บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เนื้อคู่ (2)

จางอี้ถิงฟังแล้วก็ได้แต่งงคิดว่าอะไรกัน ทำนายแบบนี้ก็ได้หรือ ถ้าหากว่าเนื้อคู่ของเธอยังไม่เกิดจริง ๆ ตอนนี้เธออายุจะสามสิบแล้ว หากว่าเขาเกิดมาตอนนี้ก็จะอายุไม่ถึงหนึ่งขวบจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในใจก็เลยไม่เชื่อคำพูดของแม่หมอสักเท่าไร

ทั้งสองออกจากร้านหมอดูมาสักพัก เสี่ยวเพ่ยก็พยายามพูดถึงเรื่องดวงของตัวเอง บอกว่าหมอดูทำนายแม่นอย่างนั้นอย่างนี้ ของจางอี้ถิงก็เหมือนกัน น่าสงสัยว่าเนื้อคู่ของจางอี้ถิงจะยังไม่เกิดจริง ๆ ถึงได้โสดจนถึงทุกวันนี้

จางอี้ถิงได้แต่คิดในใจว่าแล้วจะให้เขาเกิดตอนไหนล่ะ อย่างนั้นเธอจะมีเนื้อคู่เป็นเด็กในท้องของแม่คนไหนตอนนี้หรือเปล่า ยิ่งพูดก็ยิ่งคิดว่าไร้สาระ

“จางอี้ถิง พวกเราไปวัดกันต่อไหม ไปไหว้พระขอพรขอความเป็นสิริมงคลกัน” เสี่ยวเพ่ยเอ่ยชวนพร้อมกับมองหน้าเพื่อนสาวอย่างจริงจัง ความจริงแล้วเสี่ยวเพ่ยไม่ได้อยากไปไหว้พระขอพรเท่านั้น ทว่าเธออยากได้เครื่องรางของวัดนั้นต่างหาก

“อืม” จางอี้ถิงตอบสั้น ๆ ทำไมเธอถึงจะไม่รู้ล่ะว่าเพื่อนสาวตุ้ยนุ้ยของตัวเองคิดอะไรอยู่ คงเพราะไม่สบายใจเรื่องที่แม่หมอทัก ทั้งเรื่องงานและเรื่องสุขภาพ คงอยากได้เครื่องรางติดตัวไว้ให้อุ่นใจแน่ ๆ

พวกเขานั่งรถไฟฟ้าไปต่ออีกสามสถานีก็ถึงวัดแห่งหนึ่ง วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ผู้คนต่างก็มากราบไหว้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องธุรกิจให้เฟื่องฟูรุ่งเรือง รองลงมาก็เป็นเรื่องของหน้าที่การงาน ส่วนเรื่องของความรักก็มีบ้าง

จางอี้ถิงจุดธูปขอพร เธอขอให้ธุรกิจของเธอรุ่งเรืองเช่นกัน ในใจไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักหรอกแต่ว่าลองขอดูหน่อยก็คงจะดี ดังนั้นจึงได้ขอพรเรื่องความรักว่าขอให้ตัวเองได้พบกับเนื้อคู่ในเร็ววัน

จางอี้ถิงลองเสี่ยงเซียมซีดูเมื่อได้หมายเลขแล้วก็ไปดูคำทำนายอีกด้านหนึ่ง คำทำนายบอกว่าทุกอย่างในชีวิตของเธอจะราบรื่นดี หากถามถึงเรื่องเนื้อคู่แล้วยังไม่เกิด หญิงสาวจึงเอะใจว่าทำไมถึงเหมือนกับคำทำนายของแม่หมอจังก็เลย เธอไปเสี่ยงไม้โยนดูว่าจริงหรือไม่จริงอีกครั้ง ผลออกมาว่าจริงคงต้องทำใจยอมรับแล้ว

“ไปกันเถอะ ฉันหิวข้าวแล้ว” จางอี้ถิงตะโกนบอกเสี่ยวเพ่ยที่กำลังเลือกเครื่องรางอยู่ว่าจะเอาอันไหนดี ก็ใช่นั่นแหละ เครื่องรางมีเยอะจนเลือกไม่ถูกทั้งสรรพคุณ สี และรูปแบบ หากไม่มีคนคอยแนะนำมีหวังคงได้เหมาไปทุกแบบ

“แป๊บนึงสิ เธอมาช่วยฉันเลือกก่อน” เสี่ยวเพ่ยกวักมือเรียก เพราะเลือกไม่ถูกจริง ๆ คงได้แต่พึ่งเพื่อนที่มาด้วยกัน

“อันไหนก็เหมือนกันนั่นและ ไม่ได้ส่งผลอะไรหรอกก็แค่เชื่อไปตามนั้น ใจเชื่ออะไร ๆ ก็ดีหมด” จางอี้ถิงพูดขึ้นสบาย ๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนขมวดคิ้วนิ่วหน้าตัดสินใจไม่ได้เสียที ส่วนลุงคนที่ขายเครื่องรางถึงกับทำตาเขียวใส่

หลังจากที่ยืนจิ้มไปจิ้มมาอยู่นานเสี่ยวเพ่ยก็เลือกเครื่องรางแบบผูกข้อมือมาได้สองเส้น ของเธอเป็นเครื่องรางที่ช่วยหนุนดวงในเรื่องของการงาน ส่วนอีกเส้นเป็นสีแดงเธอยื่นให้กับจางอี้ถิง

“อะไร” จางอี้ถิงถามหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้จึงไม่คิดจะซื้อให้เสียเงิน และไม่อยากให้เพื่อนเสียเงินด้วย แม้ว่าจะไม่ได้แพงอะไรมาก แต่ก็ไม่อยากให้เปลืองเงิน

“เครื่องรางไง อันนี้หนุนดวงเรื่องเนื้อคู่ เนื้อคู่จะได้มาเกิดเร็ว ๆ”

จางอี้ถิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะรับมาอย่างไม่เต็มใจนัก เธอกำลังจะยัดมันลงในกระเป๋าโดยที่ไม่ดูเลยสักนิดว่าเป็นอะไร

“นี่...เดี๋ยว ๆ ๆ เค้าให้ผูกไว้ที่ข้อมือ ไม่ใช่เก็บไว้ในกระเป๋า” เสี่ยวเพ่ยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เธอทำท่าทางหัวเสียเล็กน้อยที่เพื่อนสาวไม่รู้จักเชื่ออะไรเลย

“ต้องใส่เลยเหรอ ยังไม่ใส่หรอกเอาไว้ในกระเป๋าก็เหมือนกันนั่นแหละ” จางอี้ถิงพูดอย่างรำคาญ อาจจะเพราะอากาศเริ่มร้อนแล้วด้วย เลยพาลไม่อยากต่อปากต่อคำกับเพื่อนอีก

“ไม่ได้ ต้องใส่ไม่อย่างนั้นการขอพรจะไม่สัมฤทธิ์ผลนะ” เสี่ยวเพ่ยหยิบเครื่องรางมาแล้วคล้องใส่ข้อมือของจางอี้ถิงโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำหน้างอง้ำขนาดไหน

“โอเค แล้วจะไปได้หรือยัง ฉันหิวแล้ว” ในที่สุดจางอี้ถิงก็พูดขึ้น ทั้งร้อนทั้งหิวจนอยากจะกินหัวเพื่อนอยู่แล้ว

“ไปได้ ว่าแต่พวกเราจะกินอะไรกันดีล่ะ” เสี่ยวเพ่ยถามขึ้น แม้ว่าย่านนี้จะมีร้านค้าแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านเครื่องรางของวัด และมีร้านน้ำดื่มเล็ก ๆ อยู่ประปราย ไม่มีร้านอาหารอะไรเลย

จางอี้ถิงเดินออกมาก่อนโดยที่ไม่รอเสี่ยวเพ่ย เพราะอีกฝ่ายกำลังซื้อน้ำดื่มที่เครื่องกดอัตโนมัติอยู่

เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นอีเมลล์ตอบกลับจากบริษัทผลิตสินค้านั่นเอง เธอจึงเปิดอีเมลล์ออกอ่านในขณะที่ขาก็เดินไปด้วยโดยไม่ได้มองทางอย่างระมัดระวัง พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางถนนแล้ว

เสียงล้อรถเบรกดัง ‘เอี๊ยด’ ก่อนที่จะมีเสียงโลหะกระแทกเข้ากับร่างคน ร่างของจางอี้ถิงลอยกระเด็นจากกลางถนนกลับมาที่หน้าวัด ท่ามกลางความแตกตื่นและเสียงกรีดร้องของผู้คน

เธอเห็นเสี่ยวเพ่ยยืนตกตะลึงใบหน้าซีดอยู่ไม่ไกล พยายามจะเอ่ยคำพูดออกมาแต่กลับไร้เรี่ยวแรงเปล่งเสียงใดๆ ความเจ็บปวดถึงขีดสุดแล่นจากศีรษะด้านซ้ายที่กระแทกกับพื้นเมื่อสักครู่กระจายไปจากบนลงล่าง จากความเจ็บกลายเป็นชาจนไร้ซึ่งความรู้สึกใด สุดท้ายสติก็ดับวูบไปมีแต่ความมืดมิดเข้ามาแทน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel