บท
ตั้งค่า

ภพชาติใหม่ ตอนที่ 1 คู่หมั้นคู่หมาย 1

"เคยหรือไม่กับการที่เราจับมือชายคนรักอยู่แต่จู่ๆ เขากลับสลัดทิ้งไปกะทันหันอย่างไร้เหตุผล เคยหรือไม่ยามที่เขานั่งคุยกับเราแต่สายตากลับเอาแต่มองไปทางสตรีอีกคน

ทั้งๆ ที่เราทั้งสองเป็นถึงคู่หมั้นคู่หมาย มีสัญญาใจ มีความรู้สึกตรงกันมาโดยตลอด

ท่าทางลังเลไม่แน่ใจ แววตาโลเลไม่แน่นอน คืออะไร

เขากำลังเลือกไม่ถูกใช่ไหม?

หากใช่ คนถูกเลือกเช่นนางไยมิใช่เป็นฝ่ายเลือกเอง"

ไป๋เว่ยซิน

********

ภายในสวนร่มรื่นของสกุลเฉิน แว่วเสียงหัวเราะดุจระฆังเงินของสตรีดังแผ่วมาตามสายลม คลอเคล้าเสียงขบขันทุ้มต่ำของบุรุษได้น่าอย่างชม

แม่นางน้อย ไป๋เว่ยซิน หยุดยืนเพื่อรับฟังนิ่งๆ สายตาแลเห็นชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของเสียงระรื่นหูนั้น พวกเขากำลังให้อาหารปลาอยู่ในศาลากลางบึง ท่าทางทั้งคู่แลดูสนิทสนมกลมเกลียว

ไป๋เว่ยซินแค่นยิ้มบาง แววตาเผยความเหยียดหยัน เมื่อเห็นชัดเจนถนัดตาว่าฝ่ายชายนั้นคือคู่หมั้นของนาง ส่วนฝ่ายหญิงคือญาติผู้น้องของเขา

เฉินเจียหมิง และ หลัวลี่ลี่

ทั้งสองเป็นญาติผู้พี่ผู้น้องย่อมสนิทสนมกันก็ย่อมใช่ เพียงแต่หากไป๋เว่ยซินยังเป็นคนเดิมมิใช่คนที่ถูกวิญญาณของผู้หญิงศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดมาสิงร่าง ก็คงมองไม่ออกเสียที ว่าในความสนิทสนมตามประสาญาติพี่น้องนั้นมีสิ่งใดแฝงอยู่

เดิมทีหากเป็นไป๋เว่ยซินคนเก่า การมาเยือนบ้านของคู่หมั้นหนุ่มย่อมกระทำการอย่างเอิกเกริก แจ้งให้เขารู้ตัวล่วงหน้าเพื่อที่จะได้มารอรับนางที่ประตูจวน

แต่ไป๋เว่ยซินคนปัจจุบันมิใช่

การเข้ามาเยี่ยมเฉินฮูหยินหลูซื่อมารดาของอีกฝ่ายในวันนี้ นางมาอย่างเงียบๆ เพื่อจะได้มีโอกาสเห็นอะไรดีๆ หญิงสาวเลือกซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้กลายร่างเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติเขียวขจีอย่างเงียบงัน

ก่อนหน้านี้เมื่อสองเดือนที่แล้ว ทุกครั้งที่ไป๋เว่ยซินอยู่พูดคุยกับคู่หมั้น ญาติผู้น้องที่มาพำนักอยู่ชั่วคราวในบ้านของเขาก็มักจะออกมาทักทายชวนปราศรัยยื่นไมตรี

“ลี่เอ๋อร์อยู่ในเรือนคนเดียวเหงาเหลือเกินเจ้าค่ะ เมื่อเห็นพี่สาวมาจึงนำน้ำชากับขนมมาให้ญาติผู้พี่กับพี่สาว ให้ลี่เอ๋อร์นั่งคุยด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”

วาจาออดอ้อนกิริยาน่ารักน่าชังแฝงความเว้าวอนเฉกแม่นางน้อยผู้โดดเดี่ยวน่าสงสารเช่นนั้น คู่หมั้นหนุ่มจึงยิ้มรับอย่างอบอุ่น ปฏิเสธไม่ออกแม้ครึ่งคำ

“มาเถิด มานั่งด้วยกัน ข้าจะปล่อยให้ญาติผู้น้องทนอุดอู้อยู่ในห้องหับได้อย่างไร จริงหรือไม่เว่ยซิน?”

ปลายประโยคเขาหันมาถามคู่หมั้นสาวอย่างเอาใจใส่ แสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อญาติผู้น้องชัดเจน

ไป๋เว่ยซินให้นึกเอ็นดูญาติผู้น้องผู้นี้ของคู่หมั้นนัก ไหนเลยจะคิดอันใดให้ลึกซึ้งว่า ‘คู่รักคู่หนึ่งกำลังนั่งคุยกัน สตรีอื่นไม่ควรเข้ามา’ นางจึงมอบความสนิทสนมกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

ภายหลังนางจึงได้รู้ว่าแท้จริงเฉินเจียหมิงกับหลัวลี่ลี่ที่อยู่จวนเดียวกันตลอดสองเดือนนี้ พวกเขาได้คุยกันทุกวัน ได้สบตากันแทบจะทุกเวลาด้วยซ้ำ ตัวติดกันยิ่งกว่าพี่น้อง

มีเพียงคู่หมั้นอย่างไป๋เว่ยซินที่อยู่อีกบ้าน ซึ่งนานๆ นางจะได้คุยกับชายหนุ่มสักครา แต่กลับถูกแทรกกลางเวลาที่ได้เจอกันทุกครั้งอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

จนไป๋เว่ยซินนึกแคลงใจในความไม่น่าจะเป็นไปได้นี้

ท้ายที่สุด ด้วยสายตาแห่งชัยชนะที่เต็มไปด้วยความเยาะหยันของหลัวลี่ลี่ที่ลอบส่งมาให้ยามที่นางนั่งคุยกับคู่หมั้นโดยมีอีกฝ่ายนั่งคั่นกลาง ทำให้นางเริ่มมั่นใจในบางสิ่ง

ไป๋เว่ยซินเลือกปรึกษามารดา ทว่ากลับได้คำตอบอย่างฉุนเฉียวจากบิดาที่บังเอิญเข้ามาได้ยิน

“เจ้าคิดมากเกินไปหรือไม่ ทำตัวงี่เงาได้อย่างไร ไม่เชื่อใจคู่หมั้นเช่นนี้ใช้ได้ที่ใด”

ความผิดทุกข้อกล่าวหาถูกโยนใส่หน้าไป๋เว่ยซิน

บิดาเสียงขรึม “เฉินเจียหมิงมีความสัมพันธ์เกินเลยกับญาติผู้น้องจริงแล้วอย่างไร เขายังคงเหมือนเดิมกับเจ้า ไม่ได้ออกปากขอถอนหมั้นให้เจ้าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง หน้าที่ของเจ้าก็แค่ปิดตาข้างหนึ่ง ภายหน้าหากเขาต้องการรับอนุก็ล้วนทำได้ทั้งสิ้น เจ้าแค่ต้องยอมรับให้ได้”

ก่อนออกจากห้อง บิดายังชี้นิ้วสั่งการอย่างเด็ดขาดว่า “แล้วอย่าได้ไปตีโพยตีพายหรือโวยวายในจวนเฉินเชียว ทำตัวให้เป็นปกติให้ดีที่สุด หากเขารู้ว่าเจ้าคิดไม่ซื่อกับเขา รู้ว่าเจ้ารู้ทันเขาทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องญาติผู้น้องคนนั้นทุกอย่างอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จงจำไว้ ความสัมพันธ์ต้องไปต่อจะสั่นคลอนมิได้ การหมั้นหมายต้องรักษาเท่าชีวิต ทำตัวแสร้งว่าโง่งมบ้างจึงจะดี”

บิดากล่าวมาตั้งมากมาย ล้วนมีเป้าหมายในสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเท่านั้น ไหนเลยจะมีความรู้สึกของบุตรสาว ซ้ำร้ายกว่านั้น มารดายังเห็นด้วยกับบิดาทุกประการ

ไป๋เว่ยซินจึงรู้สึกอัดอั้นคับแค้นใจจนล้มป่วยนอนซม เรียกว่าตรอมตรมคงไม่ผิดอะไร นางนอนนิ่งไม่ขยับไม่ลุกขึ้น

กระทั่งนอนติดเตียงอยู่หลายวัน เศร้าซึมจนสาวใช้ยังนึกห่วงใยสุดหัวใจ

เฉินเจียหมิงรู้ข่าวว่าคู่หมั้นป่วยก็ส่งยาและของบำรุงมาให้มากมาย

เพียงแต่ตัวเขามิได้มา ด้วยเหตุผลว่าต้องร่ำเรียนและช่วยงานบิดาทุกวัน

ท้ายที่สุดด้วยความทุกข์ระทมและน้อยเนื้อต่ำใจจนทนไม่ไหว ไป๋เว่ยซินจึงส่งคนไปแจ้งเฉินเจียหมิงในเช้าวันรุ่ง ให้เขามาเยี่ยมนางสักครา

ทว่าเฉินเจียหมิงกลับเลือกไปเดินเล่นและซื้อของกับญาติสาวที่ตลาดก่อน กว่าจะมาเยี่ยมคู่หมั้นอย่างไป๋เว่ยซินก็ล่วงเข้ายามเซิน[1]

[1]ยาม เซิน เท่ากับเวลา 15.00 น. จนถึง 16.59 น.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel