บท
ตั้งค่า

Chapter 6 เด็ก(มัน)ดื้อ

The magic club

ภายในห้องกระจกกว้างบริเวณชั้นสองของร้านซึ่งหันเข้าหาด้านหน้าเวทีพอดี ปรากฏร่างสูงกำลังกวาดสายตามองบรรยากาศเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยบรรดานักท่องราตรีโชว์สเต็ปการเต้นกันสนุกสนาน โดยมีดีเจสาวสวยทำหน้าที่สร้างความบันเทิงให้คนเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

แก้วคริสตัลลายเพชรถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากหยักลึก ก่อนจะกระดกเอาหยาดน้ำสีอำพันลงสู่ลำคอจนหมดเกลี้ยง แล้ววางกระแทกลงบนโต๊ะเต็มแรงโดยไม่สนใจว่ามันอาจจะแหลกสลายคามือ ขณะที่ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องร่างบางในชุดเสื้อสปอร์ตบราสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นสีขาวเผยให้เห็นสัดส่วนสุดแสนจะเย้ายวนขณะเคลื่อนไหวไปตามจังหวะดนตรี

รามิลเอื้อมมือหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเพื่อฆ่าเวลา เขามักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งหากมีเรื่องราวว้าวุ่นเกิดขึ้นภายในใจ และสารนิโคตินก็ทำให้ความรู้สึกพวกนั้นผ่อนคลายลงได้บ้าง อันที่จริงเขาคิดจะมาที่แห่งนี้ตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อนพร้อมเพื่อน ทว่ากลับมีธุระด่วนต้องไปจัดการ ครั้นมาถึงคนที่เขาต้องจัดการเป็นรายต่อไปก็ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีเรียบร้อยแล้ว

กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง บุหรี่มวนสุดท้ายถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง พอดีกับเสียงดนตรีข้างนอกเริ่มเงียบหายไป บ่งบอกว่าหน้าที่ของคนบนเวทีสิ้นสุดลงแล้ว และในอีกห้านาทีต่อมาคนที่เขากำลังรอคอยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าในสภาพเหนื่อยหอบ

เมื่อวันวิวาห์เห็นว่าคนที่ต้องการเจอเธอคือใครก็ดูจะตกใจไม่น้อย ใบหน้าจิ้มลิ้มรวมถึงผิวกายที่เคลือบไปด้วยหยาดเหงื่อเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก ก่อนริมฝีปากนั้นจะขยับเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว

“คุณป๋า”

“ไง สนุกมั้ย?” มุมปากกระตุกเล็กน้อยหลังเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงออกจะห้วน

"..."

คนถูกถามเงียบกริบราวกับไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปหา ก่อนจะเอียงคอมองสีหน้าอีกฝ่ายที่ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อยและพ่นควันสีขาวใส่หน้าเธออย่างต้องการลงโทษ

“แค่ก แค่ก! เล่นอะไรของคุณป๋าเนี่ย” วันวิวาห์เอ็ดอีกฝ่ายพร้อมปัดกลุ่มควันพวกนั้นเป็นพัลวันอย่างไม่ชอบใจ

“คิดว่าเป็นใบ้ไปแล้ว”

วันวิวาห์เห็นสีหน้าของเขาเหมือนกำลังปั่นประสาทเธอ ก็รีบตอบคำถามก่อนหน้าอย่างต้องการประชดประชัน

“สนุกค่ะ วันนี้วีว่าสนุกมาก”

“ถ้าอย่างนั้นก็จดจำมันไว้แล้วกัน เพราะเธอจะไม่ได้มาทำงานที่นี่อีก” ถึงแม้คำพูดของเขาจะฟังดูจริงจังและเด็ดขาด แต่วันวิวาห์กลับไม่ยอมแพ้แล้วสวนกลับอย่างคนดื้อรั้น

“ไม่จำค่ะ เพราะวีว่าจะมาทำงานที่นี่อีก!”

“บอกว่าไม่ให้ทำไง!!” เสียงตะคอกของรามิลทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนที่ริมฝีปากกระจับเล็กจะค่อยๆ เม้มเข้าหากันเพื่อข่มความรู้สึกบางอย่าง

“สิ่งที่ป๋าเกลียดที่สุดคืออะไรรู้มั้ยวีว่า เด็กที่ไม่เคยเชื่อฟังผู้ใหญ่อย่างเธอไง”

"อุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเพื่อให้กลับมาช่วยงาน แต่นี่มันอะไรกัน เธอกำลังทำอะไรอยู่"

คำพูดเจ็บแสบและสีหน้าผิดหวังของคนตรงหน้ากำลังมองมาที่เธอ ทำให้วันวิวาห์รู้สึกเหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างแล่นปราดไปทั่วร่างกาย มันเป็นความรู้สึกหน่วงหนึบแบบพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จะมีก็แต่หยาดน้ำใสที่เริ่มเอ่อคลอบริเวณดวงตา

ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณรอบๆ จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน คนหนึ่งตกอยู่ในอารมณ์โกรธจัด อีกคนตกอยู่ในอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ และทั้งสองก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา

กระทั่งคนที่ทำลายบรรยากาศเหล่านั้นกลับเป็นอลิสา ซึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้องแล้วหยุดยืนตรงหน้าคนทั้งสอง

“ฉันให้วีว่าทำงานนี้เอง” อลิสาที่เพิ่งทราบข่าวว่าวันวิวาห์ถูกเรียกตัวไปรีบตามมาทันทีเพราะเกรงว่าอาจจะโดนต่อว่าและก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรับ” รามิลหันไปพูดกับอีกฝ่ายด้วยท่าทางเอาเรื่องไม่ต่างกัน

“วีว่าเข้าทำงานที่นี่เพราะความสามารถ นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเธอทำได้ดีแค่ไหน แล้วลูกค้าก็ชอบมากด้วย” อลิสาพยายามพูดให้เพื่อนชายเข้าใจ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพูดก็จะนำไปสู่การถกเถียงกันเรื่อยๆ

“แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น แถมยังเต้นยั่วยวนขนาดนั้น ผู้ชายคนไหนบ้างจะไม่ชอบ”

“รามิล!”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่อลิส วีว่าไม่ทำงานนี้แล้วก็ได้” วันวิวาห์เอ่ยออกมาทั้งๆ ที่ไม่หันไปสบตากับใคร เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทอย่างพวกเขาต้องมาทะเลาะกันเพราะเธอเป็นต้นเหตุ

“คุณป๋าพอใจแล้วใช่มั้ยคะ” เอ่ยจบหยาดน้ำก็ใสไหลพรากลงมาอย่างไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป แววตาตัดพ้อและน้อยใจฉายชัดในดวงตาคู่นั้นซึ่งกำลังมองไปที่เขา วินาทีต่อมาเธอก็รีบวิ่งออกไปทันที

"วีว่าทำงานที่นี่แค่สัปดาห์ละสองวันเท่านั้น"

"..."

"เธอบอกอีกว่าวันที่เหลือจะไปช่วยงานนายที่โรงแรม"

"..."

"ที่ฉันบอกก็เผื่อว่า นายจะหัดใจเย็นแล้วฟังคนอื่นเขาบ้าง" อลิสาพูดจบก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่รอฟังว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไรหรือไม่

วันวิวาห์กลับมาถึงบ้านโดยมีภูดินเป็นคนมาส่ง หญิงสาวรีบลงจากรถแล้วมุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง หยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นมาเปิดออก รวบเสื้อผ้าในตู้ลงกระเป๋าอย่างลวกๆ ก่อนจะรูดซิปแล้วลากลงบันไดจนเกิดเสียงโครมคราม

ภูดินที่เพิ่งวางสายจากเจ้านายหันมองหญิงสาวที่ดูกระฟัดกระเฟียดกำลังเดินออกมาหยุดยืนบริเวณหน้าบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยความมึนงง

“คุณวีว่าจะไปไหนครับ”

“วีว่าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฮึก!” น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วเริ่มกลับมาอีกครั้ง

“แล้วจะไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ" ภูดินมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสงสาร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้

“วีว่าจะไปเช่าคอนโดอยู่”

“คุณวีว่ามีเงินเหรอครับ คอนโดที่นี่ถ้าหาแบบปลอดภัยก็เดือนละหลายหมื่นนะครับ”

“หลายหมื่นเลยเหรอ มีแบบไม่กี่พันมั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง 'ตอนอยู่แคนาดาไม่น่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเลย เป็นไงล่ะ พอไม่มีเงิน จะทำอะไรก็ลำบาก' เธอต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ

“ราคานั้นไม่มีหรอกครับ แต่ถ้าเป็นห้องเช่าเล็กๆ ก็พอมี แต่ความปลอดภัยก็ตามราคา” เขาเสนอแนะ แล้วลอบมองสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูจะคิดหนัก ได้ทีจึงพูดต่อ

“อีกอย่างค่ามัดจำคอนโดก็เป็นเงินก้อนโตเลยครับ”

วันวิวาห์ที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกลับปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง เธอทั้งเสียใจ น้อยใจ รวมถึงยังไม่มีที่ไปอีกต่างหาก จึงได้แต่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ตรงนั้น และพยายามใช้ความคิดว่ามีใครสามารถช่วยเธอได้บ้าง

จู่ๆ รถของคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าก็ขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มลงจากรถในเวลาต่อมาแล้วเดินเข้าไปหาคนทั้งสองที่ยืนอยู่

“จะไปไหน”

“วีว่าไม่อยู่กับคุณป๋าแล้ว” เอ่ยออกมาโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย พอดีกับที่นึกได้ว่าเธอยังมีเพื่อนอย่างอังเคล

วันวิวาห์ดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วต่อสายหาความหวังเดียวของเธอ รอสักพักอีกฝ่ายถึงกดรับ แต่เสียงที่ได้ยินกลับทำให้หญิงสาวถึงกับนึกด่าอยู่ในใจ

(อ้า! ซี๊ด!)

“อังเคล ยูอยู่ไหน”

“หยุดครางแล้วตอบไอ!!” หญิงสาวพ่นภาษาฝรั่งเศสออกมาเพราะไม่ต้องการให้ชายหนุ่มทั้งสองรับรู้บทสนทนาของเธอ

“ไอไม่อยากอยู่กับคนวัยทองแถมบ้าอำนาจคนนี้แล้ว เดี๋ยวไอไปหา”

ครั้นเธอพูดจบและรอฟังคำตอบของอีกฝ่าย ก็อยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ เพื่อนเพียงคนเดียวของเธออยู่สนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องกลับไปยังบ้านเกิดที่ฝรั่งเศส

“ไปเลยมั้ย จะได้ยืนส่งตรงนี้” รามิลเอ่ยออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นหญิงสาวกดวางสายเรียบร้อยแล้ว

“…”

วันวิวาห์ไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับเลือกที่จะลากกระเป๋าราวกับตัดสินใจแล้วว่าต้องไปจากที่นี่ แต่ครั้นเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เธอก็หมุนตัวกลับแล้วเดินปึงปังเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอาย โดยมีเสียงรามิลดังตามหลัง

"อยากอยู่กับคนวัยทองแล้วสินะ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel