4. แผนการ
เกือบสามสัปดาห์ที่ต้องอยู่ห้องด้วยความเบื่อหน่ายร่วมกับเพื่อนร่วมห้องไม่ได้รับเชิญ ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดภาคเรียนที่สองของปีสุดท้าย อย่างน้อยตอนกลางวันก็ไม่ต้องวิ่งหาที่สิงสถิตเหมือนที่ผ่านมาอีก
“สีหน้ามึงเหมือนพึ่งหลุดออกจากปีชง” น้ำเสียงเยาะเย้ยขบขันของอินทัชดังขึ้นทันที่เห็นหน้าเพื่อนเดินผิวปากเดินล้วงกระเป๋าเข้ามา
“โชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้เรียนมอเดียวกัน” พรูฟทิ้งตัวลงนั่งม้านั่งตัวที่ว่างแล้วพูดด้วยความอารมณ์ดีเหมือนได้ชีวิตใหม่เพียงแค่ออกจากห้อง
ห้องที่เป็นของกู!
“น่าเสียดาย” นักรบพูดอย่างไม่จริงจัง
“เอาไปดูแลแทนกูไหมล่ะ” ถ้าเสียดายนักเอาไปเลี้ยงดูเองเลย ส่วนค่าใช้จ่ายเดี๋ยวออกให้ทุกบาท
“กูเกรงใจ”
“มึงก็ลองควงสาวไปคั่วกลางห้องดูสิ บางทีเธออาจจะตกใจวิ่งหนีไปก็ได้” เพราะดูไปแล้วเหมือนจะไร้เดียงสาและไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามา หากได้เห็นตำตาซึ่งหน้า คงช็อกแน่
“ก็น่าสน” ปกติเขาไม่เคยพาใครไปคั่วที่ห้องเลยนอกจากผู้หญิงที่เขาเคยคบเป็นแฟนแค่คนเดียว แต่ถ้ามันทำให้เมษาตกใจกลัวได้ก็น่าสน “คืนนี้เลยดีกว่า”
แค่คิดว่าเธอจะวิ่งหางจุกตูดเขาก็ไม่รอช้าที่จะเล่นสนุกกับเธอ
“กูอยากเห็นหน้าเธอว่ะ” แม้แต่อินทัชที่แค่คิดก็ยังสนุกด้วยอีกคน
“ไว้กูเล่าให้ฟังนะ” ตบไหล่เพื่อนอย่างไม่เชิญให้ไปร่วมสนุกด้วยก่อนจะลุกนำมันเข้าห้องเรียนไปอย่างอารมณ์ดี
เฝ้ารอถึงค่ำคืนนี้จนแทบทนไม่ไหว
คลาสเรียนของวันสิ้นสุดลง พรูฟเดินล้วงกระเป๋าออกมาด้วยท่าทางสดใสอย่างเห็นได้ชัด เล่นเอาเพื่อนนึกหมั่นไส้ไม่น้อย
“ถ้าทำไม่สำเร็จกูจะสมน้ำหน้าคนแรก” อินทัชว่าให้เพื่อนที่หวังล่วงหน้าจนน่าหมั่นไส้
“ถ้าเธอยังกล้าทนก็ต้องยอมรับเธอแล้วแหละ” เพราะเขาไม่เคยพูดดีกับเธอก็ยังทนได้ ไม่เคยทำดีกับเธอก็ยังมองข้ามได้ แล้วนี่ถ้าเอาผู้หญิงต่อหน้าเธอแล้วยังทนได้อีก
คนที่ต้องยอมแพ้ต้องเป็นเขาแล้วแหละ ดีไม่ดีต้องเป็นฝ่ายย้ายออกจากห้องตัวเอง แล้วมาหาที่เช่าอยู่เองชั่วคราวแล้ว
“มาพนันกันไหมล่ะ” นักรบเสนอขึ้น “กูว่าเธอทนได้”
“กูว่าไม่” อินทัชเลือก
“กูก็ว่าไม่” พรูฟมั่นใจว่าครั้งนี้เขาจะทำให้เธอออกจากห้องเขาได้ ยังไงก็ต้องได้
“ห้าหมื่น” เงินเดิมพันที่วาง ซึ่งถ้านักรบแพ้ก็จะเสียให้มากกว่า
“ตามนั้น” ถือเป็นอันรับรู้กัน
เมื่อออกจากลิฟท์เขากับเพื่อนก็ยังไม่ได้แยกย้ายกันกลับ พากันตรงไปยังโรงอาหารรวมเพื่อนั่งเล่นส่องสาวแก้เบื่อ
ยังไงก็ดีกว่าต้องกลับห้องไปโดยไม่รู้ว่าจะเจอกับเพื่อนร่วมห้องน่าหดหู่ตอนไหน
“เชี้ย! นางฟ้าชัดๆ” หลังก้าวเข้ามาในโรงอาหารเสียงของอินทัชก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของเพื่อนได้อย่างดี
“ไหน” พรูฟหันมองตามสายตาของเพื่อน “เชี้ย! แม่ของลูกเลย”
ไม่พูดเปล่า ขายาวของคนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดก้าวตรงไปยังเป้าหมายโดยไม่ปรึกษาเพื่อนแม้แต่คำเดียว
“ไอ้เหี้ยพรูฟกูเห็นก่อน!” เสียงอินทัชดังไล่หลังก่อนจะรีบตามมา
แต่ใครสน ใครเร็วใครได้ ใครดีใครได้เว้ย!
ปึ่ก! เดินไปหยุดด้านหลังสาวสวยก่อนจะทำอกแกร่งชนไหล่บางอย่างไม่ตั้งใจ
“อ๊ะ!” แค่เสียงร้องก็เล่นเอาเสียวไปที่ท้องน้อยจนขนลุกแล้ว
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ถามขึ้นทันทีก่อนคนถูกชนจะหันกลับมามอง
แม่งเอ้ย! ยิ่งเห็นชัดๆ ใกล้ๆ ยิ่งสวยสะกดจนแทบลืมหายใจ
ดวงตากลมแต่หางตายกทำให้ดูใสและเฉี่ยวไปในตัว จมูกโด่งเป็นสันปลายรั้นเหมือนคนดื้อดึงจนน่าจับตี ปากอิ่มเป็นทรงจนดูน่าจูบ ใบหน้าเรียวเล็กจนอยากสัมผัส
อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจรูปร่างของเธอต่อ ความนูนเนื้อของทรงเต้าที่เด่นชัดภายใต้เสื้อนักศึกษาพอดีตัวชวนให้อยากยกมือขึ้นไปวัดขนาดความนุ่ม เอวบางจากการถูกรัดของขอบกระโปรงชวนให้นึกถึงตอนถูกรวบรั้ง สะโพกที่ผายออกจากเอวจนนึกคันฝ่ามือ
แล้วดูขาเรียวขาวเหมือนน้ำนมที่โผล่ออกจากกระโปรงตัวสั้นนั่นดู ถ้าได้จับพาดบ่าจะฟินแค่ไหนวะ
“ไม่เจ็บค่ะ” เสียงใสแต่เซ็กซี่ตอบกลับออกมาชวนให้จั๊กจี้รูหู มันฟังดูคุ้นหูแต่เหมือนไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ชั่วนะมึง!” อินทัชกระแทกไหล่เขาแล้วว่าออกมา
“อยู่ปีไหนครับ” แต่ใครสนเพื่อนน่ารำคาญบ้างล่ะ ในเมื่อมีสาวงามดึงดูสายตาอยู่แค่เอื้อม
“ปีสามค่ะ”
“ทำไมพี่ไม่เคยเห็นหน้าเลยล่ะ” แม้ว่าปีที่แล้วเขาจะหวงเนื้อหวงตัวเพราะมีแฟน แต่ก็มั่นใจว่าสาวสวยๆ ไม่เคยรอดพ้นสายตา
แต่ทำไมคนสวยขนาดนี้กลับไม่เคยเห็น ไม่คุ้นหน้ามาก่อน
“พึ่งย้ายมาค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะก้าวไปแล้วทำการสั่งอาหาร
“เอาเหมือนกันสองจานเลยนะครับ” เขาบอกแม่ค้าขึ้นอย่างไม่เสียเวลาคิด อยากเอาเวลามาสนใจสาวสวยมากกว่า “พี่ชื่อพรูฟนะ แล้วน้องล่ะ”
ไม่รอช้าจะทำความรู้จักทันที ไม่ยอมเสียเวลาและเสียโอกาสเด็ดขาด ยังไงเขาก็ต้องได้คนนี้เป็นแม่ของลูก
“เมค่ะ”