Chapter 7
ในที่สุดทีมอัลฟ่ากับทีมเอคโค่ก็มาถึงสมรภูมิรบ ซึ่งจอร์ติน่าวิ่งไปหาโซมายาเพื่อขอความคืบหน้าในตอนนี้ โดยโซมายาบอกว่าหมวดกรานิตกับเทเลอร์ อยู่ใจกลางกลุ่มทหารเอสเอสเธอไม่สามารถตามไปช่วยได้ ด้านโจแอลจึงบอกว่าเดียวเรื่องหมวดกรานิต ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมอัลฟ่ากับทีมเอคโค่เอง ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงวิทยุของโซมายาดังขึ้น เป็นการรายงานว่าเห็นทหารหนุ่มยศนายร้อย ถูกบางอย่างซัดร่างกระเด็นไปไหนไม่รู้จึงไม่อาจตอบได้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
โจแอลจึงหันมาบอกให้ทีมอัลฟ่าที่คงคาวินรักษาการแทน ไปพาตัวหมวดกรานิตมาส่วนเทเลอร์ทีมเอคโค่ จะเป็นคนไปพากลับมาเองซึ่งโซมายาต้องการส่งคนไปช่วย ทว่าถูกบุญส่งปรามเอาไว้ก่อนพร้อมบอกว่าเรื่องนี้พวกเขาจัดการได้ ขอให้กลุ่มต่อต้านอยู่ตรึงกำลังที่นี่จะดีกว่า และพอตกลงหน้าที่กันแล้วทีมอัลฟ่าแยกตัวไปทางที่หมวดกรานิตอยู่ตรงนั้น ส่วนโจแอลหันมาสั่งให้จิตรทิวากับ "เกรย์สัน" อยู่ช่วยกลุ่มต่อต้านตรึงกำลังเอาไว้ อย่าให้ทหารเอสเอสเข้าหมู่บ้านได้แม้แต่คนเดียว
จากนั้นโจแอลพร้อมกับสมาชิกอีก 3 คือ "เคอิตะ" สมาชิกรุ่นสามมีอาวุธประจำกายคือดาบคาตานะคู่ "บุญธรรม" หรือ "three" สมาชิกรุ่นห้าสกิลสายเดียวกับโจแอล และคนสุดท้ายคือ "นาดงชิก" สมาชิกรุ่นหกเป็นสกิลนักสู้ ซึ่งภารกิจนี้เป็นภารกิจแรกของเขาในฐานะสมาชิกหน่วยรบ SAS และทีมเดวิลแบ๊ทส์ ทั้งสี่ต่างวิ่งไปทางที่เทเลอร์อยู่และตอนนี้ ดูเหมือนว่าฝั่งกองรบทหารเอสเอสจะวุ่นวายพอสมควร จนไม่สนใจทีมเอคโค่สี่นายที่ฝ่าวงเข้ามาแล้ว
"นั่นไง" บุญธรรมร้องบอกทุกคนและใช้ปืนในมือจัดการข้าศึกไปสามนาย
"แหม ดูท่าเทเลอร์จะเจอศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อแล้วสินะ" โจแอลว่า
โจแอลพูดแบบนี้ก็เพราะว่าภาพที่เกิดขึ้นคือ การต่อสู้ระหว่างเทเลอร์ในร่างไลแคนกับทหารเอสเอส ที่มีพลัง "สัตว์สมิง" หรือที่เรียกกันตามสากลคือ "บลัดดีรอร์" ซึ่งมีจำนวนอยู่น้อยมากเพราะคนเหล่านี้ มักจะไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนเนื่องจากในอดีตกาล บลัดดีรอร์ถูกต่อต้านจากสังคมมากและหวาดกลัว จนถูกผลักอยู่ในชายขอบของสังคมไปโดยปริยาย ปัจจุบันพวกเขาสร้างประเทศเล็กๆที่เป็นที่อยู่ของตัวเองได้ มีชื่อว่า "ประเทศอาซัด" ผู้รับรองก็คือสหราชอาณาจักไดโดนีอุส
ส่วนในประเทศฟรอนร์เทียร์มีชุมชนสำหรับบลัดดีรอร์อ ตั้งอยู่ที่เขต R ขึ้นไปรับรองโดยรัฐบาลเนื่องจากในสมัยก่อน ช่วงมหาสงครามใหญ่กับเผ่าอันเดด กองทัพของฟรอนร์เทียร์ก็ได้รับแรงสนับสนุนจากบลัดดีรอร์อ ในการร่วมรบเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วนจึงตอบแทนด้วยการมอบสัญชาติให้ นั้นคือเรื่องราวของบลัดดีรอร์อในประเทศและแน่นอนว่า เทเลอร์ก็มาจากชุมชนบลัดดีรอร์อและได้รับพรจากเทพนกฟินิกซ์อีกด้วย เพียงแต่ว่าน้อยคนที่จะรู้ว่าเขาคือบลัดดีรอร์อ
และที่โจแอลรู้ว่าเทเลอร์คือบลัดดีรอร์อ เพราะเคยทำภารกิจบุกเข้าไปช่วย "เจ้าชายฮัมเมย์" แห่งราชวงศ์นอร์นู ที่ถูกกองทัพกบฎตามล่าและในตอนนั้นเอง ที่โจแอลได้เห็นเทเลอร์ใช้พลังสัตว์สมิงสู้กับพวกศัตรู การกระทำครั้งนั้นทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงอย่างปลอดภัย ซึ่งทหารหนุ่มมั่นใจว่ามีหลายคนไม่รู้เรื่องนี้เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับทีมอัลฟ่าที่มีคงคาวิน บุญส่งและจรัสพัฒน์ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อพวกคงคาวินพากันตกตะลึงที่รู้ความจริง
"อย่าไปโกรธเกลียดมันละ" โจแอลหันมากล่าวกับทีมอัลฟ่า
"หือ... ผมจะไปเกลียดเทเลอร์ทำไม" บุญส่งว่าพลางขมวดคิ้ว
"งั้น..... ไปช่วยสหายรบของพวกเรากันดีกว่า" โจแอลพูดและใช้ปืนคู่จัดการทหารเอสเอสด้านขวามือ
ฝั่งของเทเลอร์ที่ตอนนี้เขากำลังรับมือกับทหารเอสเอส ที่มีพลังสัตว์สมิงเหมือนกับตนและดูท่าจะรับมือยาก เพราะร่างหมีของอีกฝ่ายตัวใหญ่มาก แถมยังอึดทนอีกต่างหากแต่อย่างไรก็ตามเขาพบว่า ตัวเขามีชั้นเชิงการสู้มากกว่าทหารเอสเอสคนนี้ และเจ้าตัวจะรู้จุดด้อยตรงนี้ดีจึงใช้ข้อดีของร่างสัตว์สมิง ในความได้เปรียบเรื่องสรีระร่างกายมากกว่า กงเล็บหมีฟันเข้าที่หัวไหล่ของเทเลอร์ยาวมาถึงกลางลำตัว ทว่าทหารหนุ่มก็ไม่สนใจบาดแผลพร้อมกระโจนใช้เล็บจิกหลัง และฝังเขี้ยวใส่ที่ต้นคอของหมียักษ์
เสียงร้องอันเจ็บปวดของสัตว์สมิงทำให้มีทหารเอสเอส คนหนึ่งต้องหันมาที่ต้นเสียงและเมื่อเห็นว่า พวกเดียวกันกำลังแย่จึงไม่รอช้ารีบหันหลังกลับ และใช้ดาบฟันกลางหลังหมาป่าขนสีดำในทันที ความเจ็บแล่นเข้าสมองของเทเลอร์ ทำให้เขาถูกหมียักษ์จับเหวี่ยงไปชนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ทหารเอสเอสคนเดิมเห็นว่าศัตรูอยู่ในสภาพไม่มีทางสู้ จึงคิดจะใช้ดาบแทงลำตัวเทเลอร์ทว่ากลับถูกบุญส่ง ที่วิ่งมาถึงพอดีวิ่งเข้ามากระโดดถีบขาคู่ใส่จนร่างกระเด็น
นาดงชิกที่วิ่งตามหลังมาก็พยายามช่วยพยุงเทเลอร์ ที่ตอนนี้กลับสู่ร่างของมนุษย์อีกครั้งส่วนด้านบุญส่ง ซึ่งเห็นว่าทหารเอสเอสที่พยายามจะฆ่าเพื่อนเขา ลุกขึ้นมาแล้วบุญส่งจึงจัดการด้วยการปล่อยพลังอัสนีที่มือซ้าย อัดร่างข้าศึกปลิวลอยไปไกลกว่าเดิมตรงจังหวะที่จรัสพัฒน์วิ่งมาสมทบ และช่วยนาดงชิกแบกร่างเทเลอร์เพื่อพาออกนอกเขตสู้รบ เสียงโทรจิตส่งจากโจแอลว่าตอนนี้จอร์ติน่าพาหมวดกรานิตกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว ที่สำคัญเบื้องบนมีคำสั่งให้ทีมอัลฟ่ากับทีมเอคโค่ถอยทันที
เสียงร้องตะโกนของโจแอลดังขึ้นทำให้พวกเขา ต้องพากันถอยหนีเพื่อที่จะหลบปืนครกจากฝั่งกลุ่มต่อต้าน ทว่านาทีนั้นเองที่สัตว์สมิงหมียักษ์ปรากฏตัวออกมา หมายจะเล่นงานจรัสพัฒน์กับนาดงชิกที่แบกร่างเทเลอร์อยู่ เดชะบุญที่คงคาวินร่ายเวทใส่ร่างหมียักษ์กระเด็นถอยห่าง ด้านเคอิตะที่วิ่งมาถึงก็ช่วยยกขาเทเลอร์เพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ในที่สุดทีมเอคโค่และทีมอัลฟ่าต่างวิ่งหนีจากสนามรบออกมาอย่างทุลักทุเล พร้อมกับเสียงเรียกของจิตรทิวากับเกรย์สันที่อยู่อีกฝั่ง
ไม่กี่อึดใจหลังจากที่ทั้งสองทีมวิ่งเข้ามาในฝั่งกลุ่มต่อต้าน ก็บังเกิดลูกไฟขนาดเท่ารถถังพุ่งตรงเข้าโจมตีใส่ กลุ่มทหารเอสเอสอีกด้านหนึ่งอย่างรุนแรง ทำให้พวกมันต่างขวัญหนีกระเจิงและไม่นานต่างก็พากันถอย พร้อมกับเสียงโห่ร้องของกลุ่มต่อต้านที่เป็นฝ่ายกุมชัยชนะ หมวดกรานิตหันมาถามโซมายาว่านี่ฝีมือของกลุ่มหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้มาคือในกลุ่มที่เธอดูแลไม่มีใครเป็นจอมเวทเลย ซึ่งดูจากสีหน้าแล้วแสดงว่าเธอไม่ได้โกหก แล้วลูกเวทไฟนี่มันของใครกัน
คำถามของทุกคนก็ได้รับคำตอบเมื่อพวกเขา เห็นทหารคนหนึ่งถือไม้เท้าสีขาวและเดิน ด้วยท่าทีที่สง่างามมากแม้ว่าโจแอลจะไม่ใช่จอมเวทแต่ก็รับรู้ว่า พลังของคนๆนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนและยิ่งเห็นชัดเจนมากขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ส่งผลให้ทีมอัลฟ่าและทีมเอคโค่ พากันทำความเคารพต่อ "พันโทวีร่า" แห่งกองพันทหารฟินิกซ์ รูปร่างของเธออาจดูไม่เหมาะสำหรับเครื่องแบบทหาร แต่ก็มิอาจดูถูกพลังทำลายล้างของเธอ
"หมวดกรานิต" น้ำเสียงผู้พันวีร่าแม้จะราบเรียบแต่ทำไมขนคอมันลุกชันได้ ไม่มีใครรู้
"ครับ ผู้พัน" หมวดกรานิตขานรับด้วยท่าทีขึงขังมาก
"คุณมีเวลา 10 นาทีในการเคลียร์พื้นที่ เราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด" ผู้พันวีร่ากล่าว
หมวดกรานิตพยักหน้ารับคำสั่งและหันมาบอก ให้ทีมอัลฟ่าจัดการช่วยเคลียร์พื้นที่ในหมู่บ้าน ส่วนทางโซมายาถูกผู้พันวีร่าเรียกมาคุยแบบส่วนตัว ในสมรภูมิครั้งนี้กลุ่มต่อต้านเสียกำลังพลไป 60 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 80 เรียกได้ว่ากองร้อยเอสเอสของจักรวรรดิเปรเซียร์ร้ายกาจมาก ไม่นานชาวบ้านทุกคนต่างก็พากันช่วยขนย้ายคนเจ็บ มายังลานกว้างที่แต่เดิมใช้เป็นลานแสดงเริงระบำประจำหมู่บ้าน บัดนี้ถูกใช้เป็นเรือนพยาบาลรักษาคนเจ็บแทน สมาชิกกลุ่มต่อต้านคนหนึ่งอธิบายให้นาดงชิกฟังว่า หมอที่นี่ส่วนใหญ่คือคนที่ถูกรัฐบาลของพระเจ้าวิตตอรีโอหมายหัวเอาไว้ และที่นี่คือปราการสุดท้ายของพวกเขา
ตามลางสังหรณ์ของโจแอลคิดว่าตอนนี้ทหารเอสเอส กล้าบุกฝ่าดงป่าทึบเข้ามายังหมู่บ้านขนาดนี้ได้ รอบต่อไปพวกมันอาจจัดหนักมากกว่านี้และกลุ่มต่อต้านของโซมายา ไม่มีทางต้านได้แน่นอนเพราะกำลังพลมีไม่พอ หนทางเดียวที่จะรอดได้คือต้องพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น จนกว่าสงครามบ้าๆนี้มันจะจบลงแต่ปัญหาคือพวกเขาจะยอมไปหรือ ไม่นานหลังเคลียร์พื้นที่จบลงหมวดกรานิตถูกเรียกไปพบอีกครั้งพร้อมกับโจแอล ส่วนทีมอัลฟ่ากับทีมเอคโค่นั่งรอคำสั่งต่อไป
"เทเลอร์ ทำไมแกไม่บอกพวกเราว่ะ ว่าแกเป็นบลัดดีรอร์" บุญส่งยิงคำถามใส่เทเลอร์ที่พึ่งพื้นกำลังได้
"ไม่เอาน่าโฟร์ ให้เวลามันหน่อยมันเจ็บอยู่นะ" จอร์ติน่ากล่าวตำหนิ
"ไม่เป็นไรจอร์ ฉันขอโทษพวกแกด้วยที่ปิดบังเรื่องนี้ ฉันกลัวว่าพวกแกจะไม่ยอมรับฉันเหมือนเคย" เทเลอร์ว่า
"บ้าหรือไงเพื่อน แกโคตรเท่เลยต่างหากตอนที่แปลงเป็นสัตว์สมิงนะ อีกอย่างเราลงเรือลำเดียวกันแล้วผ่านอะไรมาก็มาก ยังคิดว่าพวกเราไม่ยอมรับแกงั้นเหรอ" จรัสพัฒน์กล่าว
"บ้าหรือไงเพื่อน แกโคตรเท่เลยต่างหากตอนที่แปลงเป็นสัตว์สมิงนะ อีกอย่างเราลงเรือลำเดียวกันแล้วผ่านอะไรมาก็มาก ยังคิดว่าพวกเราไม่ยอมรับแกงั้นเหรอ" จรัสพัฒน์กล่าว
"หมวดกรานิตมาแล้ว" ทุกคนต่างพร้อมกันลุกขึ้นยืนเมื่อหมวดกรานิตและโจแอล เดินมาหาพวกเขาเพื่อที่จะสรุปคำสั่งต่อไป แน่นอนว่าทุกคนต่างลุ้นกันจนแทบลืมหายใจ
"เอาล่ะ ฟังให้ดีนะทางกองพันมีคำสั่งลงมา พวกนายจะได้กลับบ้านให้เวลาอยู่กับครอบครัว 2 วัน แล้วรอคำสั่งต่อไป" หมวดกรานิตกล่าว
"แล้วกลุ่มต่อต้านกับชาวบ้านละครับ เราจะทิ้งพวกเขาเหรอ" ปกป้องถามขึ้น
"เรื่องของพวกเขาไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา กลับกันได้แล้ว" หมวดกรานิตพูดจบก็เดินจากไปในขณะที่ปกป้องเหมือนจะอยากอยู่ช่วยคนที่นี่มากกว่า ซึ่งโจแอลเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
"ไม่ยุติธรรมเลย พวกเขาช่วยพวกเรานะ"
"โลกนี้มีความยุติธรรมด้วยเหรอ ฟังนะสุดขีด ฉันเข้าใจแกว่าแกอยากช่วยแต่ที่นี่มันนอกเหนือหน้าที่พวกเราแล้ว และถ้านายอยากช่วยจริงๆคือช่วยกันหยุดสงครามนี้ต่างหาก" โจแอลกล่าวข้างหูปกป้องและตบไหล่เบาๆ
และแล้วในที่สุดทีมอัลฟ่ากับทีมเอคโค่ต่างก็พากัน ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อที่จะกลับฐานที่มั่นของตนเอง ทุกคนพากันก้มมองหมู่บ้านวิลันดาที่อยู่เบื้องล่าง ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะบินลับตาไป ระหว่างที่อยู่บนเครื่องหมวดกรานิตบอกเสริมว่า ตอนนี้นายกรัฐมนตรี "แมลคัม" อนุญาตให้ชาวหมู่บ้านวิลันดาอพยพเข้าประเทศชั่วคราวได้ จนกว่าสงครามจะยุติส่วนกลุ่มต่อต้านกับโซมายา กำลังจะย้ายฐานกลับไปรวมพลกับสมาชิกกลุ่มต่อต้านด้วยกัน เพื่อวางแผนรับมือกับสงครามของพวกเขาต่อไป
โจแอลคว้าบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟสูบและหันไปมองที่หน้าต่าง ประโยคที่เขาพูดกับปกป้องไปไม่ใช่คำพูดของเขา หากแต่เป็นของ "ร้อยโทบิล แคลโลเวย์" ปู่ของเขาต่างหากบิดาเล่าให้ฟังว่า ที่มาของประโยคนี้เกิดจากการที่ท่านสูญเสียน้องชายเพียงคนเดียวในสงคราม แย่ยิ่งกว่าคือไม่มีใครในครอบครัวยินดีที่ปู่รอดกลับมา แต่กลับเศร้าเสียใจระลึกถึงคนที่จากไปแทน สำหรับชะตากรรมของผู้คนในวันนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง และคงแก้ไขอะไรไม่ได้แม้ว่าตัวทหารหนุ่มยศจ่าจะอยากทำก็ตาม