บทที่1.มาเฟียแห่งโรม 4/4
การ์ดหนุ่มฉกรรจ์นับสิบชีวิตถอยกรูดไม่เป็นกระบวน เมื่อเสียงทรงอำนาจตวาดก้อง อนงค์นางทรุดฮวบแข้งขาอ่อนยวบมีร่างสูงใหญ่ยืนค้ำคออยู่เบื้องหน้า รังสีอำมหิตแผ่กว้างกระทบผิวกายเป็นระลอกๆ หญิงสาวแทบจะสิ้นสติ เธอก้มหน้าลงจนปลายคางจรดอกอิ่ม เสื้อผ้าหลวมโพรกขะมุกขะมอมเพราะควันไฟ หลังจากการวางเพลิงโกดังสินค้า อนงค์นางแทรกซึมเข้ามาทำงานที่ท่าเทียบเรือคอลิเอโน่ได้ 4-5 วันแค่นั้น ช่วงจังหวะพอเหมาะ เธอจึงทำการใหญ่ได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถพาตัวเองแหวกวงล้อมของคนดูแลออกมาได้ จึงถูกจับตัวเอาไว้ได้ในที่สุด หญิงสาวปลอมตัวโดยใช้ชุดเก่าๆ ปกปิดร่างกาย เธอยอมนอนกลางดิน กินกลางทรายจนมีโอกาสทำการสำเร็จลุลวง
เฟรโดหมุนตัวพิงเสาไฟริมสระน้ำขนาดใหญ่ ดวงตาคมดุเพ่งมองรูปกายที่ปิดบังอำพรางไว้อย่างพินิจพิเคราะห์ ดอนหนุ่มผ่านผู้หญิงมาจนนับไม่ถ้วนจึงมองออกเพียงแค่มองแวบแรก สาวน้อยวัยละอ่อนริอ่านลองดีกับคอลิเอโน่ มันจะต้องมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นเขาจะต้องเค้นคอให้รู้ความจริง
“เธอจะสารภาพได้หรือยังว่าใครเป็นคนบงการเธอ” เสียงเย็นๆ กล่าวถาม แฝงภัยคุกคามจนอนงค์นางตัวสั่นหนักขึ้นกว่าเก่า
“คุณๆ รู้…”
“เธอคิดว่าเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ แบบนั้นจะสามารถปกปิดสายตาฉันได้อย่างนั้นหรือหะ?”
“เปล่า นาง เอ่อฉันเปล่า”
“เธอชื่ออะไรล่ะ เวลาเธอตายไปฉันจะเขียนชื่อเธอได้ถูกต้อง”
“ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลยค่ะ ฉันทำเพราะความจำเป็น” อนงค์นางก้มกราบ สองมือยกพนม ร้องขอชีวิตพร้อมหยดน้ำตา
“ฉันก็ไม่ได้อยากฆ่าเธอหรอกนะ แต่สิ่งที่เธอทำ ฉันไม่สามารถให้อภัยได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นยอมสารภาพออกมาดีๆ ใครเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังเธอ”
“นาง เออ ฉันๆ บอกไม่ได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะ นึกว่าสงสารลูกนกลูกกาเถอะค่ะ”
“ตลกล่ะ เธอเผาโกดังฉันวอดวายเสียหายไม่รู้กี่ร้อยล้าน แล้วจะมาร้องขอชีวิตกันง่ายๆ แบบนี้ ฉันไมได้เป็นคนใจบุญขนาดนั้นหรอก ดอนเฟรโดเป็นสมญานามที่คนตั้งให้ฉัน แล้วเธอมาลูบคมฉัน ฉันปล่อยเธอลอยนวลอยู่ต่อคงถูกชาวบ้านนินทาลับหลังตายล่ะ”
“นางขอโทษ นางจำเป็นจริงๆ ค่ะ”
“เฮอะ! เธอมีความจำเป็นแล้วฉันล่ะ” เฟรโดหัวเราะเสียงกระหึ่มมองเด็กสาวด้วยแววตาเหมือนมีไฟแลบออกมา
“นาง…” อนงค์นางก้มหน้าลง ความตายกำลังกวักมือเรียก เมื่อตัดสินใจลงมือชีวิตก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย เธอไม่ได้เสียดายชีวิตเพียงแต่เสียใจเมื่อไม่ได้อยู่ดูแลบิดาอีกต่อไป
“บอกมาซะ ว่าใครบงการเธอ แล้วฉันจะพิจารณาอีกที ว่าเธอสมควรมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“ดอนจะฆ่านางก็ทำเถอะค่ะ นางบอกอะไรดอนไม่ได้จริงๆ” อนงค์นางยกมือป้ายน้ำตาบนหน้า กัดฟันพูดบอกชายหนุ่มเมื่อไม่มีทางเลี่ยงหรือบ่ายเบี่ยงอะไรๆ ได้เลย
เฟรโดโมโหจนเส้นกระตุก ผู้หญิงบอบบางแต่ใจแข็ง ขนาดความตายมารออยู่ตรงหน้า ก็ยังไม่คิดจะปริปากพูดอะไร หล่อนก้มหน้ายอมรับความตายแต่โดยดี
ตูม! น้ำแตกกระจายเมื่อชายหนุ่มโมโหจัด เขาจับเรือนกายบอบบางเหวี่ยงลงกลางสระ พร้อมทั้งกอดอกมองดูผลงานด้วยแววตาเฉยชา
“อ่วยอ้วย…อ้วยอางอ้วย…” เสียงหวานดังกระอึกกระอัก น้ำทะลักเข้าปากไหลเข้ามาในคอ อนงค์นางตะเกียกตะกายสุดฤทธิ์ ดวงตาเหลือกโปนดิ้นรนสุดแรงกำลัง สองมือพุ้ยน้ำพยุงตัวเองไว้ ตั้งแต่จำความได้ เธอกลัวน้ำยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เลยไม่เคยเฉียดใกล้สระน้ำกว้างๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงว่ายน้ำไม่เป็น ร่างอ่อนบางค่อยๆ จมหายลงไปกลางสระโดยที่เฟรโดยืนมองอยู่ที่เดิม ด้วยแววตาเฉยชา
น้ำใสแจ๋วจนมองเห็นร่างของหญิงสาวค่อยๆ ดำดิ่งลงก้นสระ เฟรโดสบถออกมาเสียงดัง...ก่อนจะกระโจนตามลงไปติดๆ สองแขนแข็งแรงจ้วงพุ้ยสายน้ำสุดแรง ดำดิ่งลงไปฉุดดึงอนงค์นางขึ้นมาจากก้นสระอย่างทุลักทุเล
“ชิบ!” ตูม!
ชายหนุ่มหิ้วปีกร่างเล็กๆ ด้วยสองมือ จับเธอโยนขึ้นไปริมสระก่อนจะกระโดดขึ้นตามมาติดๆ หน้าหล่อนขาวซีดเพราะขาดอากาศหายใจตอนที่จมลงสู่ใต้น้ำ ดอนหนุ่มยกปลายนิ้วอังตรงบริเวณปลายจมูกเล็กๆ ลมหายใจของเด็กสาวรวยรินเหมือนจะขาดรอนๆ
“ฟื้นสิยัยบ้า ใครอนุญาตให้เธอตาย เธอยังไม่คายความลับออกมาสักอย่าง ฉันยังไม่ยอมให้ตายหรอก ฟื้นขึ้นมาสิวะ!”