บทที่ 4 ลูกเขยปากแจ๋ว (1/2)
“ต้องขอโทษแทนลูกชายผมด้วยนะครับ คุณอัมภา พอดีตาพยัคฆ์แกชอบล้อเล่นนะครับ”
ณรงค์เดชกดศีรษะลูกชายตัวดีให้ค้อมตัวลงเพื่อเป็นการขอโทษคุณอัมภาที่เผลอไผลใช้ถ้อยคำรุนแรงจนเกินพอดี
“พ่อ!”
มาเฟียหนุ่มที่กำลังถูกพ่อบังเกิดเกล้าใช้ฝ่ามือกดศีรษะเอาไว้ตะโกนเรียกชื่อคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกได้ว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่พ่อบังคับเขาให้ขอโทษแบบนี้ ‘เสียระบบมาเฟียหมด’
“ถ้าแกไม่อยากได้สมบัติแล้ว ก็แหกปากตามสบายเลยพยัคฆ์” ณรงค์เดชที่กำลังกดศีรษะลูกชายเอาไว้ กัดฟันกรอดบอกลูกชายตัวดีด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เอาล่ะ ๆ ไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณณรงค์เดช ตาพยัคฆ์แกแค่ล้อเล่นไปตามประสาเท่านั้นแหละ อัมภาเขาไม่ถือโทษหรอก ใช่ไหม”
ภาคินเอ่ยขึ้นหลังจากที่รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก่อนที่เขาจะหันใบหน้าไปขยิบตาให้อัมภาภรรยาที่นั่งหน้าเขียวหน้าแดงด้วยความโกรธ ให้สงบศึกลงเสียที
“น้าไม่ถือโทษพยัคฆ์หรอกจ๊ะ”
อัมภากัดฟันกรอดพูดตามที่สามีบอกกล่าวอย่างว่าง่าย แม้ว่าภายในใจจะหมายหัวว่าที่ลูกเขยตัวดีเอาไว้ในลิสต์รายชื่อบัญชีหนังหมา เอ่อ บัญชีดำเป็นอันดับต้น ๆ ของรายการเป็นที่เรียบร้อย
“ภัคดีรัศมีกุลยินดีต้อนรับนะครับ”
ภาคินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แม้จะเข้าสู่วัยสูงอายุแต่กลับยังดูดีราวกับอายุสี่สิบต้น ๆ เพียงเท่านั้น ทำให้ณรงค์เดชไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อคิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ ขึ้นมา หากไม่ต้องมาจัดการตามหน้าที่ ที่เขมิกาภรรยารักสั่งเอาไว้ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่มีวันที่จะมาเหยียบที่นี่เป็นเด็ดขาด
แม้ในใจจะรู้สึกขัดใจกับความคิดของภรรยา ไม่เพียงแค่ให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวคนรักเก่าเท่านั้น แต่นี่เปรียบเสมือนเป็นการบังคับให้เขาต้องนับญาติผูกมิตรไปกับศัตรูหัวใจที่เขาไม่ชอบหน้าไปเสียอีก ‘เขมิกาคุณแค้นอะไรผมหรือเปล่า ถึงได้ทำกับผมแบบนี้’
“ถ้าเช่นนั้นผมไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน เป็นที่ทราบดีกันอยู่แล้วว่าผมมาทำตามสิ่งที่เขมิกาได้สั่งเอาไว้ก่อนที่เธอจะเสียไป นี่คงเป็นหนูรันดาสินะ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง”
ณรงค์เดชหันไปทักทายสาวน้อยที่มีใบหน้าหวานซ่อนเปรี้ยวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและใจดี แม้เขาจะไม่ชอบขี้หน้าพ่อของเธอก็ตาม
แต่เขาก็แยกแยะออกไม่ใช่พาลใครต่อใครไปเสียหมด
“สวัสดีค่ะ คุณลุงณรงค์เดช” รันดายกมือไหว้ว่าที่พ่อสามีด้วยความน้อบน้อม ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ไหว้พระเถอะลูก อ่อ แล้วก็ฝึกเรียกพ่อเอาไว้นะจะได้ชิน ฮ่า”
“รันดาเขินนะคะ คุณพ่อ” รันดาเรียกณรงค์เดชว่าคุณพ่อด้วยความเขินอายแต่ก็เอาใจว่าที่พ่อสามีสุด ๆ
“พยัคฆ์ ทางนี้พ่อจัดการเอง แกพาน้องไปเที่ยวเล่นเถอะขออนุญาตเลยนะครับคุณภาคิน คุณอัมภา เด็ก ๆ จะได้ทำความคุ้นเคยกัน”
“ตามสบายเลยครับ ไปกับพี่เขาเถอะรันดา”
ภาคินเป็นที่เอ่ยอนุญาตแทนอัมภา ที่นั่งเงียบด้วยความไม่พอใจสักเท่าไหร่ ภรรยาของเขาจ้องลายพยัคฆ์อย่างไม่วางตา
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
“ไปครับ เดี๋ยวพี่จะทำให้เรารู้จักกันแบบลึกซึ้งเลยนะครับ”
พยัคฆ์พูดขึ้นมาด้วยใบหน้ายียวน โดยที่เขาไม่มองหน้ารันดาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหันใบหน้าไปทางว่าที่แม่ยายด้วยท่าทางกวนประสาทแบบสุด ๆ
“พยัคฆ์ไปได้แล้ว!” เป็นณรงค์เดชเช่นเคยที่ต้องเอ่ยห้ามปรามเจ้าลูกชายจอมแสบ
“เดี๋ยวสิพ่อ ผมเกือบลืมไปเลย คุณแม่ยายครับนี่รังนกชั้นดีทำจากน้ำลายนกร้อยปี ที่กินแล้วผิวคุณแม่ยายเต่งตึงไปทั่วทั้งตัวไปเว้นแม้กระทั่งหูเลยนะครับ”
“พะ…พยัคฆ์ นี่เธอแกล้งน้าอย่างนั้นเหรอ”
อัมภายกมือขึ้นทาบอก เธอไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กแสบคนนี้จะเล่นงานเธอตลอดเวลา คำพูดที่แสนจะจิกกัดและใบหน้าที่หยักคิ้วขึ้นด้วยความกวนประสาทขั้นสุด ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นบีบขมับที่เริ่มจะปวดร้าวขึ้นมา
“เปล่านะครับ ผมแค่ห่วงคุณแม่ยายเท่านั้น”
“พี่พยัคฆ์ รันดาว่าเราไปกันเถอะค่ะ ทางนี้ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันจะดีกว่า เราอย่าไปยุ่งเลยค่ะ”