บทที่1.มาเฟียแห่งโรม 3/4
“นายได้ยินข่าวแบบนี้นานรึยัง”
“ประมาณสามเดือนก่อนที่ดอนจะเปิดท่าเรือน้ำลึกครับ”
“งั้นรึ ดอนมิคาเอลเป็นคนหนุ่มไฟแรงก็จริง แต่นี่มันไม่ใช่วิสัยของการ์เซียน่าที่จะมาทำร้ายคอลิเอโน่โดยไม่มีสาเหตุ ส่งใครก็ได้เข้าไปแทรกซึมที่การ์เซียน่าที ล้วงความลับมาแล้วฉันจะบอกเองว่าต้องทำยังไงต่อ” เฟรโดสั่งการเสียงเข้ม ดวงตาสิงห์ร้ายเปล่งประกายกระหายเลือด เมื่อคิดจะกวาดล้างครั้งเดียวให้สิ้นซาก ถ้าการ์เซียน่ากล้ากำแหงก็คงต้องสู้
“ครับดอน”
“อีกนานไหมกว่าจะถึงบ้าน ให้ใครจับตัวไอ้หมอนั่นออกมารอข้างสระน้ำเลย ฉันจะเค้นความจริงกับมันเอง” เฟรโดสั่งการครั้งสุดท้ายก่อนจะพริ้มเปลือกตาหลับลงอีกครั้ง การพักผ่อนอันแสนระทึกทำให้ชายหนุ่มสูญเสียพลังในร่างกายเกือบทั้งหมด เขาต้องโรมรันกับนางแบบทรวดทรงอะร้าอร่ามนับสิบชีวิต แทบจะหมดแรงเลยทีเดียว เสียงครางระโหยของสาวสะคราญทำให้ชายหนุ่มฮึกเหิม เขาทุ่มเทแรงกายปรนเปรอพวกหล่อนจนหลับพับคาเตียง มุมปากหนาหยักยกยิ้มสมใจเกมรักดุเดือดเลือดพล่านฝังอยู่ในทุกอณูผิวกาย มันเป็นการระบายความร้อนแรงในตัวเองให้หายไปกับเกมกามา
คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งเด่นตระหง่านกลางโรม ‘คฤหาสน์คอลิเอโน่’ ของดอนหนุ่ม รถยนต์ตีวงเลี้ยวตามถนนที่ทอดยาวจนถึงหน้าประตู มีกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนรอรับการกลับมาของผู้มีอำนาจ ชุดสูทสีดำสแนบเนื้อ กระชับทุกสัดส่วน เผยให้เห็นมัดกล้ามตึงแน่น เฟรโดเบี่ยงปลายเท้าก้าวลงจากรถยนต์ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงยืนแหงนมองไม้กางเขนเหนือยอดตึก
“เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม”
“ครับดอน”
“ดีมาก ไปเถอะฉันอยากพบหนอนเน่าคนนั้นเสียหน่อย ดูสิว่าเราจะได้อะไรเพิ่มจากการเค้นคอมัน” เฟรโดเดินนำหน้าโดยมีการ์ดเดินตามมาห่างๆ
“ปล่อยผมนะ ผมไม่รู้เรื่องจับผมมาทำไม ผมจะแจ้งความให้ตำรวจจับพวกคุณทั้งหมด อย่าให้ผมหนีออกไปได้นะ!!” ปากจิ้มลิ้มป่าวร้องก่นด่าหนุ่มหน้าตายรอบๆ ตัว เสียงกรีดร้องดังก้องแต่ชายหนุ่มทุกคนกลับยืนเฉยปล่อยให้ เด็กน้อยวัยละอ่อนกรีดร้องโวยวาย น้ำตาไหลทะลักเพราะความหวาดกลัวเมื่อมองไม่เห็นทางรอด
อนงค์นาง ปาล์เมียสาวลูกครึ่งไทย-อิตาลีโวยวายเสียงสั่น เธอหวาดกลัวคนแปลกหน้าที่ยืนล้อมอยู่รอบตัว เพราะสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากทุกๆ คนที่ยืนอยู่รอบตัว เธอตัวสั่นเทาฟันกระทบกันดังกึกๆ เนื้อตัวสั่นสะท้านทั้งโวยวายต่อว่าแต่ไม่มีใครสักคนสนใจ ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา น้ำอุ่นซ่านในหน่วยตาไหลร่วงเมื่อคิดถึงบิดาบังเกิดเกล้า อนงค์นางยอมทำตามคำขอของผู้มีพระคุณ ผลตอบแทนที่ได้คือเม็ดเงินมหาศาลที่เธอหวังจะใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลอัลเฟรโด้ที่นอนเจ็บกระเสาะกระแสะอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ โรคร้ายที่บิดาเป็นอยู่กำลังจะคร่าชีวิตผู้ให้กำเนิด ทำให้อนงค์นางยอมรับปากทำงานให้บุคคลผู้นั้น เพราะต้องการสตางค์มาเยื้อชีวิตอัลเฟรโด้นั่นเอง
สองมือสั่นระริกยกขึ้นกอดลำตัวไว้แน่น ริมฝีปากสีซีดสั่นกึกกักเมื่อเหลือบมองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของดอนเฟรโดผ่านเข้ามาในม่านน้ำตา อนงค์นางทรุดนั่ง เธอเริ่มสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในใจ กิตติศัพท์ความโหดเหี้ยมของดอนหนุ่มเป็นเหมือนตำนานที่เล่าสู่กันฟังถึงความน่าสะพรึงกลัว ดวงตาปานสิงห์หนุ่มมองตรงมา ยิ่งทำให้อนงค์นางแทบสิ้นสติ ความรักตัวกลัวตายยังอยู่ในกมลสันดาน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับดอนหนุ่มชะตาชีวิตของตัวเองคงถึงฆาต และคงหมดลมหายใจลงในวันนี้
“พ่อจ๋านางลาล่ะค่ะ พ่อดูแลตัวเองดีๆ นะนางคงอยู่ดูแลพ่อไม่ได้อีกแล้ว” ความผิดอุกฉกรรจ์ที่ก่อไว้ คงไม่สามารถรักษาลมหายใจไว้ได้ เธอจึงอำลาบุพการีฝากสายลมไป สายน้ำตาอุ่นร้อนไหลร่วงปานน้ำฝน อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าคงจะสิ้นลมหายใจ
“ออกไปให้หมด ขอฉันคุยกับมันแค่สองคน” น้ำเสียงเย็นชาสั่งโดยที่ไม่เหลือบสายตามองใครๆ
“แต่…”
“ออกไป!”
“ครับ”