่งกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านพร้อมเงินชดเชยก้อนหนึ่ง ที่จริงเป็นแค่การกลับมาชั่วคราวเท่านั้น แต่เขากลับบอกคนอื่นว่าปลดประจำการแล้ว เพราะว่าอยากอยู่บ้านกับลูกและภรรยา

เขาคิดจะชวนเธอเปิดกิจการเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปลดล็อกเสรีการค้าแล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวกับครอบครัวโดยที่ไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายที่ค่ายทหารอีก

ชายหนุ่มได้เงินชดเชยมาจำนวนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่มากนักหากรวมกับเงินเดือนที่เก็บออมไว้ก็น่าจะเปิดกิจการเล็ก ๆ อะไรสักอย่างได้ เช่นเปิดร้านอาหาร ทำเต้าหู้หรือไม่ก็เปิดร้านผักดอง ถ้ากิจการไปได้ดีมีเงินเพิ่มมากขึ้นก็ค่อยขยายกิจการเพิ่ม คิดว่าพอหายดีแล้วเขาจะคุยเรื่องนี้กับภรรยา

ถึงแม้ว่าข้างนอกจะมีลมหนาวพัดมาอย่างเบา ๆ อยู่เป็นระยะ ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรคนในบ้านได้ เนื่องจากบ้านมีประตูหน้าต่างปิดมิดชิดลมหนาวแทบจะผ่านเข้ามาไม่ได้เลย และยังมีเตียงเตาอุ่น ๆ ไว้ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวจึงนอนหลับสบายอย่างยิ่ง

จางอี้ถิงที่อยู่ในร่างของจางรั่วอิงตอนนี้รู้สึกเหนื่อยและเพลียมากจากการระดมสมองคิดทบทวนเรื่องราวประหลาดที่พบเจอ เลยคิดว่าจะนอนพักเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิตใหม่นี้

ตอนนี้คิดไปก็ปวดหัวแถมท้องก็ยังร้องอีกต่างหาก หิวขนาดนี้คิดอะไรไม่ออกหรอก ว่าแล้วจางอี้ถิงก็ซุกเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับหลี่หยวนชิงแล้วหลับไปพร้อมกับความหิว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel