ตอนที่5 คนทรยศ
ชั้นห้าคือแผนกของผู้บริหารโดยเฉพาะ ผมปรี่ไปยังห้องประชุมใหญ่เพราะเดาไว้ว่าพวกเพื่อนคงไปสุมหัวกันที่นั่น
ผลักประตูไม้เข้าไป ทุกสายตาหันมามองเป็นตาเดียว เพื่อนสามคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา สีหน้าแต่ละคนเคร่งเครียดเป็นกังวลไม่ต่างจากผม แหงล่ะสองเดือนที่ผ่านมาบริษัทติดลบเป็นตัวแดง เพราะยอดเงินไม่กระเตื้องเหมือนไตรมาสก่อน
“ตกลงรู้ยังไอ้เชี้ยไหนเอาข้อมูลกูไปบอกไอ้โฮป” ถามในขณะที่สาวเท้าไปนั่งหัวโต๊ะที่ประจำ นี่เป็นเก้าอี้เฉพาะสำหรับประธานบริษัทนั่นก็คือผม
“ยังว่ะ แต่ไอ้เอี่ยมมันบอกว่าเป็นผู้หญิง กำลังไปล้างรูปเดี๋ยวก็คงมา” ไอ้ไอซ์หนึ่งในเพื่อนสนิทเป็นคนตอบ มันทำหน้าที่เช็กทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรถ รวมไปถึงจัดตารางแข่ง พูดง่าย ๆ ว่ามันถนัดเรื่องทำเอกสาร มีนิสัยประหยัดคำพูด หน้าตาหล่อเข้มในแบบฉบับชายไทย สาว ๆ มักจะเข้ามาจีบมันก่อน แต่มันไม่เล่นด้วย โคตรจะเสียดายความหล่อ
“ผู้หญิง? ใครวะ”
“กูก็ไม่รู้” ไอ้โป๊ยเพื่อนสนิทอีกคน ทำหน้าที่ดูแลอะไหล่รถทั้งหมด รวมไปถึงเรื่องซ่อมและเรื่องดัดแปลง นิสัยพูดเยอะ เจ้าระเบียบ เอาจริงเอาจังกับงาน เป็นพ่อหม้ายมีลูกติดตั้งแต่เรียนอยู่มอปลาย
“ต้องเป็นไอ้อีในบริษัทแน่ ให้กูเห็นก่อนเถอะ จะเอาส้นตีนยัดกีให้ สัส! สร้างความเสียหายมาสองเดือนเต็ม ๆ อีเวร!!” ไอ้แฟรงก์เพื่อนอีกคน ทำหน้าที่เหมือนเป็นรองประธานบริษัท มันเป็นนักขับที่ผลัดเปลี่ยนกับผมในเวลาที่ไม่ว่าง ใบหน้าหล่อเหลาใช้คุ้มมาก เพราะเปลี่ยนหญิงไม่ซ้ำแต่ละวัน แต่สาว ๆ ของมันต้องอายุเยอะกว่าและเป็นคนรวย มันบอกชอบคนรุ่นแม่เพราะตัวเองขาดความรักความอบอุ่นตั้งแต่เด็ก
“พวกมึงอย่าเพิ่งโวยวาย รับรองกูไม่ปล่อยอีคนทรยศรอดแน่” เอ่ยพร้อมกับหยิบปืนคู่ใจจากเอววางลงบนโต๊ะ โชว์ให้พวกเพื่อนเห็น แต่ละคนยกยิ้มมุมปาก เพราะรู้ดีว่าคนอย่างผม ถ้าบอกว่าฆ่านั่นหมายถึงตามนั้น และไม่สนด้วยว่าเป็นลูกใครเพศใด ขอเลวให้สมกับชื่อตระกูลมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่
สิบห้านาทีต่อมา
คนที่พวกผมรอคอยก็มาถึง เขาคือพนักงานในบริษัทคนนึงรูปร่างท้วม ตัวสูง อายุสามสิบกลาง ๆ มันบอกบังเอิญไปเจอไอ้โฮปที่ร้านอาหารเมื่อสองอาทิตย์ก่อน นับตั้งแต่วันนั้นก็คอยสะกดรอยตามมาเรื่อย ๆ และได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่นัดพบไอ้โฮปบ่อยมาก ๆ ไอ้เอี่ยมมันรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนั้น แต่นึกยังไงก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน...
ร่างท้วมเข้ามาด้วยสภาพหายใจหอบแรง หน้าผากกว้างเต็มไปด้วยพราวเหงื่อ เสื้อเชิ้ตเปียกชุ่ม ในมือถือซองสีน้ำตาลขนาดหกนิ้ว สาวเท้าตรงมาหาคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
“แฮ่ก ๆ นี่ครับบอส ผมล้างรูปมาให้แล้ว”
“ทำดีมากไอ้เอี่ยม กูอยากรู้จริง ๆ ว่ามันเป็นใคร” ผมเอ่ยในขณะที่เปิดซอง หยิบภาพถ่ายที่มีความหนาหลายใบออกมาดู แต่แล้ว!! สิ่งที่ไม่คาดฝันทำให้ผมอ้าปากค้าง เบิกตาโพลง แทบจะลืมหายใจไปชั่วขณะ ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนช้า ๆ
เพื่อนอีกสามคนสืบเท้าเข้ามายืนเคียง ต่างจ้องมองภาพถ่ายในมือ
“เชี้ย!! นี่มันเด็กมึงไม่ใช่เหรอไอ้กล้า”
“จริงด้วย กูว่าแล้วต้องเป็นเด็กมึง”
“เวร!! หล่อนตีสนิทเพราะเป็นสายให้ไอ้โฮป ซวยเพราะหญิงแล้วไหม”
“กูคิดไว้แล้วสักวันต้องเป็นแบบนี้ เพราะนิสัยเจ้าชู้ของมึงไอ้กล้า”
“เป็นกูไม่ยอมนะเว้ย มาหลอกใช้กันแบบนี้ คงคิดว่าพวกเราโง่มาก”
“จริง พวกมันคงหัวเราะเยาะลับหลังมึงอยู่ไอ้กล้า”
ที่เพื่อนสามคนเอ่ยไม่ผิดสักคำ ภาพถ่ายในมือเกือบสิบใบ ผมดูอย่างละเอียดและครบถ้วน เป็นเมด้าจริง ๆ มีหลายใบที่เจอกับไอ้โฮปคุยกันสองต่อสองในร้านอาหาร ใบหนึ่งเธอกำลังยิ้มร่าแววตาฉายแววดีใจ ผิดกับเวลาที่อยู่กับผมลิบลับ และมีอีกรูปที่เธอกำลังยื่นซองสีน้ำตาลให้มัน สภาพแวดล้อมต่างจากภาพใบอื่น ๆ ไม่ผิดแน่! นั่นต้องเป็นข้อมูลบริษัทของผม ยัยนั่นคงขโมยข้อมูลต่าง ๆ มาจากแม็กบุ๊คเครื่องเดียวที่ผมใช้ทำงานตอนอยู่ที่คอนโด...
มือหนากำภาพเหล่านั้นไว้แน่น กัดสันกรามกรอด ๆ ขึงตาโตด้วยความโกรธ ในใจอัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะ เพิ่งเคยถูกหักหลังจากสาวเป็นครั้งแรก เสียแรงที่รักและไว้ใจ ยอมยกให้เธอเป็นแฟน แต่สุดท้ายกลับถูกทรยศ แถมไอ้เวรนั่นดันเป็นไอ้โฮปด้วย เรื่องนี้ไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แน่
“มึงจะเอาไอ้กล้า” เสียงเพื่อนคนหนึ่งถาม
ผมกวาดสายตามองพวกมันทั้งสามคน ก่อนจะหยิบปืนเสียบเก็บไว้ที่เดิม กำรูปถ่ายแน่น แล้วสาวเท้าเดินมายังประตูทางออก
“เฮ้ย! ไอ้กล้ามึงจะไปเคลียร์เรื่องนี้ใช่ไหม”
เสียงพวกเพื่อนต่างตะโกนตามหลัง แต่ผมไม่คิดจะหันกลับไปตอบ มุ่งหน้าจ้ำอ้าวลงมาจากตึก เดินกลับไปยังลานจอดรถ แล้วบึ่งกลับคอนโด
ในใจเอาแต่คิดถึงใบหน้าหญิงสาว เธอทำแบบนี้กับผมได้ไง...ผมทั้งรักทั้งทนุถนอมเธอ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือหักหลังเนี่ยนะ!! อ๋อ!! ถึงว่าไม่เคยเอ่ยปากบอกรักกันสักครั้ง เพราะแบบนี้เองสินะ!! เจ็บใจเว้ย!!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
บิ๊กไบค์คันสีแดงขับมาจอดใต้คอนโดเรียบร้อย ผมกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร ห้องสูทระดับพรีเมียมด้านในสุด เป็นห้องของผมเอง ไม่รอช้าที่จะสแกนลายนิ้วมือและกดรหัสหกหลัก ประตูห้องเปิดปุ๊บก็สาวเท้าเข้าไปในห้องนอน
แต่ทว่า!!
ร่างบางที่เคยนอนอยู่บนเตียงตอนนี้กลับไม่อยู่ ทิ้งไว้แค่คราบเปื้อนบนที่นอน เธอไปไหนวะ!
ในขณะที่สายตากำลังกวาดมองรอบ ๆ ก็ได้ยินเสียงสนทนาแผ่วเบามาจากอีกห้อง นั่นเป็นห้องนอนของเธอที่อยู่ติดกัน ผมสาวเท้าไปหาเจ้าของเสียงทันที กำลังจะหมุนลูกบิด เสียงเล็ดลอดจากประตูดังออกมาชัดเจน
“มารับฉันสิ ตอนนี้มันไม่อยู่หรอก”
เสียงใสเอ่ยคนเดียว ให้เดา...เธอคงคุยโทรศัพท์อยู่ และปลายสายนั่นคงเป็นไอ้โฮป ผมหมุนลูกบิดแล้วผลักประตูเข้าไปอย่างแรง ปั้ง!!
เจ้าของห้องยืนพิงกำแพงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่จริง ๆ หันขวับมามองผมด้วยดวงตาโตเท่าไข่ห่าน คงตกใจมากที่จู่ ๆ ผมกลับมา
“คุยกับใคร” เสียงเรียบถามพยายามกลั้นโมโหไว้ ปรับสีหน้าให้ปกติที่สุด แต่ภายในอยากจะก้าวไปบีบคอเค้นความจริงจากปากเธอ
“ทำไมฉันต้องบอกนาย” เธอกดวางสาย เก็บโทรศัพท์มือถือเสียบที่กระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ใส่อยู่ ทำหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมสาวเท้าไปหา กระชากท่อนแขนเล็กเข้าหาตัวเองด้วยความโกรธ
“เอาเรื่องกูไปบอกไอ้โฮปสินะ” เป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนที่ผมใช้คำหยาบกับแฟนสาว
“อะไรนะ!!” ร่างบางขึงตาโต คงตกใจมากที่ผมรู้ความจริง
“กูถามว่าเอาเรื่องกูไปบอกมันใช่ไหม”
“....” เธอไม่ตอบแต่กลับจ้องด้วยนัยน์ตาจริงจัง พร้อมกับปัดมือผมทิ้ง สีหน้าไม่แยแสยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง
“ทำไมกันเมด้า กูรักมึง แต่ทำไมต้องทรยศด้วย”
“ในเมื่อคิดว่าฉันทรยศ แล้วนายจะมาถามทำไม”
“กูแค่อยากรู้จากปากมึง...” หัวใจหนักอึ้งมาตั้งแต่รู้ความจริงแล้ว แต่แค่อยากให้เธอปฏิเสธ หรือไม่ก็โกหกออกมาว่าไม่ใช่ฝีมือตัวเอง หรือไม่ก็บอกว่าผมเข้าใจผิด
“รู้ความจริงแล้วนิ เลิกกับฉันสิ”
จี๊ด! คำว่า ‘เลิก’ ราวกับเป็นมีดที่มองไม่เห็นทิ่มเข้ากลางอก ผมเพิ่งจะได้ฟันเธอ กำลังหลงกีหัวปักหัวปำ แต่ไหงเรื่องต้องเป็นแบบนี้
มือหนาล้วงปืนจากเอวขึ้นมาจ่อไปที่ใบหน้าหญิงสาว ขู่เพื่อหวังว่าเธอจะกลัวและร้องขอชีวิต แต่เปล่าเลย...สีหน้าเรียบนั่นกับมองเย้ยกลับ เธอไม่มีแม้แต่จะกลัว เดินกุมท้องไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดจากราวแขวนมากองบนเตียงหน้าตาเฉย เป็นผมเสียเองที่รู้สึกหวั่น...ก้าวไปกระชากท่อนแขนเรียวให้หันกลับมา
“ปล่อยฉันไอ้กล้า!!”
“กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น หักหลังกูแล้วคิดเหรอว่าจะออกไปอย่างปลอดภัย” บีบแขนเรียวแรงขึ้น มือที่ถือปืนอยู่ก็ยกจ่อไปที่ขมับหญิงสาว เธอก็แค่ผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่กลัวปืน
“ยิงสิ แน่จริงก็ยิงเลย”
ผมตกตะลึงเมื่อเธอเอ่ยเสียงแข็งตาดุ ท่าทางอาจหาญนั่นผิดกับรูปลักษณ์อ้อนแอ้น จังหวะที่ผมเผลอ มือบางก็ยกมาจับปืน ระบายยิ้มส่งให้ ก่อนจะบิดข้อมือหนาอย่างไว พลันปืนหลุดจากมือ แล้วเธอย่อตัวลงรอรับปืนก่อนที่มันจะตกพื้นด้วยความเร็ว ยืนเต็มความสูงเป็นฝ่ายถือปืนจ่อมาที่หน้าผากผมแทน เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก แม้แต่มาเฟียอย่างผมยังอึ้ง
“ดะ...เดี๋ยวเมด้า มึงจะทำอะไร”
“คิดว่าจ่อปืนใส่คนอื่นเป็นคนเดียวหรือไง”
“กูแค่ล้อเล่น” น้ำเสียงผมสั่นเครือ เพราะเธอเกี่ยวไกปืนด้วยความทะมัดทะแมง เกิดมาเพิ่งเคยมีผู้หญิงจ่อปืนใส่ ระยะประชิดเสียด้วย ถ้าผีผลักปืนลั่นขึ้นมาผมคงไม่รอด
“แต่คนอย่างเมด้าไม่เคยล้อเล่น”
“งั้น...” ผมกำลังจะเผยอปากพูด แต่มือที่กำด้ามปืนอยู่ ทุบใส่ท้ายทอยผมดัง ปึก!! ทำเอาร่างกายชาไปทั้งตัว จังหวะที่กำลังจะทรุดกับพื้น ดวงตาปรือเอาแต่จ้องมองใบหน้าสะสวย ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาสองเดือนกว่า ผมไม่รู้เลยว่าตัวตนแฟนสาวเป็นใครกันแน่
