สวมรอยพลอยโจนรัก

86.0K · จบแล้ว
ศิรารัย
63
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

การปลอมตัวเป็นญาติผู้พี่ ทำให้เธอต้องตกกระไดพลอยโจน รับงานกับเงื่อนไขพิเศษด้วยเหตุผล ความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเร่งด่วน เธอจึงไม่ปฏิเสธและขอเพิ่ม จากความสาวบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ความเผอเรอทำให้เธอตั้งครรภ์ ที่มารู้ภายหลังการถูกจ้างออกจากงาน โดยหญิงสาวที่แต่งงานเป็นภรรยาเขา เธอตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่เขากลับตามมาจะพาเธอกลับไป เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนมีภรรยาแล้ว จึงขู่จะฟ้องร้องโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอิสระ จากพันธะการแต่งงานครั้งนั้นแล้ว

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันเลขาพลิกชีวิตโรแมนติกฟินๆ18+มีลูก

บทที่1...สวมรอยพลอยโจนรัก...

บทนำ...

“เฮ้ย!เอม แกจะลาออกจริงๆหรือ”

“แกจะลาออกทำไม”

“แกจะไปทำงานอะไร”

เพื่อนสนิทของเอมอุมาทั้งสามคนที่เติบโตมาตั้งแต่เรียนมัธยมต้นจนกระทั่งเรียนจบวิทยาลัยเลขานุการกระทั่งจะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ต่างอยากได้คำตอบจากเพื่อนสาว แม้จะรู้ว่าเอมอุมามีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเป็นค่ารักษาญาติผู้พี่ที่ประสบอุบัติเหตุ แต่คาดไม่ถึงว่าเพื่อนจะตัดสินใจหยุดเรียนกลางคันอย่างนี้

“พี่อรต้องนอนโรงพยาบาลอีกนานหลายเดือน ค่าใช้จ่ายก็เยอะแยะ แค่ผ่าตัดครั้งแรกฉันแทบจะหมดตัวเลยนะ ที่สำคัญต้องหาเงินมารักษาพี่อรให้หาย และงานที่ฉันทำก็เป็นเหตุผลให้ฉันต้องออกจากการเรียน”

“งานอะไรที่แกจะเรียนหนังสือไปด้วยไม่ได้” มัทนายังงงจัดกับการตัดสินใจของเพื่อน

“นั่นสิ มาทำงานขายออนไลน์กับพวกเราไหมล่ะ” เขมนิจกับมาริสาทำงานขายของออนไลน์ประเภทเครื่องสำอางหลากหลายชนิด รายได้เดือนละหมื่นสองหมื่นพอช่วยลดภาระทางบ้าน

“ฉันต้องใช้เงินเป็นแสนเป็นล้านนะแก” เอมอุมาจาระไนเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้เพื่อนๆฟัง ทุกคนฟังแล้วก็ถอนใจเฮือก เพราะมองไม่เห็นทางจะช่วยเหลือ

“แล้วแกจะทำยังไง งานที่ทำได้ตามวุฒิการศึกษาเลขานุการระดับต้นที่แกมีก็น่าจะได้เดือนละหมื่นสองหมื่นได้กระมัง” มัทนานึกไม่ออกว่าจะหาเงินได้มากกว่าวุฒิที่มีได้อย่างไร

“นังเอมมันสวยนะ สวยมากด้วย ไปแคสติ้งเป็นนางแบบนักแสดงดีไหม” มาริสาเสนอ เพราะมีเพื่อนๆที่สวยน้อยกว่าเอมอุมายังสามารถเป็นดารานางแบบได้

“ไม่ใช่ว่าแคสติ้งวันนี้แล้วจะได้งานทันทีเมื่อไรล่ะ ที่รู้ๆต้องผ่านด่านค่ายโฆษณาค่ายผู้จัดละครกับช่องทีวีต่างๆอีกคงเป็นปีกระมัง” เขมนิจพอจะรู้ว่าการเข้าวงการบันเทิงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

“ฉันเจออีเมล์พี่อรสมัครงานไว้ เขาให้เงินดี” เอมอุมาบอกเพื่อนๆ

“จริงเหรอ/เงินดีขนาดไหน/ที่ไหน” เพื่อนทั้งสามถามขึ้นพร้อมกัน

“นายจ้างทำงานอยู่กับบ้าน” เอมอุมาบอกเพื่อนๆก่อนเดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นมาส่งให้คนละขวดและขนมขบเคี้ยวที่เพื่อนๆชอบอีกสามสี่ถุงมาวางให้เลือกกินได้ตามใจชอบ

“เงินเดือนระดับพี่ออนก็ไม่น่าจะเกินสามสี่หมื่น แต่แกวุฒิไม่ถึงปริญญากับไม่มีประสบการณ์เขาจะให้เท่าพี่อรหรือ” มัทนาตั้งข้อสังเกตแล้วคว้าขนมที่ชอบมาเปิดกินตามเพื่อนอีกสองคน

“ทำงานเลขานุการกับแปลงานเขาให้เดือนละห้าถึงหกหมื่นบาท แต่...”

“แต่อะไร...” เพื่อนๆถามเป็นเสียงเดียวกัน

“เอ้อ...ไม่มีอะไร ถ้าเขารับฉันเข้าทำงานในนามพี่อรฉันจะขอเขาเพิ่มเป็นแปดหมื่นหรือหนึ่งแสน” คำพูดของเอมอุมาสร้างความประหลาดใจให้เพื่อนๆเกิดอาการปากอ้าตาค้าง

“เฮ้ย...หุบปาก เดี๋ยวยุงก็บินเข้าไปวางไข่หรอก” มาริสาตบปากเขมนิจที่อ้ากว้างกว่าใคร

“เขามีแต่แมลงวันบินย่ะ ยุงกับแมลงที่ไหนจะบินมาในนี้ บ้านติดมุ้งรวดยะ” เขมนิจค้อนใส่เพื่อน

“อาจจะหลงเข้ามาก็ได้” มาริสาไม่ยอมแพ้

“ถ้าแกสองคนจะคุยเรื่องยุงกับแมลงวันก็เชิญข้างนอก มีเยอะ” มัทนาตัดบทแล้วหันมาถามเอมอุมาต่อ

“ตัวเลขที่แกพูดนั่นมันเยอะนะ จะไปทำอะไรให้เขาถึงจะคุ้มเงินค่าจ้างแบบนั้น”

“นังเอมมันมีความสามารถด้านภาษามากกว่าพวกเรา งานแปลภาษานี่จุดขายได้ของมันเลยละ” เขมนิจที่อ่อนภาษามากกว่าเพื่อนๆเชื่อว่า ภาษาอังกฤษ ภาษา ภาษาจีน อิตาเลียน อาหรับ ที่เอมอุมาเลือกเรียนและเรียนได้คะแนะเป็นที่หนึ่งจะเป็นใบเบิกทางให้เพื่อนสาวได้งานและเงินเดือนตามที่ต้องการ

“เออ...ใช่...นังเอมมันเก่งภาษามากกว่าใคร ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันขยันเรียนภาษาตั้งมากมายไว้เพื่ออะไร งานดี เงินเดือนดี ก็น่าจะได้จากเรื่องเก่งภาษาของมันนี่แหละ” มาริสาสนับสนุน

“เฮ้ย...” มันทนานึกขึ้นได้ “แต่แกสมัครในนามพี่อร แล้วใบรับรองการเรียนการทำงานหรือภาษาต่างๆทำไงล่ะ หรือจะปลอมเอกสาร” มองหน้าเพื่อนสาว

“ไม่หรอก พี่อรเรียนภาษาอังกฤษกับภาษาจีนอย่างที่พวกเราเรียนอยู่แล้ว วันสัมภาษณ์งานฉันจะบอกเขาว่าเรียนภาษาเพิ่มมาอีกเท่านั้น” เอมอุมาเตรียมเรื่องเอกสารใบรับรองการเรียนภาษาเพิ่มเอาไว้แล้ว โดยเปลี่ยนจากชื่อตัวเองเป็นชื่อพินทุอรที่อาจจะเข้าข่ายการปลอมแปลงเอกสาร แต่งานนี้เป็นงานพิเศษที่เจ้าของงานแจ้งว่า...ต้องการการปฏิบัติได้จริงมากกว่าเอกสาร...เอมอุมาจึงไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

“แต่ฉันยังสงสัยว่าแกจะทำอย่างไรให้เขาเชื่อว่า...แกเป็นพี่อร รูปร่างหน้าตาก็ต่างกันเยอะ” มาริสาสงสัย

“ฉันติดรูปตัวเองไปแทน” เอมอุมาบอกสิ่งที่ทำ

“หน้าอ่อนๆใสๆอย่างแกเนี่ยนะ เขาจะเชื่อหรือว่าแกอายุยี่สิบสี่ยี่สิบห้า เป็นฉันไม่เชื่อหรอก” มาริสาส่ายหน้ายืนยันคำพูด

“ฉันแต่งหน้าให้ดูมีอายุมากขึ้น” เอมอุมาสารภาพ

“เออ...ก็มันเพิ่งเรียนจบคลาสการแต่งหน้ามาก่อนพี่อรประสบอุบัติเดือนหนึ่งไง ทำไมจะทำไม่ได้ เสียดายที่ยังไม่ได้...แต่งหน้าเจ้าสาว...งานพิเศษที่มันวาดฝันไว้ ฉันยังจองคิวมันไว้เลยนะ” เขมนิจที่รู้ข่าวว่าเพื่อนสาวไปเรียนแต่งหน้าเจ้าสาวบอกจองไว้ตั้งแต่เอมอุมายังเรียนไม่จบคลาสเสียด้วยซ้ำ

“แกจองยังไง เจ้าบ่าวก็ยังหาไม่ได้” มาริสาว่า

“ฉันก็ให้นังเอมล็อกวันจากวันที่ฉันประกาศแต่งงานไว้ไงล่ะ ไม่เห็นจะยาก” เขมนิจหัวเราะชอบใจที่มาริสากับมัทนาส่งค้อนมาให้วงใหญ่

“เข้าใจละ แกจะใช้วิชาแต่งหน้าอำพรางตัว แต่แกทำงานอยู่กับเขาทุกวัน สักวันตัวจริงของแกก็ต้องโผล่ออกมา ถ้าเขาจับได้ว่าแกไม่ใช่พี่อร จะเป็นยังไง” มัทนาเริ่มไม่สบายใจ

“ฉันตั้งใจจะทำงานกับเขาแค่ช่วงเวลาที่พี่อรนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเท่านั้นแหละ ไม่น่าจะเกินสามเดือน” เอมอุมาคำนวณเวลาไว้แล้ว

“เออๆ...ถ้าแกไม่ได้งานนี้ ฉันจะบอกพ่อให้ คนเก่งอย่างแกสตาร์ทเงินเดือนสองหมื่นตำแหน่งผู้ช่วยเลขาประธานบริษัทก็คงได้สบายๆ” มัทนาเสนองานที่บริษัทบิดาให้เอมอุมาไว้ก่อน

“ขอบใจ ฉันส่งงานแปลไปให้เขาดูแล้ว อีกไม่กี่วันก็ คงจะได้คำตอบ”

“ขอให้แกได้งานนี้นะ” เขมนิจอวยพร ตรงเข้ากอดเพื่อนรักที่เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี

“แกต้องโทรบอกพวกเราด้วยนะ” มาริสาเข้ากอดเพื่อนอีกคน และตามด้วยมัทนาก่อนจะลาจากแยกย้ายกันกลับบ้าน

“ฉันไปนะ ดูแลตัวเองด้วย หลังเลิกเรียนพวกเราจะแวะมาหาแกอีก”

“ขอบใจจ้ะ” เอมอุมาออกมาส่งเพื่อนถึงประตูรั้ว

หลังจากนั้นเอมอุมาได้พบเพื่อนทั้งสามอีกไม่กี่ครั้งก็ต้องจัดกระเป๋าเดินทางไปบ้านผู้ว่าจ้างโดยไม่ได้บอกเพื่อนทั้งสาม ตั้งใจว่าจะไลน์หรือโทรบอกเพื่อนทุกคนทีหลังว่า...ได้งานทำแล้ว...แต่คงไม่มีรายละเอียดของการทำงานบอกเล่าให้เพื่อนๆฟัง เนื่องจากงานที่เธอจะทำมีบางสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผยแก่บุคคลที่สาม และเพื่อนๆทุกคนต้องคัดค้านในสิ่งที่ตนตัดสินใจ