บทที่ 2
‘พ่อครับ อีกไม่กี่วันก็จะซัมเมอร์แล้ว ผมอยากไปเที่ยวครับ’
ริวา อัล จอร์โคร์ หนุ่มน้อยในวัยสิบแปดปี ได้เอ่ยร้องขอกับบิดา ซึ่งไม่ได้สนใจคำขอของลูกชาย เพราะราเอลกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับงานที่เอากลับมาทำที่บ้านด้วย
‘อยากไปเที่ยว ก็ไปสิริวา จะมาบอกพ่อทำไม’ ราเอลเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ โดยไม่ได้เงยหน้ามองสีหน้าของลูกชายแม้แต่นิดเดียว
‘ผมอยากให้พ่อพาผมไปเที่ยว ผมอยากไปเที่ยวกับพ่อครับ’ ริวายังคงต้องการเช่นนั้น เกือบสิบปีแล้ว ที่เขาและผู้เป็นพ่อไม่เคยได้ออกไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน
‘ทำไมต้องให้พ่อพาไปด้วย แกอยากไปเที่ยวก็ไปสิ’ ราเอลยังคงเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ ดวงตาคมกริบจับจ้องมองอยู่บนหน้าจอโน๊ตบุ้ค อ่านรายงานที่ลูกน้องกำลังส่งมาให้ผ่านทางอีเมล์
ริวาลอบกัดฟัดแน่น มองโน๊ตบุ้คสลับกับใบหน้าของผู้เป็นบิดา พลางเอ่ยบอกต่อ โดยได้แต่หวังว่าบิดาจะให้ความสนใจเงยหน้ามองหน้าเขาบ้าง
‘ผมอยากไปเที่ยวกับพ่อจริงๆ นะครับ เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะครับ...พ่อ’
‘อย่าทำตัวเป็นลูกแหง่ ริวา! หากแกอยากไปเที่ยวก็ไปได้เลย บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดก็มี แกสามารถรูดหรือกดเงินสดมาใช้ได้ไม่อั้น หรือถ้าหากแกอยากมีเพื่อนไปเที่ยวด้วย ก็พาลูกน้องในบ้านไป จะพาไปแค่คนสองคน หรือพาไปแบบยกทั้งบ้าน พ่อก็ไม่ว่า’
งาน! ที่อยู่ตรงหน้ามีความสำคัญกับราเอลเสมอ และนั้นส่งให้ริวาเกิดอาการโกรธระคนน้อยใจบิดาเป็นอย่างมาก จนแทบเก็บอาการโกรธเอาไว้ไม่อยู่
‘พ่อครับ เงยหน้าคุยกับผมสักครู่ได้ไหม’
ราเอลเงยหน้าขึ้นตามน้ำเสียงที่ขอร้องห้วนๆ ซึ่งสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ กับการถูกออกคำสั่งโดยลูกชาย
‘ทำไม ริวา นายคุยกับพ่อยังไม่จบอีกหรือ’
ริวาเกิดอาการตัวสั่นกับน้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างราบเรียบ ทว่าเป็นไปด้วยอำนาจบารมีที่ทำให้ลูกน้อง และคนที่เป็นลูกอย่างเขาเกิดอาการหวาดกลัวได้
‘เอ่อ...ยังไม่จบครับ’ ริวาทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ‘ผม...ยังยืนยันคำเดิมคือ...อยากให้พ่อไปเที่ยวกับผมด้วย’
เมื่อลูกชายทำตัวไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง ราเอลก็ชักรำคาญ และเหนือกว่านั้นคือความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาบ้าง ร่างใหญ่ล่ำสันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เค้นเสียงถามริวาเสียงห้วนจัด
‘พ่อนึกว่าแกเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดไปแล้วซะอีก แกยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตเหมือนเดิมนะ ริวา’
‘ผมแค่อยากไปเที่ยวกับพ่อ...’
‘แกคงลืมไปว่าตัวเองอายุสิบแปดปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้พ่อเดินจูงมือแก ตะลอนเที่ยวไปทั่วเมืองเหมือนตอนแกอายุแค่แปดขวบ’
ราเอลเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนที่ริวาจะทันพูดจบ จากนั้นก็ทรุดกายลงนั่ง ให้ความสนใจกับงานที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่มองสีหน้าของลูกชาย ขณะเอ่ยพูดในประโยคต่อมา
‘แกอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ไปได้เลยริวา เดี๋ยวพ่อจะสั่งให้ฟรานส์เพิ่มวงเงินในบัตรเครดิตของแกเป็นแบบไม่จำกัด แกจะได้เที่ยว กิน ให้หนำใจ’
‘เงิน! ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ สิ่งที่ผมต้องการคือพ่อต่างหาก’
ริวาร้องตอบอยู่ในใจด้วยความน้อยใจ กี่ปีแล้ว ที่พ่อให้ความสำคัญกับงาน จนลืมไปแล้วว่ามีเขาเป็นลูก!
‘พ่อครับ...’
‘ออกไปได้แล้วริวา พ่อมีงานต้องทำอีกมาก ไม่มีเวลามาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของแก’
‘งาน งาน ชีวิตของพ่อมีแต่งาน ของพวกนี้ใช่ไหม ที่มันแย่งพ่อไปจากผม’
ถ้อยคำที่ถูกผู้เป็นพ่อออกปากไล่ สร้างความน้อยใจและโกรธเคืองสุดขีด จนกระทั่งขาดสติ ทำในสิ่งที่ตัวริวาเองก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำเช่นนั้น
โครม!!!
เพล้ง!!!
โน๊ตบุ้คถูกจับทุ่มลงกับพื้น โทรศัพท์มือถือถูกคว้ามาถือไว้ก่อนจะขว้างทิ้งเต็มแรงด้วยฝีมือของริวา
‘ริวา!’
ราเอลโกรธจัด เมื่อมองสภาพของโน๊ตบุ้คและโทรศัพท์มือถือ ซึ่งไม่อยู่ในสภาพเดิมให้ใช้งานได้อีกต่อไป และเพราะความโกรธจัด ราเอลจึงทำในสิ่งที่เรียกว่าเป็นความผิดมหันต์กับการลงไม้ลงมือกับริวา
ผัวะ!!!
เลือดแดงฉานไหลกบปากของริวาในทันที ที่ถูกมือใหญ่ของบิดาซัดลงไปบนใบหน้าของเขาเต็มแรง
ไม่มีการเช็ดเลือดออกจากปาก ไม่มีการร้องโอดครวญเพราะความเจ็บปวด คงมีแค่เพียงดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองผู้เป็นพ่อเขม็ง และคำพูดสุดท้ายที่ริวาลั่นวาจากับผู้เป็นพ่อ ยังคงดังกึกก้องอยู่จนถึงวินาทีนี้
‘ผมเกลียดพ่อ!’
“ริวา รู้ไหมว่าพ่อเป็นห่วงแกมากแค่ไหน”
ราเอลพึมพำออกมาเบาๆ พยายามลืมเหตุการณ์ในคืนที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับลูกชาย ทว่าความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นอยู่ในใจ ไม่อาจทำให้เขาลืมได้แม้วินาทีเดียว
ฟรานส์ถอนหายใจยาว เมื่อได้ยินคำพึมพำของผู้เป็นเจ้านาย เขารู้ว่าเจ้านายเป็นคนปากหนัก และเพราะชีวิตเดินอยู่บนเส้นทางของความเป็นเจ้าพ่ออยู่ตลอดเวลา ราเอลจึงเป็นห่วงลูกชายมากที่สุด แต่กระนั้นก็ไม่เคยบอกให้ริวารับรู้ เพราะเขาต้องการให้ริวาเติบโตบนเส้นทางมืดอย่างแข็งแกร่ง และต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้
แต่ความต้องการของราเอลก็ส่งผลในด้านลบ เพราะนั่นทำให้ริวาคิดว่า พ่อ! ไม่เคยรักเขาเลย
“เจ้านายครับ สักวันคุณริวาจะต้องเข้าใจในสิ่งที่เจ้านายทำลงไป”
“เราหวังว่าเราจะมีโอกาสได้บอกสิ่งเหล่านี้ให้ริวาได้รับรู้”
ใช่! เขาหวังว่าริวาจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ และกลับมาอยู่กับเขาอีกครั้ง หากริวาเป็นอะไรไป เขาคงไม่กล้าไปเคารพหลุมศพของอดีตภรรยาอีก
“คุณริวาจะต้องไม่เป็นอะไรครับ” นาทีนี้สิ่งที่ลูกน้องอย่างฟรานส์ทำได้ดีที่สุด คือการเอ่ยปลอบใจให้ผู้เป็นเจ้านายรู้สึกผิดน้อยลง
ราเอลพยักหน้ารับ แสดงความขอบใจให้เห็นผ่านดวงตาคมกริบทั้งคู่ ขณะจ้องมองผู้เป็นลูกน้อง ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายต่อ
“ฟรานส์ นายบอกว่าริวาไปพักอยู่ที่ภูเก็ต รีสอร์ทของหญิงแก่คนนั้นชื่ออะไร”
“พีคอค รีสอร์ท แอนด์ สปา ครับเจ้านาย”
“พีคอด? (Peacock) ที่หมายถึงนกยูงยังงั้นหรือ” ราเอลเอ่ยถามลอยๆ คาดเดาว่าชื่อของรีสอร์ทแห่งนี้น่าจะหมายถึงนกยูง!
“ผมคิดว่าน่าจะใช่นะครับเจ้านาย เพราะผมดูรายละเอียดรีสอร์ทของเธอ มีสัญลักษณ์ของนกยูงรำแพนอยู่ด้วยครับ”
ราเอลกระตุกยิ้มอยู่ตรงมุมปาก เมื่อนึกถึงคำรายงานของฟรานส์ที่บอกว่าผู้เป็นเจ้าของไม่ยอมให้เข้าไปเปิดเซฟภายในรีสอร์ท
“ดี! ถ้ายังงั้นเราจะเป็นคนเด็ดปีกนกยูงตัวนี้เอง ให้รู้ซะบ้างว่าไม่ควรขัดใจราเอล อัล จอร์โคร์!