บทที่2...สวมรอยพลอยโจนรัก...
คฤหาสน์หลังใหญ่ทาสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ชานกรุงล้อมรอบด้วยรั้วก่ออิฐสีแดงสูงสามเมตรมีเหล็กดัดปลายแหลมสูงเท่ากันป้องกันหัวขโมยที่มีมากขึ้นทุกวันเป็นอย่างดี แต่ก็มีผลเสียกับคนอยู่ภายในด้วยเช่นกัน เพราะไม่สามารถปีนป่ายหลบหนีออกจากรั้วสูงที่มีกรงเหล็กแหลมยาวต่อจากรั้วซีเมนต์ได้เช่นกัน
“จอดหน้าประตูรั้วบ้านหลังนั้นละ”
หญิงสาวบอกแท็กซี่ส่วนบุคคลสีเขียวเหลืองให้หยุดจอดหน้าประตูรั้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่าเจ้าของบ้านต้องสั่งทำมาเป็นพิเศษที่สวยงามทั้งลวดลายและแข็งแรงด้วยเหล็กหนายากต่อการเปิดด้วยการเข็นหรือเลื่อนจากแรงกำลังคน
ผู้ก้าวลงจากรถเดินตรงไปกดกริ่งตรงช่องประตูเล็กสำหรับคนเข้าออกและยืนรอ ครู่หนึ่งมีหญิงกลางคนร่างท้วมขาวแต่งกายด้วยกระโปรงยาวสีเขียวเข้มคาดผ้ากันเปื้อนเพ้นท์ลายนกยูงสวมมงกุฎตรงหน้าอกเดินออกจากคฤหาสน์กับเด็กสาวตัวโตมาไขกุญแจเปิดประตูและเชื้อเชิญเข้าข้างใน
“เอาไปเก็บไว้ห้องรับรองแขกบนชั้นสองที่ทำความสะอาดไว้วานนี้นะ” นางบอกเด็กสาวแล้วเดินนำเข้ามาในตัวบ้านผ่านโถงกว้างมาที่หมู่โซฟาสีอิฐวางบนพรหมสีสดลายเรขาคณิต
“ดิฉันชื่อ นาฏยา เป็นแม่บ้านของที่นี่ จะเรียกว่า คุณแม่บ้าน เหมือนคนอื่นๆก็ได้ค่ะ” นางแนะนำตัวขณะวางแก้วน้ำตรงหน้าแขก
“ขอบคุณค่ะ”
“รอสักครู่นะคะ” นางนาฎยาบอกก่อนเดินจากไป
เอมอุมาถอดแว่นกันแดดออกจากดวงตาที่ตกแต่งด้วยอายไลเนอร์กับดินสอสีเข้มวาดขอบตา รองพื้นกับแป้งฝุ่นเนียนหนาช่วยอำพรางความอ่อนเยาว์ที่ผู้พบเห็นยากจะเดาอายุจริง การปลอมตัวเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งของเอมอุมามีเหตุผลจากความจำเป็นที่ญาติสาววัยยี่สิบสี่ปีผู้ดูแลเธอมาตั้งแต่พ่อแม่ของทั้งสองตายจากอุบัติเหตุรถบัสท่องเที่ยวตกเขาทางจังหวัดภาคเหนือที่แพทย์วินิจฉัยว่าอุบัติรถ่ชนครั้งนี้พินทุอรต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายเดือน
ญาติสาวผู้พี่ประสบอุบัติเหตุรถกระบะชนจักรยานยนต์รับจ้างที่โดยสารกลับบ้านก่อนวันได้รับคำตอบจากเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เพียงห้าวัน เอมอุมาสวมรอยมาแทนเพราะต้องการงานเงินค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลญาติสาวผู้พี่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในชีวิตอย่างเต็มที่
พินทุอรญาติของเอมอุมาเรียนจบโรงเรียนเลขานุการินีมีประสบการณ์ทำงานกับเจ้านายฝรั่งมาสามปี แต่หลังจากเจ้านายเสียชีวิตจากโรคติดต่อโควิด-19ชนิดกลายพันธุ์ ทางบริษัทก็ประกาศเลิกจ้างเลขานุการที่กักตัวอยู่บ้านทันที
โชคดีที่ญาติผู้พี่ของเอมอุมาไม่ติดโรคไปด้วย หลังครบกำหนดกักตัวก็สมัครงานหลายแห่งอยู่นานหลายเดือน เพิ่งสมัครงานใหม่ทางอีเมล์และบอกเล่าให้เอมอุมาฟังว่างานนี้จะทำอยู่ในบ้านเจ้านายและไม่มีวันหยุด แต่จะขอเขากลับบ้านสัปดาห์ละหนึ่งวันเพื่อดูแลพี่สาว และถ้าเขาตอบรับก็จะทำงานนี้
“เชิญพบท่านที่ห้องทำงานค่ะ” นางเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นสองของตัวตึก
“ห้องพักของคุณอยู่ฟากคะโน้นนะคะ ห้องด้านในสุดที่มีแกจันสูงปักดอกลิลลี่สีชมพูหน้าประตู” นางกล่าวเมื่อทั้งสองเดินขึ้นมาถึงชานบันได และเดินนำมาห้องแรกฟากตรงข้าม กดกริ่งหน้าประตูสองครั้งก่อนเดินจากไป
“เชิญ” เสียงจากลำโพงรูปสี่เหลี่ยมเหนือกริ่งดังขึ้น
“คลิ๊ก” เอมอุมาจับลูกบิดเปิดล็อกประตู แต่กลับลังเลว่าจะเข้าไปหรือจะวิ่งลงบันไดและออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้
“เชิญ” เสียงจากภายในห้องดังขึ้นเอมอุมาจึงเปิดประตูออกกว้างกวาดตามองดูภายในที่เห็นเพียงตู้เอกสารและชั้นวางหนังสือติดพนัง และตัดสินใจก้าวเข้าไปโดยไม่รอให้คนในห้องต้องเชิญเป็นครั้งที่สาม
“ปิดล็อกประตูด้วย” เสียงทุ้มดังมากขึ้น
เอมอุมาลังเลอีกครั้ง...ทำไมต้องล็อกห้อง...รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที แต่คำพูดของคนอยู่ภายในที่ยังไม่ได้เดินเข้าไปเห็นหน้าบอกกล่าวให้จำยอมต้องทำตาม
“ผมไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะเวลาคุยงาน”
ล็อกประตูเสร็จเอมอุมาเดินเข้ามาภายในเห็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงช่องว่างระหว่างหน้าต่างรูปไข่สองบานกรุกระจกใสสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกแจ่มชัด แต่สิ่งที่สะดุดตาหญิงสาวมากกว่านั้น คือ บุรุษที่หลังโต๊ะทำงาน