บทย่อ
ราเอล อัล จอร์โคร์ มาเฟียร้ายแห่งเมืองอิตาลี เดินทางมาประเทศไทยเพื่อตามหาลูกชายที่หนีออกจากบ้าน ทิมนิดา เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องการหายตัวไปของลูกชายเขา แต่! หญิงสาวกลับปิดบังทุกอย่างไว้ เมื่อราเอลรู้ความจริง ว่าทิมนิดาเป็นคนทรยศ เขาจึงไม่ลังเลที่จะลงทัณฑ์คนทรยศด้วย ‘ไฟสวาท’ อย่างสาสม!
บทที่ 1
‘ริวา อัล จอร์โคร์ หนุ่มน้อยวัยสิบแปดปี ทายาทคนเดียวของ ราเอล อัล จอร์โคร์ อภิมหาเศรษฐีในอิตาลี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากมาเที่ยวในประเทศไทยได้ไม่กี่วัน’
‘ตำรวจทั้งในประเทศไทยและอิตาลี คาดว่าการหายตัวไปของราเอลจูเนียร์ จะเป็นการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่’
‘สำนักข่าวทั่วโลกเสนอข่าวการหายตัวไปของราเอลจูเนียร์ ในขณะที่ราเอล อัล จอร์โคร์ เจ้าพ่อผู้กุมบังเหียนธุรกิจค้ารถยนต์รายใหญ่ในอิตาลี ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้’
โครม!!!
เสียงของผู้ประกาศข่าวจากสำนักข่าวหลายช่อง ขาดหายไปพร้อมๆ กับรีโมทโทรศัพท์ ซึ่งผู้ที่กำลังตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งในทุกสำนักข่าว และบนหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทั่วโลก ได้ขว้างทิ้งเต็มแรงตามอารมณ์โกรธและแค้นจัด โดยไม่สนใจว่ารีโมทจะลอยไปเกือบปะทะกับใบหน้าของลูกน้องที่กำลังเดินมาหาตนเอง
และเมื่อลูกน้องเดินเข้ามาใกล้ ราเอล อัล จอร์โคร์ เจ้าของมือใหญ่ ซึ่งกำลังตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ก็เล่นงานคนที่เป็นลูกน้องในทันที
“เราจำได้ว่าสั่งให้ปิดข่าวของริวาให้เป็นความลับ แต่ทำไมถึงมีข่าวเล็ดลอดไปเข้าหูของพวกนักข่าวได้”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างเย็นยะเยือก ดวงตาคมกริบที่จ้องมองเขม็งพร้อมกับเปลวไฟของความพิโรธ ที่เผยออกมาจากดวงตาคู่นี้ ทำเอาคนที่ลูกน้องถึงกับตัวสั่น เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกัก
“เอ่อ...คือ...ผมพยายามปิดข่าวของคุณริวาแล้วครับ แต่...”
“นายปิดข่าวได้เงียบมาก เงียบไม่ต่างจากป่าช้าแตก เพราะตอนนี้คงไม่มีใคร ไม่รู้ข่าวว่าริวาหายตัวไปจากประเทศไทย”
ราเอลประชดแทรกขึ้นมา ก่อนลูกน้องจะทันแก้ต่างให้กับตัวเองจบ ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธจัด ยังคงจ้องมองเขม็งไปยังตัวลูกน้องที่ทำงานผิดพลาดอย่างมหันต์
“ผมขอโทษครับเจ้านาย ผมสาบานได้ว่าพยายามสั่งปิดข่าวทุกวิธีทาง แต่ข่าวของคุณริวาก็เล็ดลอดไปเข้าหูของนักข่าวจนได้” ฟรานส์เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดกับการทำงานที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ในคราวนี้
“นายรู้ใช่ไหม ฟรานส์ ยิ่งนักข่าวรู้ และเสนอข่าวการหายตัวไปของริวามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ริวาตกอยู่ในอันตรายมากเท่านั้น”
คราวนี้ น้ำเสียงของเจ้าพ่อผู้ทรงอำนาจแห่งเมืองอัซซูรี (Azzurri) เต็มไปด้วยความกังวล และเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของลูกชายเพียงคนเดียวของเขา
ฟรานส์พยักหน้ารับคำ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลไม่แพ้กัน “ครับเจ้านาย ผมทราบดีครับ ตอนนี้ผมพยายามปิดปากของนักข่าวให้หุบปากให้สนิทที่สุดครับ”
ราเอลรู้ดีว่า อะไร? ที่สามารถใช้ปิดปากของนักข่าวได้ดีที่สุด “จัดการปิดปากของนักข่าวทุกคน ทุกสำนักข่าว ทั้งในอิตาลี และในประเทศไทย ไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากเท่าไร ก็อย่าสนใจ ขอแค่เพียงคนเหล่านี้อย่าเสนอข่าวของริวาอีกก็พอ”
“ครับ ผมจะทำตามที่เจ้านายสั่งครับ”
ฟรานส์รับคำ ซึ่งเขาเริ่มทำตามคำพูดของผู้เป็นเจ้านายมาบ้างแล้ว นักข่าวหัวเห็ดในอิตาลีหลายๆ คนได้รับเงินก้อนโต เพื่อให้หยุดทำข่าว หยุดขุดคุ้ยเรื่องการหายตัวไปอย่างลึกลับของริวา อัล จอร์โคร์ ผู้เป็นทายาทพันล้านของตระกูลอัล จอร์โคร์
ราเอลเผยสีหน้าพอใจให้เห็นระดับหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามลูกน้องต่อ “คนของเราทำงานไปถึงไหนแล้ว ได้ข่าวของริวาบ้างหรือยัง”
“ข้อมูลล่าสุดที่ผมได้รับจากคนของเรา เขาบอกว่าคุณริวาไปพักอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดภูเก็ตครับ”
“ริวาพักอยู่กี่วัน”
“ห้าวันครับเจ้านาย แต่คุณริวารูดบัตรเครดิต สำหรับจ่ายค่าห้องพักในรีสอร์ทแห่งนี้ไว้หนึ่งเดือนครับ”
“นายมีข้อมูลการใช้บัตรเครดิตของริวาที่ไหนบ้าง”
แม้น้ำเสียงที่เอ่ยถามจะราบเรียบ ทว่า...ฟรานส์ซึ่งทำงานและอยู่รับใช้เจ้าพ่อผู้นี้ ตั้งแต่ราเอลก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ ที่ใครๆ ก็หวั่นเกรงและยอมสยบให้ รู้ดีว่านาทีนี้ ราเอลกำลังเป็นห่วงลูกชายของเขาเป็นอย่างมาก
“ครั้งแรกคุณริวารูดบัตรในกรุงเทพฯ และกดเงินสดจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มากสักเท่าไร จากนั้นก็มีข้อมูลการรูดบัตรในรีสอร์ทที่ภูเก็ต ที่ผมบอกเจ้านายไป แต่คราวนี้คุณริวากดเงินสดค่อนข้างมากกว่าปกติครับ”
“เท่าไร ริวากดเงินออกมาเท่าไร”
ราเอลไม่ได้สนใจจำนวนเงินเพราะว่าเสียดายเงินจำนวนเหล่านี้ แต่! กำลังเป็นห่วงลูกชาย เพราะการถือเงินสดเป็นจำนวนมากอยู่ในมือ ใช่ว่าจะดีนักสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวแค่เพียงลำพังอย่างริวา
“ห้าแสนบาทครับเจ้านาย” ฟรานส์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
และคนที่รอฟังคำตอบถึงกับเบิกตากับจำนวนเงินที่ได้ยิน “ห้าแสน! ครึ่งล้าน! บ้าชะมัด ริวาไม่รู้หรือยังไงกันว่าไม่ควรกดเงินมาเก็บไว้กับตัวมากขนาดนี้”
“นั่นนะสิครับเจ้านาย คุณริวาน่าจะรู้ว่าไม่เป็นการดีสักเท่าไร ที่มีเงินสดติดตัวมากถึงเพียงนี้”
“ริวาจ่ายเงินค่ารีสอร์ทไว้หนึ่งเดือน แต่เขาพักอยู่แค่ห้าวัน ก่อนจะขาดการติดต่อกับเรา และหายตัวไป นายเช็คข้อมูลการใช้บัตรเครดิตแล้วใช่ไหมว่าริวาไม่ได้รูดบัตรที่ไหนอีก”
“ครับเจ้านาย หลังจากจ่ายค่ารีสอร์ทแล้ว ไม่มีข้อมูลการใช้บัตรเครดิตอีก และไม่มีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของคุณริวาด้วยครับ”
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับริวา แค่เพียงเอ่ยชื่อเจ้าพ่อราเอล อัล จอร์โคร์ ออกไป ฟรานส์ก็จะได้ข้อมูลทุกอย่างตามที่เขาต้องการนำมารายงานให้เจ้านายทราบ
“คนของเราเข้าไปดูในรีสอร์ทที่ริวาพักอยู่หรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย”
“แล้วได้เรื่องไหม”
“ของใช้ส่วนตัวของคุณริวาอยู่ครบทุกอย่าง แต่เอกสารสำคัญไม่ว่าจะเป็นพาสปอร์ต บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม หรือกล้องถ่ายรูปหายไป ซึ่งพวกเขาไม่แน่ใจว่าคุณริวาเก็บของพวกนี้ไว้ในตู้เซฟหรือเปล่า”
ฟรานส์รายงานให้เจ้านายฟัง ซึ่งลูกน้องที่เขาและราเอลกำลังพูดถึงคือทหารรับจ้าง ซึ่งเป็นพวกเดนตายทั้งสิ้น ทว่าพวกเขาเหล่านี้จงรักภักดีต่อราเอล นั่นก็เป็นเพราะว่าได้รับการเลี้ยงดูจากราเอลเป็นอย่างดี
ราเอลแสดงอาการไม่พอใจให้เห็นกับคำรายงานล่าสุดของฟรานส์ น้ำเสียงที่เอ่ยถามในประโยคต่อมาจึงเริ่มแข็งห้วนตามอารมณ์ที่ปะทุเดือดขึ้นมาทีละนิด
“ไม่แน่ใจว่าริวาเก็บของไว้ในเซฟ? หมายความว่าคนของเรายังไม่ได้เปิดเซฟใช่ไหม”
“ครับเจ้านาย”
“ทำไม? ทำไมถึงยังไม่เปิดเซฟ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามห้วนจัด พอๆ กับใบหน้าคมเข้มถมึงทึง ดวงตาวาวโรจน์เพราะความโกรธและไม่พอใจกับการทำงานของลูกน้อง
“คือว่า...เจ้าของรีสอร์ทไม่ยอมให้คนของเราเปิดเซฟครับ” คำตอบของฟรานส์ไม่ได้ทำให้ราเอลพอใจแม้แต่นิดเดียว
“แค่เจ้าของรีสอร์ทเพียงคนเดียว ทำไมถึงจัดการไม่ได้!”
เพราะความเคยชิน หากอยากได้อะไร เจ้าพ่ออย่างราเอลต้องได้รับในสิ่งที่ต้องการเสมอ เมื่อลูกน้องทำงานไม่ได้ดั่งใจ ก็ยิ่งโกรธจัดไม่ต่างจากราชสีห์กำลังพิโรธ
“คนของเราบอกว่า เจ้าของรีสอร์ทมีปืนอยู่ในมือ เธอยืนขวางทางเข้าประตูไว้ ขู่ว่าหากใครเข้าไปรื้อค้นภายในรีสอร์ทอีก และหากพยายามจะเปิดเซฟให้ได้ เธอจะยิงไม่เลือกหน้า”
“แค่เจ้าของรีสอร์ทแก่ๆ คนหนึ่งถือปืนขู่ เดนตายพวกนี้ก็กลัวหัวหดไม่ยอมเข้าไปเปิดเซฟ เลี้ยงเสียข้าวสุก!”
“ผมคิดว่าคงมีอะไรมากกว่านั้น คนของเราถึงไม่กล้าเข้าไปเปิดเซฟในรีสอร์ท” ฟรานส์พยายามแก้ต่างให้กับลูกน้อง แต่ราเอลไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
“พวกนี้เป็นเดนคน เป็นทหารรับจ้าง เรานึกภาพไม่ออกว่าผู้ชายตัวใหญ่ไม่ต่างจากยักษ์ปักหลั่น ทำไมถึงหวาดกลัวหัวหดกับหญิงแก่ๆ แค่เพียงคนเดียว”
“เอ่อ...ผมก็ไม่ทราบ...”
“พอแล้วฟรานส์ ไม่ต้องแก้ตัวให้ลูกน้องอีกแล้ว เหม็นขี้ฟัน” ราเอลยกมือห้าม พร้อมกับเค้นเสียงสั่งแทรกออกมาก่อนฟรานส์จะพูดจบ
“เราจะเป็นคนไปเปิดเซฟในรีสอร์ทแห่งนั้นเอง ให้มันรู้ไปว่าเจ้าพ่ออย่างเราจะเอาชนะผู้หญิงแก่ๆ เพียงคนเดียวไม่ได้”
ในเมื่อลูกน้องทำงานไม่ได้เรื่อง เจ้าพ่ออย่างราเอล ที่ไม่เคยยอมสยบให้กับใครหน้าไหน จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
ได้ยินคำพูดของผู้เป็นเจ้านายแล้ว ทำเอาฟรานส์ถึงกับขนหัวลุก นึกหวาดกลัวแทนเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ ที่กำลังจะตกอยู่ในอุ้มมือของราเอล อัล จอร์โคร์
“เจ้านายครับ เป็นไปได้ไหมครับ ที่คุณริวาอาจจะถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เหมือนที่ตำรวจทั้งในประเทศไทยและอิตาลีต่างก็คิดว่าเป็นนั้น”
ความกราดเกรี้ยวที่อยู่กับใบหน้าคมเข้มของราเอลจางหายไปในทันทีกับคำถามของฟรานส์ นาทีนี้มีความเป็นห่วง เป็นกังวลในตัวลูกชายเข้ามาแทนที่ มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง หลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อปิดบังความรู้สึกผิดไว้ ไม่ให้ฟรานส์เห็น ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาได้
“เราไม่แน่ใจ ว่าจะเป็นการจับตัวเรียกค่าไถ่หรือเปล่า”
“ผมสืบรู้มาว่าภูเก็ตเป็นแหล่งของมาเฟีย ทั้งที่เป็นคนไทยเอง หรือพวกชาวต่างชาติที่มาทำมาหากินที่นี่ และตั้งตัวเป็นใหญ่ เป็นมาเฟียคอยลักพาตัวนักท่องเที่ยวเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่งผมได้แต่หวังว่าคุณริวาจะไม่ถูกมาเฟียพวกนี้จับตัวไป”
“เราก็ภาวนาเช่นนั้น ฟรานส์ ภาวนาว่าอย่าให้ริวาเป็นที่ต้องตาต้องใจของมาเฟียพวกนี้ แต่เรายังมีความหวังว่าริวาอาจจะไม่ได้ถูกจับตัวไปก็ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง คนร้ายน่าจะติดต่อหาเราตั้งแต่วันแรกๆ ที่ริวาหายตัวไป”
ใช่! เขาได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี ภาวนาว่าลูกชายคนเดียวของเขาไม่ได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกมาเฟีย ที่มีอยู่ทั่วจังหวัดภูเก็ต
“ถ้าคุณริวาถูกจับตัวไป และหากพวกมันทำร้ายคุณริวา ผมจะตามล้างตามเช็ดมาเฟียพวกนี้จนถึงที่สุด”
คำพูดซึ่งเป็นไม่ต่างจากคำสาบานของฟรานส์ สร้างความพึงพอใจให้กับราเอลเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า ถ้าหากริวาเดินไปสะดุดตอ ถูกมาเฟียจับตัวไปจริง และหากคนเหล่านั้นทำร้ายริวาแม้แต่ปลายเล็บ คนอย่างราเอล อัล จอร์โคร์ เจ้าพ่อแห่งอัซซูรี จะไม่มีทางปล่อยพวกมันไว้เช่นเดียวกัน เขาจะจัดการคนที่ทำร้ายริวาชนิดที่ว่าถอนรากถอนโคนไม่ให้เหลือซาก!
“เราพยายามคิดในทางที่ดีว่า บางทีริวาอาจจะประท้วงเรา เรียกร้องความสนใจจากเรา จึงไม่ยอมติดต่อหาเราเลย”
ฟรานส์รู้ดีว่าเพราะเหตุใดผู้เป็นเจ้านายถึงได้พูดออกมาเช่นนี้ อีกทั้งรู้ว่าเจ้านายโทษว่าเป็นความผิดของตนเองทั้งหมด ที่ทำให้ลูกชายต้องหนีออกจากบ้าน
“เจ้านายครับ เจ้านายไม่ผิดหรอกครับ”
ราเอลมองหน้าฟรานส์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมา “เราเป็นคนผิด ฟรานส์ ถ้าหากเราไม่บ้างานเกินไป และหากเราไม่ลงมือทำร้ายริวาในคืนวันนั้น ริวาคงไม่หนีออกจากบ้าน หนีเรามาไกลถึงประเทศไทย”
“แต่ที่เจ้านายทำลงไปก็เป็นเพราะว่าเป็นห่วงคุณริวานะครับ” ฟรานส์พยายามพูดเพื่อให้ผู้เป็นเจ้านายรู้สึกผิดน้อยลงไปกว่าที่เป็นอยู่
“ใช่ เราห่วงริวา แต่บางครั้งเราก็ทำงานหนักเกินไป สนใจแต่เรื่องงาน จนไม่มีเวลาให้กับริวา”
ราเอลถอนหายใจยาว ขณะนึกถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่เขาทะเลาะกับลูกชายใหญ่โตจนบ้านแทบจะมอดไหม้ เพราะเพลิงโกรธที่มีต่อลูกชาย