Chapter 3 ครั้งแล้วครั้งเล่า
สัปดาห์ต่อมา...
หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขายาวรัดรูปกำลังก้าวเท้าที่สวมสนีกเกอร์คู่ใจออกมาจากคลับแห่งที่สามของวันด้วยความผิดหวัง หากจะนับรวมกันว่าเธอเข้าๆ ออกๆ สถานที่พวกนี้มาแล้วกี่ครั้ง ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะเป็นการนับจำนวนของความล้มเหลวเสียมากกว่า
ดวงหน้าเล็กมีหยาดเหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้าประปราย รวมถึงสองแก้มใสเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อจากอากาศร้อนระอุยามเที่ยงวันของกรุงเทพมหานครที่มองไปทางไหนก็มีแต่การจราจรติดขัดผสานเสียงแตรบีบสนั่นชวนแสบแก้วหูดังไปทั่วบริเวณ
ดวงตากลมโตฉายชัดถึงความเหนื่อยล้า ก่อนจะสอดส่ายมองหารถยุโรปคันคุ้นเคยที่มีคนขับผู้ร่วมชะตากรรมรออยู่ ครั้นเห็นเป้าหมายที่ต้องการเธอก็รีบวิ่งไปหาและเข้าไปนั่งในรถราวกับว่าคิดถึงมันอย่างสุดหัวใจ มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นพัดเอาความเย็นจากแอร์เข้าหาตัวเป็นพัลวัน
"เป็นยังไงบ้างครับ" เจ้าของน้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามหลังจากร่างบางเข้ามานั่งในรถซึ่งเขาจอดรอเธออยู่เป็นเวลาเกือบชั่วโมง สายตาเหลือบมองอีกฝ่ายผ่านกระจกภายในรถและเห็นว่าคนถูกถามได้แต่เพียงส่ายศีรษะไปมาเป็นคำตอบ
"ไม่เป็นไรนะครับ มันต้องมีสักที่ ที่เหมาะกับคุณวีว่า"
ภูดิน ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อคมเข้มซึ่งตรงกันข้ามกับแววตาอ่อนโยนเอ่ยอย่างให้กำลังใจ เขาอายุอานามสามสิบปีและเดิมทีทำหน้าที่ขับรถให้กับรามิลมาได้เกือบสามปี แต่ตอนนี้กลับได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาดูแลหญิงสาวคนนี้แทน
"วีว่าไม่เข้าใจเลยค่ะ ทำไมคนพวกนั้นถึงไม่ยอมให้โอกาสวีว่า คุณป๋าก็อีกคน" หลังพูดจบเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง อันที่จริงการสมัครงานแต่ละครั้งใช้เวลาไม่นานขนาดนี้ แต่เธอกลับเอาเวลาเหล่านั้นไปโน้มน้าวเจ้าของคลับเสียมากกว่า
"บอสก็แค่เป็นห่วงนะครับ"
"แต่วีว่าโตแล้วจริงๆ นะคะ"
"ยังไงคุณวีว่าก็ยังเป็นเด็กในสายตาบอสอยู่ดีครับ" ภูดินเอ่ยพร้อมมองเธอผ่านกระจกอีกครั้งด้วยความเอ็นดู
เขาคิดว่าวันวิวาห์เองก็รู้ดีว่าที่ไม่ได้งานตามต้องการส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนที่เพิ่งถูกกล่าวถึง แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยังคงไม่ยอมแพ้ถึงแม้จะผ่านมาแล้วหลายวันก็ตาม และนั่นคือความมุ่งมั่นตั้งใจที่เขาสัมผัสได้จากเธอ
"กลับบ้านเลยมั้ยครับ"
"วีว่ายังไม่อยากกลับค่ะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นแล้วมองออกไปนอกกระจกรถอย่างคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตัดสินใจอย่างไรกับชีวิต
อีกฝ่ายจึงนั่งนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งว่าจุดหมายปลายทางต่อมาคือที่ใด กว่าห้านาทีที่ความเงียบเข้าปกคลุม จู่ๆ วันวิวาห์ก็โพล่งออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"ไปกินไอติมกันค่ะ!"
ภูดินพยักหน้ารับแล้วทำหน้าที่ขับรถพาเธอไปยังจุดมุ่งหมายที่ต้องการ ครึ่งชั่วโมงต่อมารถคันหรูจอดสนิทอยู่บริเวณหน้าร้านไอศกรีมเล็กๆ ภายในซอยแห่งหนึ่ง ที่ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าจะนั่งรอในรถ แต่เธอกลับอยากให้ลงไปเป็นเพื่อน และเพราะแบบนี้เขาจึงต้องมานั่งอยู่บนเก้าอี้ระหว่างโต๊ะตรงข้ามเธอ
ไอศกรีมรสช็อกโกแลตมินต์ของหญิงสาวถูกนำมาเสิร์ฟในเวลาต่อมา โดยของภูดินเป็นรสมะนาว วันวิวาห์ใช้ช้อนตักไอศกรีมเข้าปากด้วยความเพลิดเพลินและดูจะมีความสุขเป็นพิเศษ ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้งราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 'นี่แหละนะ อานุภาพของความหวาน' เธอคิดในใจ
"คุณวีว่าชอบไอติมรสช็อกมินต์เหมือนบอสเลยนะครับ"
"คุณป๋านะเหรอคะ ชอบไอติมรสนี้" คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้สึกคุ้นว่าผู้ชายคนนั้นจะชอบอะไรแบบนี้
"ครับ แล้วที่นี่ก็เป็นร้านประจำของบอส เมื่อก่อนผมมาซื้อให้อยู่บ่อยๆ แต่ช่วงหลังก็ไม่เห็นนึกอยากกินอีก"
วันวิวาห์นั่งฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดพร้อมตักไอศกรีมเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ไม่นานความเงียบก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เธอตกอยู่ในความคิดของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านไปอีกหลายนาทีจึงจะเริ่มปริปากเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้
"ผู้หญิงที่ชื่อเมเม่นี่ใครเหรอคะ"
คนถูกถามเงียบไปชั่วอึดใจรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะตอบ แต่เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายกำลังจ้องมองอย่างรอคอยคำตอบ เขาจึงเอ่ยออกมาเบาๆ
"คู่ควงคนล่าสุดของบอสนะครับ"
"คู่นอนนะเหรอคะ"
"ครับ?"
"แล้วคุณป๋าเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยมั้ยคะ" เป็นอีกคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจจะตอบ เขาไม่อยากนำเรื่องส่วนตัวของเจ้านายออกมาแพร่งพราย
"บอกมาเถอะค่ะ วีว่าไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย หรือคุณภูดินคิดว่าวีว่าเป็นคนอื่น" หญิงสาวที่อดรนทนไม่ไหวในความอยากรู้ของตัวเองแสร้งตีหน้าเศร้าอย่างมืออาชีพ
"แล้วแต่อารมณ์ของบอสนะครับ"
"แต่คุณป๋าอารมณ์ไม่ปกตินะคะ แสดงว่าต้องเปลี่ยนบ่อยแน่ๆ"
ภูดินแค่รับฟังแต่ไม่ต้องการออกความคิดเห็นใดๆ และเมื่อเธอเห็นสีหน้าของเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
"หรือวีว่าจะลองไปช่วยงานที่โรงแรมคุณป๋าดูก่อน" เธอเอ่ยออกมาเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจ อันที่จริงวันวิวาห์ยังคงไม่ยอมแพ้ในการทำตามอีกหนึ่งความชอบก็คือการเป็นดีเจ แต่ชีวิตระหว่างนี้มันย่อมต้องใช้เงินและเงินเก็บของเธอก็เริ่มร่อยหรอลงไปทุกที
"ลองดูก็ไม่เสียหายนะครับ บางทีคุณวีว่าอาจจะชอบก็ได้"
"..."
"คุณวีว่าอายุยังน้อย ได้ลองทำหลายๆ อย่างก็ดีเหมือนกันนะครับ ถ้ามันเกิดล้มเหลวขึ้นมา อย่างน้อยก็เป็นประสบการณ์ชีวิต"
"มันจะโอเคใช่มั้ย"
หญิงสาวพึมพำพร้อมกับใช้ความคิดอีกครั้ง ถ้ารามิลพูดดีๆ และไม่ตัดสินในสิ่งที่เธออยากทำอย่างที่ภูดินกำลังทำก็คงจะดี หลังจากวันนั้นที่เธอประกาศก้องว่าจะไปเป็นดีเจ เขาก็แทบไม่คุยกับเธออีกเลย
"ถ้าอย่างนั้นวีว่าจะไปคุยเรื่องนี้กับคุณป๋าค่ะ"
"บอสต้องดีใจแน่ๆ เลยครับ"
"เรารีบไปหาคุณป๋ากันเถอะค่ะ" เอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนทันที
“เอ่อ วันนี้บอสติดประชุมนะครับ”
“เราแค่ซื้อไอติมไปฝากก่อนก็แล้วกันค่ะ ส่วนเรื่องนั้นค่อยคุยก็ได้”
อีกหนึ่งสิ่งที่ภูดินได้เรียนรู้จากการต้องคอยดูแลเธอคือ ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างไม่ชอบการถูกขัดใจ และการทำแบบนั้นก็เป็นอะไรที่เปล่าประโยชน์ เขาจึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาเลขาสาวหน้าห้องของผู้เป็นเจ้านายทันทีก่อนที่จะพาเธอไป
ระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ที่ต้องฝ่าด่านรถติดมาถึงโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ ทำให้วันวิวาห์รีบเดินสาวเท้ามุ่งหน้าเข้าไปยังลิฟต์โดยมีภูดินแตะคีย์การ์ดพาเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุดด้วยท่าทางที่แปลกไป แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ทันสังเกตเห็น
ครั้นมาถึงหน้าห้องทำงาน เลขาสาวลุกขึ้นแทบปรี่เข้ามาหาวันวิวาห์ พร้อมเอ่ยอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
“เดี๋ยวดิฉันแจ้งบอสก่อนนะคะ”
คนใจร้อนไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นรวมถึงเสียงร้องเรียกแล้วผลักประตูตรงหน้าเข้าไปพร้อมปิดมันอย่างเบามือ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับมาเซอร์ไพรส์
"คุณป๋าขา วีว่าซื้อไอติมรสโปรดมาฝากด้วยค่ะ แล้วก็มีข่าวดีจะบอก..."
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองภาพเบื้องหน้ากลับทำให้เธอถึงกับเบิกตากว้าง หญิงสาวในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยกำลังนั่งคร่อมอีกฝ่ายบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานและโยกตัวเป็นจังหวะ จนได้ยินเสียงแห่งความเร่าร้อนดังเป็นระยะตามอารมณ์ดิบเถื่อนของทั้งสอง
ตุ้บ! ถุงกระดาษในมือของวันวิวาห์ร่วงหล่นลงบนพื้นพรมอย่างคนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะถือมัน
"คุณป๋า..." หญิงสาวพึมพำออกมาเสียงแผ่ว ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกชาหนึบไปทั่วทั้งหัวใจ 'แต่ก็อย่างว่า เธอไม่สมควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก'