บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 สอนใช้ชีวิต

เกือบ 2 เดือนแล้วที่ไป๋หลานใช้ชีวิตอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ๋นตอนนี้ร่างกายของนางกลับมาแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป เฟิ่งตามติดชีวิตของนางตลอดเวลาจนได้ยินเสียงเล่าลือว่าเฟิ่งหวงนั้นมีใจให้นาง

“เจ้าอยู่นี้เองข้าตามหาตั้งนาน” ซินอี้ไม่พอใจที่นางเข้ามาทำให้เฟิ่งหวงหวั่นไหวซินอี้ชอบเขามาเนิ่นนาน

“เจ้ามีธุระอันใดจะคุยกับข้า”

“ออกไปจากชีวิตของท่านพี่เฟิ่งหวง”

“เจ้ามีสิทธิ์อันใดที่มาสั่งคนอื่น” ไป๋หลานรู้นางแอบรักเฟิ่งหวงแต่ไม่ควรที่จะมาสั่งว่าผู้ใดมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่ข้างกายเขา

“ข้า ข้าเป็นคนสนิท”

“ภรรยาก็ไม่ใช่ น้องสาวก็ไม่ใช่เจ้าควรให้เฟิ่งหวงเลือกเองไม่ใช่ไปบังคับใคร” ไป๋หลานเตรียมตัวจะเดินหนีแต่ถูกนางคว้าไว้และใช้มือตบเข้าไปที่แก้มของไป๋หลาน

“อย่ามาลองดีกับข้า”

เพียะ!

“กรี้ด” เสียงกรีดร้องของซินอี้ทำให้เฟิ่งหวงและเจ๋อหรานออกมาดูเห็นซินอี้กำลังกุมแก้มที่โดนตบเมื่อนางเห็นคนทั้งสองจึงแสร้งทำเป็นคนโดนรังแก

“ท่านน้านางตบข้าเจ้าค่ะ ข้าเจ็บ”

“เจ้าตบนางจริงหรือ”

เจ๋อหรานหันมาถามไป๋หลานเพื่อจะสอบถามความจริงนางจะไม่เข้าข้างใครแต่เหมือนว่าเฟิ่งหวงจะไม่เชื่อว่านางเป็นคนตบซินอี้ก่อนเพราะแก้มนั้นเริ่มแดงขึ้นมา

“ท่านแม่ท่านถามหาความจริงก่อนเถอะเหม่ยเหม่ยนางก็โดนตบเช่นเดียวกัน”

“ตามข้าไปที่กระโจม” ซินอี้นั่งร้องไห้เพื่อให้ทุกคนสงสารโดยเข้าไปอ้อนเจ๋อหรานเพื่อที่จะให้ลงโทษไป๋หลานอย่างสาสมที่ทำร้ายนาง

“ข้าแค่เข้าไปถามอาการป่วยของนางแต่โดนนางต่อว่าและตบเจ้าค่ะ” ซินอี้โกหกขึ้นมาแต่ตอนที่ทั้งสองทะเลาะกันมีคนได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

“ตอนเจ้าทำคนอื่นทำไมเจ้าทำได้ พอโดนทำบ้างกลับมาร้องห่มร้องไห้ขอความสงสาร จิตใจเจ้าหยาบกระด้างนักทำไมท่านแม่ของเจ้าถึงใจเย็นนัก” ไป๋หลานโกรธจนพาลต่อว่าซินอี้ทำให้อี้หรานที่นั่งฟังถึงกับจุกในคอ

“เจ้ากล้าว่าท่านแม่ไม่สั่งสอนข้าหรือ สามหาว!”

“เจ้านั่งลงเถอะซินอี้เรื่องนี้ข้ามีคนรู้เห็น อาเจิง!” เฟิ่งหวงเรียกอาเจิงออกมาเพราะเขาเห็นว่าอาเจิงอยู่บริเวณนั้นก่อนที่เขาจะไปถึง

“เจ้าเล่าความจริงมาเถิด”

“วินอี้ไปต่อว่าแม่นางเหม่ยเหม่ย ไม่ให้ไปยุ่งกับท่านพี่เฟิ่งหวงขอรับ พอแม่นางพูดไม่เข้าหูจึงลงมือก่อน” อาเจิงพูดตามที่ตัวเองได้ยินมา

“โกหกข้าไม่เคยพูดเช่นกัน ท่านแม่เจ้าคะ” ซินอี้หันไปหามารดาเพื่อให้ช่วยเพราะตอนนี้เหมือนทุกคนกำลังปกป้องไป๋หลานและให้นางเป็นคนผิด

“ข้าต้องขออภัยแทนลูกด้วยโปรดให้แม่นางอย่าถือสาเลย ข้าเลี้ยงลูกไม่ดีเอง” อี้หรานเอ่ยขออภัยเพราะนางเองที่ตามใจลูกสาวจนเกินไป

“ท่านน้าอย่าโทษตัวเองเลยท่านเลี้ยงลูกได้ดีทีเดียว”

แต่แค่ซินอี้ไม่เชื่อฟังผู้เป็นมารดาและเอาแต่ใจตัวเองเพราะไม่มีใครดุเวลาทำผิด

“เจ้าไปขอโทษเหม่ยเหม่ยซะ”

“ท่านแม่! ข้า ข้าขอโทษเจ้าด้วย” ซินอี้เก็บความเกลียดชังไว้ในใจและเดินออกไปจากกระโจมด้วยความไม่พอใจแถมยังโดนท่านแม่ต่อว่าอีก

“ขอคุณทั้งน้าทั้งสองที่ไม่ฟังความข้างเดียว”

“ข้าแก่แล้วข้าผ่านโลกมาก่อนเจ้าทั้งสอง” เจ๋อหรานส่งยิ้มให้นางและมองดูลูกชายตนเองที่เหมือนจะตกหลุมรักนางมากขึ้นทุกวัน

“เจ้าไปพักผ่อนเสียเถอะ หวงเอ๋อร์เจ้ารอแม่ก่อน”

“ขอรับท่านแม่” เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้วเจ๋อหรานจึงให้ลูกชายเข้ามานั่งใกล้ๆ ยิ่งโตยิ่งเหมือนกับผู้เป็นบิดายิ่งหนักเจ๋อหรานลูบศีรษะลูกชาย

“ลูกรักใครต้องรีบบอกอย่าลังเลเลย”

เพราะนางเคยเจอคนที่เลือกใครไม่ได้สักคนเช่นเดียวกับบิดาของลูกชายที่ไม่เลือกนางแต่เขากับเลือกทำเพื่อบ้านเมืองโดยไม่สนว่าใครจะเจ็บปวด

“ท่านแม่”

“ลูกรักนางก็จงบอกนาง” เจ๋อหรานดูออกว่าลูกชายตกหลุมรักไป๋หลานตั้งแต่แรกเจอนางอยากเห็นลูกมีความสุขไม่อยากให้ลูกทุกทรมานใจเช่นเดียวกับผู้เป็นแม่

“เหม่ยเหม่ยนางเป็นเด็กดียิ่งนักไม่ยอมคนแม่ชอบนาง”

“ลูกขอบใจท่านแม่ที่เข้าใจลูกขอรับ ลูก ลูกรักนางลูกอยู่ใกล้นางแล้วตรงนี้ของลูกเหมือนจะไม่ปกติ” เฟิ่งหวงไปที่หัวใจของตัวเองและกุมไว้

“ลูกตามไปดูนางเสียเถิด”

เฟิ่งหวงไม่รอช้าที่จะออกไปตามไป๋หลานพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าบ่งบอกว่าเขากำลังมีความสุขอย่างมาก

“เจ้ามาอยู่นี้เองตามข้ามา”

“ข้าปล่อยมือข้า” เฟิ่งหวงจับมือของนางและพาเดินเข้าป่าไปพร้อมกับธนูที่อยู่บนหลัง และมาหยุดที่ลานกว้างในป่าใหญ่และให้นางจับคันธนู

“เจ้าลองยิงดูข้าจะสอน” เฟิ่งหวงมายืนช้อนหลังนางยกมือขึ้นมาและจับคันธนูทำให้มือของทั้งสองสัมผัสกัน เฟิ่งหวงและนางอยู่ใกล้กันไป๋หลานได้ยินเสียงลมหายใจของเขา

“มีสติหน่อย” เฟิ่งหวงกระซิบที่ใบหูของนางเพื่อเรียกสติของนางและง้างธนูออกกว้างและเล็งไปที่เป้าหมายก่อนจะปล่อยลูกดอกให้ออกไปที่กลางเป้า

“เย้ๆ เจ้าเก่งมาก” ไป๋หลานดีใจออกมาตั้งแต่นางเป็นเด็กจนโตท่านพ่อก็ไม่เคยให้นางได้จับอาวุธเพราะมัวแต่ส่งไปร่ำเรียนในสมกับเป็นองค์หญิงเพียงองค์เดียวของตระกูลเพราะท่านพ่อมีลูกชายถึง 3 คน

“เจ้ายิงให้เข้าเป้า ข้าจะนั่งดู”

“แล้วถ้าข้ายิงไม่โดน”

“เจ้าก็ไม่ต้องกลับกระโจม” เฟิ่งหวงที่นั่งไปขอนไม้ไปนั่งดูนางที่ตั้งใจฝึกฝนเรียนรู้จนเขาเอ็นดูไม่น้อยแต่จนผ่านไปหนึ่งก้านธูปนางก็ยิ่งไม่เข้าเป้า

“ข้าปวดมือแล้ว”

“เจ้าไม่ตั้งใจเองข้าจะทำให้ดูแค่ครั้งเดียว” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้และหยิบลูกธนูขึ้นมาตอนที่เขายังเด็กเขาฝึกฝนมากกว่าเด็กทั่วไปเพราะในวันข้างหน้าเขาต้องขึ้นมาดูแลชนเผาในฐานะทายาทคนโตและต้องปกป้องมารดา

ลูกธนูปักเข้าที่กลางเป้าอย่างง่ายดายจนไป๋หลานรู้สึกชอบใจจึงให้เฟิ่งหวงยิ่งให้ดูอีกและนางจึงเดินไปนั่งรอที่ขอนไม้และนั่งดูชายหนุ่มอย่างสบายใจ

“เจ้าแกล้งข้าหรือ ถ้ายิ่งไม่เข้าเป้าคืนนี้ข้าจะให้เจ้านอนที่นี่กับเสือไปเลย” เฟิ่งหวงเมื่อรู้ว่าโดนแกล้งจึงโมโหกลบเกลื่อนอาการเขาโดนนางหลอก

“ใจร้ายจังข้าปวดมือแล้วเจ้าพาข้าไปทำอย่างอื่นเถิดนะเจ้าดูมือข้าสิ” นางยกมือขึ้นมาเพื่อให้เฟิ่งหวงดูตอนนี้มือนางแดงเพราะกำคันธนูแน่นเกินไป

“ก็ได้” แค่เห็นนางเจ็บก็ละเลิกที่จะแกล้งนางทันทีและพาเดินเข้าป่าไปไกลมากโขจนมาหยุดที่หน้าผาและให้ไป๋หลานมองลงไปยังเบื้องล่าง

“เจ้าดูชนเผ่าข้าสิมันสวยงามยิ่งนัก”

ไป๋หลานมองไปที่เบื้องล่างจึงเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของชนเผ่าละเมฆหมอยที่อยู่ปกคลุมเต็มไปหมด ชนเผ่าเฟิงอวิ๋นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติมากมายและห่วงไกลจากผู้คน

“ข้าไม่เคยเห็นที่ไหนสวยงามเช่นนี้มาก่อน” ไป๋หลานยืนมองไปที่เบื้องหน้า เฟิ่งหวงคงใช้ชีวิตได้อิสรเสรีเพราะไม่มีกฎเกณฑ์อะไรไม่เหมือนกับนางที่ต้องคอยอยู่ในโอวาทของบิดารวมถึงงานแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น

“ไหนว่าเจ้าจำอะไรไม่ได้”

“เอ่อ ความรู้สึกข้ามันบ่งบอก” นางรีบหาเหตุผลมาแก้ตัวตอนนี้จะให้ใครรู้ตัวตนนางไม่ได้

“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเกลียดอะไรมากที่สุด ข้าเกลียดคนโกหกหลอกลวงเหมือนคนที่ทำให้ข้าเกิดมาที่โกหกท่านแม่ของข้า” เฟิ่งหวงจ้องไปที่ใบหน้าของนางการที่ถูกมันเจ็บปวดที่สุดจนต้องทำให้มารดาเจ็บช้ำจนถึงทุกวันนี้

“ขะ ข้าจะไปโกหกเจ้าของอันใดกัน” นางหลบตาเขาเพียงเพราะว่าไม่อยากรู้สึกผิด

“เจ้าไม่โกหกข้าก็ดีไป”

“เจ้าจะทำอะไรข้า เฟิ่งหวง”

เฟิ่งหวงเชยคางนางขึ้นมาสบตากันทำให้เห็นเงาของกันและกันในแววตาของทั้งสอง พระอาทิตย์กำลังตกดินพร้อมกับจูบแรกที่นางยกให้เฟิ่งหวง

“อื้อออ”

เฟิ่งหวงถอนจูบออกมาและสบตากับนางจูบแรกของเขาได้ยกให้นางไปครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

“ข้าชอบเจ้าเหม่ยเหม่ย”

“ขะ ข้า ไม่ใช่เหมันตฤดูทำไมฝนถึงตก”

“รีบหลบเร็ว” เฟิ่งหวงคว้าข้อมือของนางและพาวิ่งหลบฝนเข้าไปในถ้ำที่เขาเข้ามาหลบฝนเป็นประจำ ยิ่งดึกฝนยิ่งกระหน่ำเทลงมาตอนนี้เนื้อตัวของทั้งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ

“ข้าจะก่อไฟ”

เพราะอากาศเริ่มหนาวทำให้เฟิ่งหวงก่อไฟเพื่อคลายหนาวและกันสัตว์มีพิษในตอนกลางคืน

“เจ้าจะทำอะไร”

“ข้าจะถอดเสื้อเจ้าไม่เห็นหรือว่าเปียกไปหมด”

“เจ้าถอยไปห่างๆ”

ไป๋หลานไปนั่งบนขอนไม้ที่เหมือนกับเตียงไม่มีผิดความหนาวทำให้นางตัวสั่นขึ้นมา จนเฟิ่งหวงต้องเดินเข้ามาใกล้ทำให้นางเห็นแผงอกของเขาอย่างเต็มตา

“เจ้าหันหลังไป”

“ข้าชอบเจ้าเหม่ยเหม่ย เจ้าสบตาข้าสิ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel