บทย่อ
ตอนแรกก็มองเป็นน้องเป็นนุ่ง แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากมองตอนนุ่งแล้ว
ปฐมกถา
ก็นานแล้วที่พิลลาไม่ได้เลือดขึ้นหน้าถึงเพียงนี้ อย่างน้อยก็สามวันที่แล้ว จนกระทั่ง...
“แปดพัน!?”
“ครับ แปดพัน”
ผู้เป็นพี่พยายามสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด แล้วค่อยๆ ผ่อนออกเพื่อทำสมาธิ
หายใจเข้าพุทธ หายใจออก... “อยากตายเหรอ”
เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่พลั้งมือฉีกร่างของ ‘น้องชายแท้ๆ’ ออกเป็นชิ้นๆ หลังจากเด็กหนุ่มวัยสิบหกปีนำข่าวร้ายมาแจ้งให้ทราบ หากไม่มีโต๊ะคอมพิวเตอร์ขวางอยู่ หญิงสาววัยเบญจเพสคงได้กระชากคอเสื้อไอ้ลูกหลงของพ่อและแม่เพื่อระบายอารมณ์ไปแล้ว
พิรภพเพียงแค่ก้มหน้าก้มตาเพื่อน้อมรับความผิด
“เมื่อไรจะเลิกสร้างเรื่องให้ต้องเสียเงินเสียทอง ฮะ คิดว่าพ่อมึงเป็นสุลต่านหรือไง”
ใบหน้าละอ่อนเงยขึ้นมาสบตากับพี่สาวหน้าเต้าหู้ยี้ “พ่อตายแล้ว อย่าพาดพิงพ่อเลยครับ”
นิ้วถูกชี้ไปที่เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน “ระวังตัวไว้ให้ดี เดี๋ยวจะได้ไปอยู่กับพ่อ”
“...ขอโทษครับ”
เจ้าของร้านถ่ายเอกสารใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการสลัดโทสะทิ้ง เอ่ยถามเข้าประเด็น “เรื่องโทรศัพท์ จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ครับ ซื้อเครื่องใหม่ให้เขาแล้ว”
“ซ่อมไม่ได้?”
“โธ่พี่ มันจมน้ำ”
“ทำไมไม่ลงไปงม”
น้องชายอยากเถียงขาดใจว่าพี่สาวนั้นพูดเป็นลิเกไปได้ แต่ก็ไม่มีความกล้าพอจะเถียง ลำพังความผิดที่ติดตัวก็คิดว่าจะโดนยายเต้าหู้ยี้กินหัวไปอีกนาน
นัยน์ตาเรียวเล็กชั้นเดียวสีน้ำตาลเข้ม รับกับจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางสีระเรื่อโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติก ใบหน้ารูปไข่ แก้มยุ้ยพอประมาณ ร้อยทั้งร้อยก็มองว่าผู้หญิงคนนี้น่ารัก แต่ใครเล่าจะรู้ อ้าปากทีมีแต่ความเถื่อน
ในบ้านเหลือกันอยู่สี่ชีวิต เสาหลักของครอบครัวคือพี่สาวคนนี้ และมีเขาที่ยังอยู่ในวัยเรียน คุณแม่วัยสี่สิบปลาย และคุณยายวัยชรา โดยที่ทุกคนล้วนให้เกียรติพี่สาวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง พิลลาว่าอย่างไร คนอื่นต้องว่าเช่นนั้น ทั้งสามชีวิตเชื่อฟังยายเต้าหู้ยี้หัวร้อนกันทุกคน แต่เขามันวัยซุกซน จึงโดนเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง
มารดาและคุณยายช่วยอะไรเขาจากเงื้อมมือมารหน้าหมวยไม่ได้ เพราะทุกคนก็กลัวเธอด้วยกันทั้งนั้น
พิลลาส่งสายตาคาดโทษไปยังน้องชายที่คลานตามกันมา “แล้วทำไมไม่มาบอกแต่แรก เอาเรไรไปขายเพื่อ?”
“ไม่ได้ขายครับ แค่จำนำ”
“พ่อจะลุกขึ้นจากหลุมมาบีบคอมึงเข้าสักวัน” มือบางคว้าขวดหงส์ไทยมาเปิด ก่อนจะสูดดมฟอดใหญ่ “ค่าไถ่แปดพันเป๊ะๆ นะ”
“ครับ แต่-”
คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน “อะไรอีก ว้อย มีแต่เรื่อง”
“จริงๆ พี่เขาบอกว่าให้เวลาได้แค่เมื่อวานเป็นวันสุดท้าย แต่เมื่อวานพี่ต้องส่งค่ารถ ผมก็เลยไม่กล้าบอก”
“อ้าว งี้เรไรก็หลุดไปแล้วสิ”
“ไม่หรอกครับ ถ้าพี่เข้าไปคุยก็น่าจะคุยได้”
เส้นเลือดในสมองของเธอจะแตกตายอยู่แล้ว สามวันก่อนเด็กๆ ในโรงเรียนเตะลูกบอลมาโดนกระจกร้าน เมื่อวานจ่ายค่างวดรถยนต์จนกระเป๋าแห้ง วันนี้ยังมาถูกหวยรับประทานอีก มิหนำซ้ำน้องชายสุดที่รักยังหาเรื่องให้เสียเงินเกือบหมื่น แต่แม้จะโมโหมากขนาดไหนก็มีแต่ต้องยอมจ่าย เพราะเรไรคือของต่างหน้าพ่อที่เสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว เธอจึงจำเป็นต้องไถ่ตัวเจ้านกกรงหัวจุกคืนมา
หญิงสาวยันปลายเท้าไปบนพื้น ลุกขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋าและกุญแจรถมาถือไว้ “เฝ้าร้าน ห้าโมงปิดแล้วกลับบ้าน อย่าเถลไถลที่ไหน”
“พี่จะไปพาเรไรกลับบ้านเหรอครับ”
“เออ แล้วอย่าทำกับมันเหมือนสิ่งของอีก ถ้าคิดว่ามันสำคัญก็ดูแลดีๆ”
“ครับ ขอโทษครับ”
ก่อนจะออกจากร้านยังมิวายหันมาหาตัวต้นเรื่อง “ต่อไปมีอะไรก็รีบมาบอก”
น้องชายตอบเสียงอ้อมแอ้ม “ก็กลัวพี่ด่า”
“เคยด่าหรือไง”
ถ้าต่อยเขาได้ คงต่อยไปแล้ว สีหน้าตอนเขามาสารภาพบาปก็บอกประมาณว่า ‘กูจะต้องเอาเลือดหัวไอ้เด็กเวรนี่ออกให้ได้’ แล้วยังมีหน้ามาถาม
พิลลาไม่อยู่ฟังคำตอบ ยื่นมือไปดันประตูให้เปิดออกแล้วพาตัวเองไปขึ้นรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่ต้องผ่อนอีกเกือบสองปีกว่าจะหมดเวรหมดกรรม ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจว่าหากพิรภพสร้างเรื่องเช่นนี้บ่อยๆ ระหว่างผ่อนรถหมดกับเธอหมดลมหายใจ อะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน
พิลลี่ หรือก็คือรถคู่ใจของเธอ มุ่งหน้าไปยังบ้านของเขา ผู้ชายหน้าดุที่เธอไม่เคยถูกชะตาด้วยเลย
จากร้านถ่ายเอกสารข้างโรงเรียนไปยังที่หมาย ซึ่งเปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ให้พวกวัยรุ่นจับกลุ่มเล่นกันนั้น ใช้เวลาประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ นอกจากเธอจะไม่ได้อยากมาเพราะมีแต่พวกผู้ชายแล้ว น้องชายที่ไม่ค่อยได้เรื่องก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้มา แต่เด็กสิบหก วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ห้ามอะไรก็ไม่ฟัง
ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงทำมือถือเพื่อนตกน้ำจนต้องซื้อให้ใหม่ และเด็กวัยนั้นก็ไม่มีเงินมากพอจะซื้อให้ เลยนำเจ้าเรไรไปจำนำกับเจ้าของโต๊ะสนุกเกอร์ ที่ก็มีงานอดิเรกคือการเลี้ยงนกกรงหัวจุกเพื่อแข่งขันชิงเงินรางวัล เธอไม่ทันสังเกตว่าเรไรหายไปจากที่บ้าน ถ้าพิรภพไม่มาสารภาพบาป เธอก็ลืมเสียสนิทใจ
โดยปกติแล้วเรไรจะอยู่ในส่วนหลังบ้าน ซึ่งบางวันเธอแทบไม่ได้เดินออกไปเลย และน้องชายก็รักนกตัวนี้มาก ใครจะไปคิดว่าจะยอมนำของต่างหน้าของพ่อไปจำนำได้ลงคอ
พิลลาจอดรถที่หน้าบ้านชั้นเดียวที่มีขนาดใหญ่ ทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านก็อาศัยอยู่เพียงลำพัง โดยที่ด้านหลังเป็นที่ตั้งของโต๊ะสนุกเกอร์ ด้วยเหตุนั้นแล้วต่อให้เจ้าของบ้านจะมีเพียงเขาคนเดียว แต่บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยขาดคน
หญิงสาวเดินไปทางข้างบ้านเพื่อไปยังส่วนหลังบ้าน เสียงจอแจของเหล่าหนุ่มๆ ดังกระทบโสตประสาท แม้ไม่อยากไป แต่ก็มีความจำเป็นให้ต้องก้าวขาเพื่อไปในที่แห่งนั้นอยู่ดี
จนกระทั่งมาหยุดอยู่ในส่วนหลังบ้านของเขา ถึงได้รู้ว่าที่นี่มีโต๊ะสนุกเกอร์ถึงห้าโต๊ะ วัยรุ่นแถวนี้ไม่ต้องไปไหนกันเลย บ้านหลังนี้พร้อมรองรับ
การมาของสาวหมวยเรียกสายตาของผู้คนได้อย่างดี แม้คนสวยจะหน้าบึ้งมากก็ตาม แต่ในสายตาคนอื่น พิลลาก็ยังน่ามองอยู่ดี
“พี่เสือใหญ่อยู่ที่นี่ไหม”
สิ้นประโยคคำถาม ทุกสายตาก็เหลียวไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านในสุด จุดกระทบของสายตานับสิบคือชายร่างใหญ่ที่เงยหน้ามาจ้องร่างบอบบางของหญิงสาวคนเดียว ณ ที่แห่งนี้ ควันสีขาวถูกพ่นออกก่อนมวนบุหรี่จะถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ยกฝ่าเท้าเพื่อขยี้เชื้อไฟให้มอดสนิท โดยระหว่างนั้นนัยน์ตาคมไม่ละไปจากคนงามเลย
เหตุผลที่พัดพาพิลลาให้มาถึงที่นี่ เขาไม่คิดจะเสียเวลาคาดเดา
ขายาวก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าสาวสวย
ขยับปากเปล่งคำตอบด้วยสุ้มเสียงทุ้ม “อยู่”
ใบหน้านวลผินไปทางอื่น...ที่นี่มันบ่อนทำลายสุขภาพปอดชัดๆ
ก่อนจะผินหน้ากลับมาทางเดิม ความขึงขังยังคงฉายชัดอยู่บนหน้า ไม่สนสักนิดว่าตนกำลังตกเป็นรอง “เรไรอยู่ไหนคะ จีบมาพาเรไรกลับบ้าน”
สารินเพียงแค่นยิ้ม ยิ่งทำให้คนเลือดร้อนโมโหกว่าเดิม
“แปดพันใช่ไหมคะ เอาเลขบัญชีมาค่ะ เดี๋ยวโอนให้”
เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านยังคงนิ่ง ไม่หือไม่อือกับคำพูดของตน แม้ว่าเธอจะเปิดแอปพิเคชันของธนาคารรอแล้ว คิ้วสวยได้รูปก็ยิ่งขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบ
โดยปกติเธอก็ไม่ใช่พวกใจเย็นเสียด้วย เจอคนกวนตีนยิ่งแล้วใหญ่
“จะเอาไหมคะ แปดพันอะ”
“เอา”
ก็แค่นี้! ดึงเชิงอยู่ได้...“เลขบัญชีค่ะ”
“...”
“พี่-เสือ-ใหญ่” เธอไม่คิดปิดบังความขุ่นมัวของอารมณ์ “ขอเลขบัญชีด้วยค่ะ เป็นพร้อมเพย์ก็ได้ ที่โอนได้หมด เพราะจีบไม่มีเงินสด”
“พร้อมเพย์”
“ค่ะ”
“สาม” เธอตั้งท่าจะพิมพ์เลขไปตามคำบอกกล่าวของเขา แต่ก็ชะงักนิ้วอยู่ที่เดิม “ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์”
“คะ”
“สามหมื่น”
“หมายถึง?”
“โอนมาสามหมื่น”
พิลลาค้านหัวชนฝา “อย่ามั่วนะคะ พอใจมันบอกว่าจำนำไว้แค่แปดพัน เอาอะไรมาสามหมื่น”
“หลุดจำนำไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”
สิ้นเสียงของเขา หญิงสาวก็อดจะแค่นหัวเราะไม่ได้ “วันเดียวดอกมันพุ่งไปขนาดนั้นเลยเรอะ”
“ดอกไม่ได้พุ่งหรอก แต่ราคาของเรไรมันพุ่งน่ะ”
“ยังไงคะ”
“วันนี้พี่ขายมันไปแล้ว สามหมื่น” คล้ายมีมวลเมฆขมุกขมัวก่อตัวอยู่บนหัว ก่อนสายฟ้าจะฟาดลงกลางกบาลคนฟัง “นกมันสวย ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ อ้อ ถ้าจะไถ่คืนบางทีสามหมื่นก็ไม่น่าพอ คนซื้อซื้อสามหมื่น ถ้าจะขาย คงไม่ขายราคาซื้อ อย่างต่ำก็สี่หมื่น ถ้าพี่เป็นคนคุยให้ก็คงได้คืนในราคานี้นี่แหละ”
สาวหมวยมองหน้าเจ้าของบ้านอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา คำด่าหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนเลือกไม่ถูกว่าจะหยิบคำไหนมานิยามคนตรงหน้า และเธอก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ ได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างคนโกรธจัด
“เอ้อ เกือบลืมทุนพี่อีกแปดพันเลย หักทุนพี่แล้ว จีบก็เอาเรไรคืนไป”
สารินฉีกยิ้มให้คนสวย เอียงคอมองพร้อมเอ่ยปากถาม
“ไง จะโอนเลยไหม จะได้บอกเบอร์”
พิลลาได้แต่กำหมัดแน่น ยิ่งเขายิ้ม เธอก็ยิ่งโมโห
“สี่หมื่นแปดนะ ไม่ใช่แปดพัน”
ไอ้หมอนี่วอนโดนกระทืบแล้วไหมล่ะ