บทที่ 3
พีคอค รีสอร์ท แอนด์ สปา...
ผู้เป็นเจ้าของรีสอร์ทระดับสี่ดาวแห่งนี้ ถึงกับกุมขมับ กับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักรายหนึ่ง
ริวา อัล จอร์โคร์ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากเข้ามาพักในรีสอร์ทได้แค่เพียงห้าวันเท่านั้น ทว่าหนุ่มน้อยคนนี้ กลับจ่ายค่าห้องพักไว้ล่วงหน้าถึงหนึ่งเดือนเต็ม
จำนวนเงินค่าห้องพักที่ริวาจ่ายไว้ล่วงหน้า ไม่ได้ทำให้ทางรีสอร์ทดีใจแม้แต่นิดเดียว ที่จะได้กินเปล่าจากเงินค่าห้องพักก้อนโตก้อนนี้ เพราะในทุกๆ วันจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอค้นห้องพัก ขอสอบปากคำทั้งเธอ ลูกน้อง และแขกบางคนภายในรีสอร์ท จนแขกบางรายถึงกับเบื่อหน่ายขอย้ายออกจากรีสอร์ท
ตำรวจ ที่มาขอค้นห้องพัก มาสอบปากเขา ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับเธอเท่ากับกลุ่มชายฉกรรจ์ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมองดูไม่ต่างจากพวกทหารรับจ้าง ที่เข้ามาค้นห้องพักของริวาจนข้าวของกระจุยกระจาย และถ้าหากเธอไม่เอาปืนมาขู่ คนเหล่านี้คงได้ยิงตู้เซฟ และรีสอร์ทของเธอจนเละเป็นโจ๊กไปแล้ว
ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องทำงาน ส่งให้ผู้เป็นเจ้าของรีสอร์ทต้องเงยหน้าขึ้นจากการนั่งกุมขมับของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยอนุญาตออกไป
“เข้ามาได้ ประตูไม่ได้ล็อก”
ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกกว้าง ทว่าหาใช่เพราะฝีมือของลูกน้องในรีสอร์ทไม่! แต่เป็นเจ้าพ่อราเอล ที่เป็นฝ่ายเปิดประตูและก้าวเดินด้วยท่วงท่าองอาจ แผ่อำนาจความยิ่งใหญ่รอบตัว ขณะเดินเข้ามาในห้องทำงานแห่งนี้
“พวกคุณเป็นใคร ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้”
ทิมนิดาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชี้นิ้วกราดไล่อาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญ และไม่อยากเชิญให้เดินเข้ามาในรีสอร์ทของเธอด้วย เพราะเห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาดีแน่ โดยเฉพาะคนที่เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีดำ ซึ่งจ้องมองเธอเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ไม่ปาน
“คุณนกยูงครับ คนพวกนี้เขาต้องการพบคุณนกยูงครับ”
ลูกน้องในรีสอร์ทมีสีหน้าตื่นตกใจ ซึ่งก้าวตามหลังกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทสากลสีดำสนิท ได้เอ่ยบอกทิมนิดา ก่อนจะเอ่ยบอกในประโยคต่อมา
“ผมพยายามห้ามพวกเขาแล้ว และบอกให้รออยู่ที่ล็อบบี แต่พวกเขาไม่ฟังครับ”
ทิมนิดาพยักหน้ารับรู้ ไม่นึกโทษลูกน้องของตัวเอง พลางเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ “ออกไปก่อน เดี๋ยวนกยูงคุยกับพวกเขาเอง”
“ครับคุณนกยูง”
ราเอลไม่ได้สนใจว่าชายร่างท้วม ที่กำลังเดินออกไปจากห้องแห่งนี้ พอมีจังหวะ ก็เค้นเสียงถาม พร้อมกับออกคำสั่งเสียงห้วนจัด
“ใครเป็นเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ ให้ออกมาพบกับผมเดี๋ยวนี้”
“แล้วใครต้องการพบไม่ทราบ?”
แทนที่จะตอบคำถามทรงอำนาจ ทิมนิดาย้อนกลับเสียงแข็ง ถึงแม้จะหวาดกลัวกับสายตาพิฆาตของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นก็เก็บความหวาดกลัวไว้ในใจ จะไม่ยอมให้มาเฟียพวกนี้มาข่มขู่เธอได้ง่ายๆ
ราเอลถึงกับนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เมื่อถูกย้อนเสียงแข็ง นอกจากนั้นยังนึกไม่ถึงว่า หญิงสาวแสนสวยชวนพิศคนนี้ จะกล้าทำตาดุจ้องมองเขาเขม็งโดยไม่กะพริบตา
“ผมราเอล อัล จอร์โคร์ ต้องการพบกับเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้”
ราเอลเค้นเสียงตอบอย่างทรงอำนาจเช่นเดิม ขณะเดียวกัน ก็เดินดาหน้าเข้าหาเจ้าของร่างอรชร ซึ่งถอยกรูดไปหลายก้าว เพราะถูกรุกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ทิมนิดาเบิกตากว้างกับนามสกุลที่ได้ยิน ทว่าหาใช่เพราะรับรู้ถึงความเป็นมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ของราเอลไม่ แต่เป็นเพราะว่าเป็นนามสกุลเดียวกันกับหนุ่มน้อยที่ทำให้เธอต้องปวดหัวอยู่ทุกวัน
“อัล จอร์โคร์? คุณเป็นอะไรกับริวา อัล จอร์โคร์”
“ไม่ยักรู้ว่ารีสอร์ทแห่งนี้ ต้องซักประวัติของแขกที่จะเข้าพักในรีสอร์ทด้วย”
ราเอลเหน็บแนมทั้งน้ำเสียง สีหน้าและแววตา ที่จ้องมองอย่างเยาะหยัน
และนั่นก็ทำให้ทิมนิดาเริ่มโมโหกับการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของอีกฝ่าย “ปกติ ก็ไม่ต้องซักประวัติแขกที่เข้ามาพักในรีสอร์ทหรอกค่ะ แต่สำหรับคนที่ใช้นามสกุล อัล จอร์โคร์ คงต้องมีการซักถามกันยาวหน่อย เพราะคนตระกูลนี้ ทำให้ฉันปวดหัวและทำให้วุ่นวายไปทั้งรีสอร์ท”
“มันเป็นความสามารถพิเศษของคนในตระกูล อัล จอร์โคร์”
แทนที่จะโกรธกับคำเหน็บแนมของทิมนิดา ราเอลกับเอ่ยตอบอย่างทะนง สร้างความหมั่นไส้ โกรธกริ้วให้กับทิมนิดามากกว่าเดิม
“ค่ะ เป็นความสามารถพิเศษมากๆ เพราะคนในตระกูลนี้ ทำให้แขกของฉันหายหมดเกลี้ยง” ทิมนิดากัดฟันกรอด เค้นเสียงต่อว่าลอดไรฟัน
ราเอลยักไหล่ใส่อย่างยียวน ไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนในสิ่งที่ทิมนิดาบอกมา “ผมต้องการพบเจ้าของรีสอร์ท ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นยายแก่ๆ ที่ถือปืนขู่ลูกน้องของผม เธออยู่ไหน เรียกให้มาพบผมเดี๋ยวนี้”
ทิมนิดาแทบสำลักน้ำลายกับคำว่า ‘ยายแก่ๆ’ ซึ่งแน่นอนว่ามันหมายถึงเธอ ซึ่งเป็นคนถือปืนขู่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตั้งใจจะมารื้อค้นรีสอร์ทของเธอ
“ยายแก่ๆ ที่คุณว่า กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคุณยังไงล่ะคะ”
ขณะเอ่ยตอบ ใบหน้างามเชิดขึ้นไม่ต่างจากนางพญา ดวงตาคู่สวยยังจ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง
ราเอลเลิกคิ้วขึ้นสูง ขยับกายเข้าหามาใกล้ร่างบางอรชร ทอดสายตาจ้องมองทิมนิดา พร้อมกับเค้นเสียงเยาะหยันต่อ
“แน่ใจว่าคุณคือเจ้าของรีสอร์ท ที่ถือปืนขู่ลูกน้องของผม”
“ใช่ ฉันทิมนิดา เป็นเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้”
“น่าละอ่อนแบบนี้ ถามจริงๆ เถอะว่าบรรลุนิติภาวะหรือยัง ถึงกล้าถือปืนไว้ในมือ ระวังจะเจอข้อหาพกอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ราเอลแทบไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา จะเป็นคนที่กล้าถือปืนมาขู่ทหารรับจ้างหลายคน และที่สำคัญ ไม่อยากเชื่อว่าเดนตายที่เป็นลูกน้องของเขา จะหวาดกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ จนกระทั่งทำตามที่เขาสั่งไม่สำเร็จ ไม่สามารถเข้าไปเปิดเซฟในห้องพักของริวาได้
ทิมนิดากัดเม้มริมฝีปากไว้แน่น ขณะเดียวกันก็ไม่ลืม ก้าวเดินหนี เมื่อถูกร่างใหญ่กำยำเดินดาหน้าเข้าหา ไม่ต่างจากราชสีห์กำลังจะตะครุบเหยื่อ
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงในความปลอดภัยของฉัน ว่าแต่คุณเถอะ ยังไม่ตอบคำถามของฉัน ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับริวา อัล จอร์โคร์”
“ผมเป็นพ่อของริวา พอใจในคำตอบหรือยัง” ราเอลตอบเสียงดังชัดเจน ต้อนทิมนิดาจนเดินไปจนมุม หนีเขาไปไหนไม่ได้อีก
เมื่อถูกต้อนจนเดินหนีไปไหนไม่ได้ ทิมนิดาก็เริ่มหวาดกลัวจับใจ กระนั้นยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยไม่เผยอาการให้ราเอลได้เห็น
“ได้เจอผู้ปกครองของริวาสักทีก็ดีเหมือนกัน จะได้เรียกค่าเสียหายที่ริวาทำไว้กับรีสอร์ทของฉัน”
“ริวาทำอะไร” คราวนี้ราเอลถามเสียงห้วนจัดแทบจะทันทีที่ทิมนิดาพูดจบ
ทิมนิดาไม่ตอบในทันที เพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกว่ามีพื้นที่ให้เธอยืนน้อยเต็มที แถมยังหายใจติดขัดไม่ทั่วท้อง เมื่อมีสายตาคมกริบจ้องมองเขม็ง จนเกิดอาการแปลกๆ ขึ้นในตัวเธอ
“คุณถอยออกไปก่อนได้ไหม จะไปนั่งคุยกันที่โซฟาก็ได้”
“ไม่ ผมต้องการยืนคุยกับคุณตรงนี้”
ราเอลยืนกรานถึงความต้องการของตัวเอง เพราะรู้สึกชอบใจอยู่ไม่น้อย เมื่อได้กลิ่นกายสาวหอมระรินมาปะทะจมูก ขณะกำลังทะเลาะกับทิมนิดา
“บอกมาว่าริวาทำอะไรไว้ และกรุณาพูดความจริงทั้งหมด ห้ามใส่ร้ายริวาเด็ดขาด”
“ฮึ! ใส่ร้าย? ฉันจะใส่ร้ายแขกในรีสอร์ททำไม แต่ฉันกำลังจะบอกความจริงว่าริวาเช่ารถยนต์ของทางรีสอร์ท และตอนนี้เขาก็หายเงียบเข้ากลีบเมฆพร้อมกับรถคันใหม่ป้ายแดง ที่ฉันเพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำไป”
ทิมนิดายอมรับว่าเสียดายรถคันใหม่ที่เพิ่งซื้อมา และนอกจากนั้นก็ยังเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของหนุ่มน้อยที่เช่ารถจากทางรีสอร์ทไปด้วย
ราเอลถึงกับหันไปมองหน้าฟรานส์ เมื่อได้รับรู้ข่าวใหม่เกี่ยวกับริวา ซึ่งฟรานส์ได้ส่ายหน้าช้าๆ ราวกับต้องการบอกให้รู้ว่าเขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน
“คุณบอกว่าริวาเช่ารถยนต์ของคุณไป แต่ทำไมพวกผมไม่รู้เรื่องนี้เลย”
ทิมนิดาหรี่ตาลงเต็มไปด้วยความสงสัยกับคำถามของราเอล “คุณกำลังจะบอกฉันว่ารู้เรื่องทุกอย่างของลูกชายคุณเป็นอย่างดี ยกเว้นเรื่องการเช่ารถยังงั้นหรือคะ”
“ใช่ ผมรู้เรื่องทุกอย่างของริวา ยกเว้นเรื่องการเช่ารถยนต์ไปจากคุณ และต้องการรู้ให้ได้ว่าริวาเก็บอะไรไว้ในตู้เซฟบ้าง”
คำตอบของราเอลเป็นการบอกกลายๆ ว่าเขาต้องการทำอะไร และทิมนิดาก็เค้นเสียงปฏิเสธในทันที
“ถ้าคุณคิดจะเปิดเซฟโดยที่ไม่มีริวาอยู่ด้วย ก็ต้องบอกว่าฉันไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“ทำไม”
ราเอลถามเสียงห้วนๆ มือใหญ่เอื้อมไปคว้าต้นแขนเล็ก กระชากเต็มแรงจนร่างบางถลาเข้ามาใกล้ ได้กลิ่นกายหอมละมุนมากกว่าเดิม ทำเอาหัวใจของเขาถึงกับเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ให้ตายเถอะ ทำไมมือสั่น ใจสั่นแบบนี้ว่ะ’
ราเอลสบถถามตัวเองอยู่ในใจ พอทอดสายตาจ้องมองเรียวปากอิ่มสีกุหลาบที่อยู่ห่างไกลไม่กี่ปลายนิ้วสัมผัส ก็แทบอดใจไม่ไหว เกือบลืมตัวกระชากหญิงสาวมาบดขยี้จุมพิตตามที่หัวใจสั่งการ
ทิมนิดาพยายามบิดต้นแขนให้หลุดพ้นจากมือใหญ่ แต่ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด ก็ไม่สามารถหาอิสระให้กับตนเองได้
“นี่คุณ ปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้ จะมาจับแขนฉันไว้ทำไม”
“ตอบคำถามของผม นกยูง”
ราเอลไม่ได้ออกคำสั่งแต่ปากเท่านั้น มือใหญ่บีบต้นแขนเล็กไว้แน่น ดวงตาคมกริบแข็งกร้าว ถลึงมองทิมนิดาไม่กะพริบตา