บท
ตั้งค่า

บทที่1│เจ้าป่าลายพาดกลอน (1)

พิลลาจำเป็นต้องถอยทัพ เรไรมีความสำคัญกับครอบครัวมากก็จริง แต่บัญชีเธอร่อยหรอพอประมาณเมื่อจ่ายสารพัดค่าใช้จ่ายไป ไหนวันที่ยี่สิบยังต้องจ่ายค่าเช่าร้านถ่ายเอกสารอีก ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีปัญหาผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ว่าอะไรก็จ่ายตรงวันตลอด เดือนนี้ก็ตั้งใจจะจ่ายให้ตรงวัน และต่อให้ยืมเงินในส่วนนี้มาไถ่ตัวเรไร มันก็ไม่พอ

ในบัญชีเธอมีสองหมื่นต้นๆ หรือถึงมีพอสี่หมื่นแปดพัน เธอก็ทำใจจ่ายไม่ได้อยู่ดี สารินโกงกันชัดๆ

เขาว่า ขายไปสามหมื่น ซื้อคืนสี่หมื่น แต่เธอต้องจ่ายส่วนที่พิรภพนำมาจำนำด้วย แปลว่านอกจากเงินทุนแปดพันของเขาจะอยู่ ยังได้กำไรอีกสามหมื่น ส่วนคนที่ซื้อไปก็รับเงินหมื่นไปนอนกก ในขณะที่เธอเข้าเนื้อเกือบห้าหมื่น

ไอ้หน้าขนนี่แม่งไม่อยากตายดีจริงๆ สินะ ถึงได้ริอ่านโกงคนอย่างพิลลา

“พี่จีบ พี่เสือเขาขายไปแล้วจริงๆ เหรอ”

เธอปรายตามองน้องชายที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ “อือ เห็นมันว่างั้น เลยแค่วันเดียวมันยังทำได้ลงคอ เลวจริงๆ” ด่าคนหน้าเลือดไม่พอ ยังพาดพิงน้องชายต่ออีกหน่อย “ก็ดูไว้นะว่าพี่ชายที่รักนักรักหนามันมีไรดีให้นับถือ จำบ้างว่ามันทำไรกับมึง พี่ที่ไหนกล้าเอาของสำคัญของน้องไปขายทอดตลาด คนคนนี้มันไม่ได้น่าเคารพอะไรนักหรอก ไอ้เสือใหญ่ ไอ้คนจัญรี้จัญไร ทำตัวแบบนี้ก็ขอให้เจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีไปเลยเถอะ บักเปรต”

กระแทกแดกดันจบก็ตักข้าวเข้าปาก

“เกลียดขี้หน้ามันมานานละ เหอะ เสือใหญ่”

“...”

“ถุย หน้าเหมือนวัว”

ผู้อาวุโสอย่างจินดาไม่กล้าค้านคำหลานสาว แม้จะไม่อยากให้หลานหัวแก้วหัวแหวนปากร้ายเช่นนี้ก็ตาม หล่อนหรืออุตส่าห์พาเข้าวัดเข้าวาแต่เด็ก พยายามปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ แต่คงจะฝังลึกไปหน่อยเลยขุดมาใช้ไม่ได้ ไอ้ที่เอามาใช้เลยมีแต่ความถ่อย ไม่สมกับหน้าตาที่แสนน่ารักนั่นสักนิด

มารดาเช่นกัลยาก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ

พิลลาเงยหน้ามาสบตาน้องชาย “วัวน่ะ รู้ไหมว่าวัวมันกินอะไร”

“หญ้าครับ”

“ใช่ วัวกินหญ้ายังได้ไฟเบอร์ แต่ไอ้หน้าวัวนี่มันกินอะไร ทำไมมันถึงคิดไม่ได้ว่าไม่ควรมาหาเรื่องพี่” ก่อนเบนสายตาไปทางมารดา “แม่ก็เห็นแล้วใช่ไหมล่ะว่ามันนิสัยสันดานแย่แค่ไหน หัดเตือนลูกชายแม่บ้างว่าอย่าไปขลุกอยู่แต่ที่บ้านมัน ถ้ายังไม่เข็ดไม่หลาบสักวันจีบจะไปบุกเผาให้เหลือแต่ตอ”

หญิงวัยกลางคนหน้าเจื่อนอย่างคนหนักใจ

พิรภพอ้อมแอ้มตอบ นัยน์ตาคลอหน่วยคล้ายจะร้องไห้ “ขอโทษครับ ผมผิดเอง”

อย่าคิดเชียวว่าเธอจะใจดี

“สำนึกผิดไปเลยนะ แล้วก็คิดดูว่าคุ้มไหมที่เอาเรไรไปแลกกับเงินแค่นั้น”

กัลยาเห็นลูกคนโตเอาแต่ดุจนลูกชายหงอลงถนัดตา ก็เกิดอยากจะปกป้อง แต่พอเห็นแววตาที่ไม่สบอารมณ์ หล่อนก็ทำได้เพียงตักข้าวเข้าปาก เพราะก็ใช่จะไม่โกรธที่ลูกชายกล้านำของต่างหน้าสามีไปจำนำ แต่พอเห็นลูกซึมไป หัวอกคนเป็นแม่ก็กวัดแกว่งอย่างรุนแรง

หญิงชราอาสาเป็นหน่วยกล้าตาย “อย่าว่าน้องมันเลยจีบ”

“ยายอย่าให้ท้ายมัน วันนี้มันเอาเรไรไปจำนำ วันหน้าไม่เอาบ้านไปจำนองเลยเรอะ พูดแล้วก็โมโห ได้มาแปดพันก็ต้องเอาไปซื้อโทรศัพท์คืนเพื่อน ไหนพอจะไถ่คืน สี่หมื่นแปด กะเอารวยเลยมั้ง สงสัยไอ้หน้าวัวหาเงินไปอมตอนตาย”

แม้ว่ากับข้าวจะไม่อร่อยสำหรับพิลลาอีกแล้ว แต่ก็ยังทนตักยัดเข้าปากแล้วเคี้ยวจนแก้มตุ่ย

“ที่จีบมีเท่าไรล่ะ”

สาวหมวยตวัดตาไปทางหญิงชรา “สองหมื่นนิดๆ หักค่าเช่าร้านไปสี่พันก็หมื่นหกหมื่นเจ็ดได้”

“งั้นเอาแหวนกับสร้อยยายไปจำนำก่อน”

พิลลาส่ายหน้าพรืด “ไม่เอาหรอก ทองนั่นมันก็ของสำคัญของยายเหมือนกัน”

“แต่เรไรก็สำคัญ”

กัลยาได้ทีเสริมคำของแม่ตัวเอง “เอาสร้อยแม่ไปด้วยก็ได้ ไว้ค่อยหาเงินไปไถ่”

“ไม่เป็นไรครับ”

ทุกสายตาของสาวสามวัยจึงหันไปทางเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว

“เดี๋ยวผมไปคุยกับพี่เสือเอง บางทีอาจจะขอผ่อนได้” สายตาที่อุดมไปด้วยความรู้สึกผิดตกกระทบที่ใบหน้าของพี่สาว “ผมเป็นคนสร้างปัญหา ผมก็จะแก้เองครับ”

“ดี ไปแก้ซะ”

“พุดจีบ! / ยายจีบ!”

สองเสียงจากมารดาและยายดังประสานกัน พิลลาเพียงแค่มองอย่างไม่ยี่หระ “ให้พอใจมันรับมือเองแหละถูกแล้ว ต่อไปมันจะได้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ มัวแต่โอ๋ก็ไม่วายต้องตามเช็ดตามล้างกันจนตาย จีบไม่เอาด้วยหรอกนะ” จบประโยคก็ตักข้าวเข้าปาก โดยที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรอีก

คำพูดของพิลลาถือเป็นประกาศิตสำหรับบ้านแก้ววิพัฒน์

ด้วยประการฉะนี้ หลังทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย พี่สาวใจโฉดก็ออกคำสั่งให้น้องชายเจ้าปัญหาไปบ้านของสาริน เพื่อไปหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้ของต่างหน้าพ่อกลับเข้าสู่อ้อมอกอีกครั้ง

โดยที่เธอนอนกระดิกเท้าดูทีวีอย่างสบายใจ

ด้านพิรภพนั้นจำเป็นต้องรับศึกหนัก “กูบอกไปแล้วนะใจว่าให้เวลาถึงแค่เมื่อวาน พ้นเมื่อวานไป เรไรก็เป็นสิทธิ์ของกู จะขายหรือเอาไปต้มยำทำแกงอะไรก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิด”

“ผมไม่คิดว่าพี่จะขาย ผมเคยบอกพี่ไปแล้วว่ามันเป็นนกของพ่อ”

สารินยังไม่ตอบในทันที ไม้คิวในมือถูกใช้งาน ก่อนเสียงลูกสนุกเกอร์กระทบกันจะดังเข้าหู ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของเจ้าของบ้าน “พ่อมึง ไม่ใช่พ่อกู”

พิรภพจึงได้รู้ว่าโลกใบใหญ่นั้นโหดร้ายกับเด็กอย่างเขามาก

“รู้ทั้งรู้ว่าของพ่อ แล้วเอามาให้กูทำไม”

“ก็ผมต้องใช้เงิน”

นัยน์ตาคมกริบปรายมองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน “ขอพี่สาวก็ได้”

เมื่อหวนนึกไปถึงอาหมวยที่มาเอาเรื่องเขาถึงที่บ้าน ใบหน้าคมคายกลับมีรอยยิ้มผุดพรายขึ้น ในกำแพงแสนจะมีสักกี่คนที่กล้ามาทำพฤติกรรมหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เขา แต่แม่นั่นทำได้ มาทำถึงถิ่นเขาด้วยซ้ำ ช่างใจเด็ดและไม่กลัวตายเสียจริง

คนอวดเก่งแบบนี้ ได้ใจเขาเลย

สำหรับพิรภพนั้น ยามภาพเหตุการณ์ที่เขาไปสารภาพบาปกับพี่สาวไหลเข้าหัว ขนกายก็ลุกอย่างไม่มีเหตุผล

เด็กหนุ่มตอบด้วยความสัตย์จริง “กลัวโดนด่าครับ”

สารินแค่นหัวเราะน้อยๆ “นั่นมันเรื่องของมึง”

“ให้ผมผ่อนได้ไหม ยังไงผมก็ต้องพาเรไรกลับบ้าน”

คนอายุมากกว่าส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่คล้ายจะใจดี แต่ก็แค่คล้าย “ลีลา อีกวันสองวันไอ้พัลก็เอาไปขายต่อแล้ว ถ้าอยากได้ก็ต้องเอามาจ่ายตอนนี้” แก้วเบียร์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ตัวถูกยกมากระดก “จ่ายสด งดเชื่อ เพราะกูเบื่อทวง ถ้าไม่มีมาจ่ายก็โบกมือลาเรไรไปได้เลย”

เสียงของหนึ่งในวัยรุ่นร่วมโต๊ะดังขึ้น “ยังไงวันนี้ก็ต้องมา ทำไมไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่งั้นก็ไม่มีปัญหาละ”

“เมื่อวานพี่จีบต้องจ่ายค่ารถครับ เลยไม่กล้าบอก”

คนถามพยักหน้ารับส่งๆ “มาช้ามันก็หลุดจำนำ ทำไงได้ล่ะ มึงผิดคำพูดเอง”

อีกคนเสริม “คิดว่าพี่เสือจะใจดีขนาดนั้น?”

ใช่ เขาคิดว่าสารินจะใจดี แค่วันเดียวคงไม่เกิดอะไรขึ้น แค่คุยกันก็น่าจะตกลงกันได้ ไม่คิดเลยว่านอกจากจะขายนกของเขาไปแล้ว คนที่เขาเคารพนับถือเหมือนพี่ชายจะยังพูดจาใจร้ายและไม่แยแสกันสักนิด

พิรภพหันกลับมาทางเจ้าของบ้าน “ผมจะไปคุยกับพี่จีบอีกครั้งครับ”

“พี่มึงจะช่วยอะไรได้”

เพราะหลังจากทราบว่าการไถ่ตัวเรไรสนนราคาที่สี่หมื่นแปดพัน แม่คนเก่งก็เดินกระทืบเท้าออกไปเลย น่าจะหายซ่าไปพักใหญ่

มาหนนี้น้องชายก็ทำ เพียงแต่เป็นการเดินคอตก ไม่ได้มีท่าทีฮึดฮัดเหมือนอย่างกับพี่สาว

คล้อยหลังหนุ่มวัยละอ่อน สารินพูดได้เพียง “เด็กน้อยทั้งพี่ทั้งน้อง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel