Chapter 7 จุดโฟกัส
ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่บนเพดานห้องเป็นเวลาหลายนาที ก่อนจะกะพริบตาปริบไล่ความคิดยุ่งเหยิงออกไปจากสมองแล้วบิดขี้เกียจอีกสองสามครั้งบนเตียงกว้าง แสงอาทิตย์เล็ดลอดผ่านผ้าม่านบ่งบอกเวลาของเช้าวันใหม่ ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งได้หลับไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
มือเล็กเอื้อมกดสวิตช์บริเวณหัวเตียงเพื่อเปิดม่านระบบไฟฟ้าแล้วนอนแผ่หลาต่ออีกครู่หนึ่ง บ้านหลังนี้ถูกออกแบบและตกแต่งให้ทันสมัย และใช้ระบบ Smart Home เป็นหลักเพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยแก่ผู้พักอาศัยอย่างที่เจ้าของบ้านต้องการ
แสงแดดสว่างเจิดจ้าสาดส่องเข้ามายังร่างบางทันทีที่ผ้าม่านถูกเปิดออก หญิงสาวลุกจากเตียงแล้วพาตัวเองเดินออกไปหยุดยืนตรงระเบียงรับสายลมเอื่อยๆ ยามเช้า ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่สุดแสนจะสดใส ทว่าเรื่องราวเมื่อคืนกลับหวนเข้ามาในความคิดอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
คนกำลังเหม่อลอยอย่างเธอเริ่มได้สติก็ตอนที่เห็นชายหนุ่มในชุดสบายๆ ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะตื่นขึ้นมาแล้วเจอเขาในสภาพแบบนี้ วันวิวาห์มองออกไปด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร ครั้นมองดูดีๆ ก็รับรู้ว่า เขากำลังย้ายต้นไม้จากกระถางซึ่งเธอเป็นคนทำแตกเมื่อสัปดาห์ก่อน ไปยังกระถางใบใหม่นั่นเอง
วันวิวาห์เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวแล้วเดินลงบันไดมาในชุดออกกำลังกายสีเหลืองมัสตาร์ด เธอมองหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามเครื่องที่เคลื่อนไปมาบนพื้นราวกับพวกมันกำลังสนุกสนานแล้วเดินผ่านไป ถึงแม้จะรู้สึกโกรธและน้อยใจเรื่องเมื่อคืน แต่เธอพยายามปล่อยมันไปและทำในสิ่งที่ควรจะทำเพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่แย่ลงกว่าเดิม
วันวิวาห์เดินออกมาบริเวณหน้าบ้านแล้วทำท่าทางยืดเส้นยืดสายโดยไม่เอ่ยปากทักทายซึ่งเขาเองก็ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมาและยังคงง่วนอยู่กับต้นไม้ตรงหน้า
คนที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ ค่อยๆ เข้าไปอยู่ในรัศมีที่ใกล้กว่าเดิม แต่อีกฝ่ายก็ยังคงทำเหมือนว่าเธอเป็นเพียงอากาศ จนวันวิวาห์เลิกให้ความสนใจแล้วเริ่มออกวิ่งบริเวณพื้นที่หน้าบ้านวนไปมาอยู่อย่างนั้น
หญิงสาวที่คิดจะไม่สนใจเขาในตอนแรกกลับลอบมองอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้งพร้อมกับเพิ่มความเร็วอย่างฮึกเหิมราวกับว่าเขาคนนั้นเป็นยาชูกำลังชั้นเลิศให้กับเธอ การเร่งฝีเท้าแต่สายตากลับจดจ่ออยู่ที่อื่นย่อมนำมาซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดคิด เธอสะดุดขาตัวเองแล้วล้มคะมำลงบนพื้นเต็มแรงจนรู้สึกชาไปทั่วทั้งร่างกาย
อ้ะ ตึง โอ๊ย!
กางเกงเนื้อผ้าบางบริเวณหัวเข่าขาดวิ่นจนเผยให้เห็นบาดแผลซึ่งมีเลือดสีสดไหลออกมาเป็นวงกว้าง อาการแสบๆ คันๆ ในฝ่ามือทำให้เธอต้องยกขึ้นมาดูและเห็นรอยถลอกหลายจุด ครั้นคนที่เห็นเลือดของตัวเองไหลซิบถึงกับหน้าซีดเผือด คิดว่าควรจะขอความช่วยเหลือจากเขา ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นบุคคลนั้นปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว
“รีบไปไล่ควายหรือไง” ถึงแม้คำพูดจะไม่น่าฟัง แต่แววตาของเขากลับฉายแววตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างกัน
“คุณป๋า วีว่าเจ็บ" วันวิวาห์เบะปากทำท่าจะร้องไห้ไม่ต่างจากเด็ก
รามิลเห็นอย่างนั้นก็รีบช้อนตัวเธอขึ้นบนแขนแกร่งพร้อมส่งสายตาดุๆ แล้วเอ่ยออกมาเสียงเข้ม
“ถ้ามีน้ำตา จะปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้"
วันวิวาห์ที่กำลังเบะปากทำท่าจะร้องไห้รีบทำสีหน้าให้ปกติที่สุด แล้วใช้แขนโอบรอบคอเขาไว้ ได้ทีก็ซุกใบหน้าลงบนแผงอกแน่นๆ นั้น
'เอาน่า ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่'
ชายหนุ่มอุ้มเธอมายังโซฟาแล้วไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะเริ่มทำแผลให้โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทว่าจู่ๆ คนที่ทำลายความเงียบกลับเป็นเขา
"เรื่องเมื่อคืน"
"คะ?"
"ขอโทษ"
วันวิวาห์ชะงักไปเล็กน้อยจนแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เมื่อได้ยินคำพูดนั้น กระทั่งดวงตาคู่คมเงยขึ้นประสานสายตากับเธอจึงทำให้รู้ว่าเขาพูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
“แล้วถ้าวีว่าไม่ยกโทษให้ล่ะคะ”
“ก็ไม่ต้องไปทำงานที่นั่นอีก”
“คุณป๋าให้วีว่าเป็นดีเจแล้วเหรอคะ!!” เธอโพล่งออกมาอย่างลืมตัวด้วยความดีใจ
“แต่วันที่เหลือต้องช่วยงานป๋า”
“ไม่มีปัญหาค่ะ คุณป๋าน่ารักที่สุดเลย จุ๊บ~” หญิงสาวหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่อย่างคนเก็บความตื่นเต้นและดีใจไว้ไม่ไหว แต่กลับทำให้อีกฝ่ายผละออกจากเธอไม่ต่างจากโดนของร้อน
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
"วีว่าไม่ได้ตั้งใจค่ะ" เธอมองหน้าเขาแล้วส่งรอยยิ้มแห้งไปให้ จากนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
"คืนนี้เราดินเนอร์กันมั้ยคะ"
"หืม?"
"เป็นการฉลองให้วีว่าไง" ช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อนเต็มที่ แต่คำพูดต่อมาจากปากอีกฝ่ายกลับทำให้เธอหน้าบู้บี้
"ที่ได้แผลตั้งแต่เช้านะเหรอ"
"อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีๆ ไม่ใช่เหรอคะ"
"แต่วันนี้อยากอยู่บ้าน"
"ดีเลยค่ะ วีว่าก็อยากทานอาหารที่บ้าน"
"..."
"แล้วก็อยากทานอาหารฝีมือคุณป๋า เรามาฉลองกันเถอะนะคะ!" วันวิวาห์ส่งสายตาเป็นเชิงว่าห้ามปฏิเสธ จนรามิลถึงกับส่ายหน้าแล้วพึมพำออกมาเสียงแผ่ว ทั้งๆ ที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจางอย่างไม่รู้ตัว
"วุ่นวายชะมัด"