Chapter 6
โซมายาไม่มีทางลืมภาพที่เธอเห็นแน่นอน เมื่อเทเลอร์ที่เธอปรามาสเอาไว้ได้กลายร่างเป็นไลแคน หรือที่เรียกว่ามนุษย์หมาป่าแต่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดีไม่ดีอาจจะสูงกว่าฮอลเสียด้วยซ้ำร่างไลแคนของเทเลอร์ มีขนปกคลุมสีดำทมิฬราวกับความมืดมิดพร้อมกลืนกินทุกสิ่ง กงเล็บและเขี้ยวที่แหลมแล้วยังมีดวงตาสีแดงฉาน พร้อมจะบดขยี้อริศัตรูให้พินาศย่อยยับ พริบตานั่นไม่กี่อึดใจไลแคนสีดำก็หายตัวไปราวกับล่องหน รู้ตัวอีกทีก็ไปโผล่อยู่วงใจกลางของทหารเอสเอสเสียแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้นของการบรรเลงเพลงนองเลือด
เทเลอร์ในร่างไลแคนไล่ฟาดฟันด้วยกงเล็บสองข้าง โจมตีใส่ทหารเอสเอสโดยที่พวกมันไม่ทันจะตอบโต้กลับ เทเลอร์ไล่ทำลายพวกอาวุธหนักเป็นอย่างแรก เพื่อตัดกำลังของข้าศึกให้ได้มากที่สุดแถมดูจะได้ผล นอกจากจะตัดกำลังแล้วยังทำให้ทหารเอสเอสที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารจากหน่วยรบยูลีอุส ต้องพากันขวัญเสียและมีวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด ทว่าก็หนีไม่ได้ไกลเพราะถูกผู้บัญชาการหน่วยฆ่าทิ้งทั้งหมด หมวดกรานิตที่มองดูอยู่ก็คิดว่าหากตนจัดการกับทหารผู้กองคนนั่นได้ พวกเอสเอสทีเหลือจะยอมศิโรราบอย่างไม่มีเงื่อนไข
เพราะเทเลอร์ทำให้กลุ่มต่อต้านกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง ซึ่งหมวดกรานิตรู้ดีว่ามีบางคนหวาดหวั่นต่อไลแคนพอสมควร อย่างไรเสียเขาก็คงไม่ยอมให้เทเลอร์เอาหน้าคนเดียว ทหารหนุ่มเรียกอาวุธประจำกายออกมา เป็นปืน HK33 พร้อมกับไฟธาตุสีฟ้าทับทิมลุกโชนทั่วพื้นของเขา และดวงตาก็กลายเป็นสีเงินเข้มทันทีจากนั่นเขาก็วิ่งไปรบ พร้อมกับสมาชิกกลุ่มต่อต้านคนอื่น มีเพียงโซมายาที่ยังเหมือนจะปรับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยได้ คำถามมากมายประดั่งเข้ามาจนหญิงสาวไม่แน่ใจว่า อันไหนคือคำถามที่ 1 2 หรือ 3
กิตติมศักดิ์ของหน่วยรบ SAS โซยามาเคยได้ยินมาบ้าง จากผู้นำกลุ่มต่อต้านที่เคยรับราชการเป็นทหาร เล่าให้เธอฟังถึงขีดความสามารถของทหารเอสเอเอสว่า หากไม่จำเป็นอย่าได้คิดเป็นศัตรูกับหน่วยรบนี้เป็นอันขาด เพราะทหารพวกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความโหดเหี้ยมกับความบ้าดีเดือดอย่างเดียว อาจจะมีทหารบางคนที่มีความแตกต่างมากกว่าคนอื่น แฝงอยู่ในหน่วยนี้และคงจะไม่โชว์ตัวง่ายๆอีกด้วย มาในวันนี้หญิงสาวได้ตระหนักแล้วว่าสิ่งที่ผู้นำเล่ามา อาจจะเป็นความจริงมิใช่นิทานหลอกเด็ก อย่างที่ใครหลายคนคิดอีกแล้ว
หมวดกรานิตวิ่งเข้าไปช่วยคุ้มกันหลังเทเลอร์ โดยไม่มีท่าทีหวาดหวั่นต่อไลแคนแต่อย่างใด แถมยังสามารถสั่งการอีกฝ่ายให้ทำลายหน่วยปืนครกของข้าศึก เพื่อเปิดช่องว่างให้กลุ่มต่อต้านตอบโต้กลับได้ โซมายาที่ตอนนี้ตั้งสติได้แล้วก็ทำการสั่งการ ให้สมาชิกคนอื่นๆยึดปืนครกมา และใช้โจมตีใส่ทหารราบที่พยายามเข้าเขตหมู่บ้าน ขณะเดียวกันหญิงสาวก็สังเกตว่าสองทหารจากหน่วยรบ SAS เริ่มวิ่งเข้าไปอยู่ตรงใจกลางศัตรูมากขึ้น นั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนักสำหรับเธอ
ทางฝั่งของคงคาวินได้ใช้เวทสายฟ้ายิงขึ้นเหนือหัว เพื่อให้เฮลิคอปเตอร์มองเห็นจึงได้นำมาลอยเหนือพวกเขา โดยคนข้างบนหย่อนเชือกลงมา ปกป้องพยายามมองหาว่าหมวดกรานิตกับเทเลอร์จะมาเมื่อไหร่ แต่ก็ยังไร้วี่แววของทั้งคู่ซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องดี การที่หัวหน้าทีมหายไปนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก จรัสพัฒน์จึงตัดสินใจให้ชลชาติจับเชือกขึ้นไปพร้อมคุยทางวิทยุว่า พวกเขาจะเดินเท้าเข้าชายแดนอิไพรัสเอง ให้เฮลิคอปเตอร์พานักข่าวคนนี้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
"เอางั้นเลยเหรอ" เสียงจากในวิทยุถามขึ้น
"แน่นอน ที่นี่วิวสวยดีเลยอยากเดินป่าสักหน่อย" จรัสพัฒน์พูดติดตลก
"เออ ไม่เถียงมันสวยจริง เพราะงั้นขอเดินป่าด้วยคนละกัน" มีเสียงเข้ามาผ่านโทรจิตทีมอัลฟ่า ซึ่งพอหลังจากที่ชลชาติขึ้นเฮลิคอปเตอร์อย่างปลอดภัย กลับมีกลุ่มทหารจำนวน 6 คนได้โรยตัวลงจากเฮลิคอปเตอร์
เมื่อทั้งหกคนลงถึงพื้นแล้วเฮลิคอปเตอร์ก็ได้บิน ออกจากพื้นที่ในทันทีส่วนหกคนที่ลงมาเข้าร่วมด้วย คือทีมเอคโค่ที่นำทีมโดย "โจแอล" จากทีมเดวิลแบ๊ทส์ ซึ่งคงคาวินจำได้ว่าอีกฝ่ายพึ่งได้รับการเลื่อนยศ ไม่นานมานี้เองจากผลงานภารกิจเดี่ยวก่อนที่จักรวรรดิเปรเซียร์จะประกาศสงคราม เลยสามารถนำทีมในการปฏิบัติภารกิจได้ แน่นอนว่าสมาชิกอีก 5 คนมาจากทีมเดวิลแบ๊ทส์หมดโดยใช้ชื่อว่า "ทีมเอคโค่" ในมือของทหารยศจ่าเป็นปืนสั้นติดลำกล้องสองกระบอก และยังเก็บเสียงอีกด้วยทว่าที่น่าสะดุดสำหรับบุญส่งก็คงไม่พ้นเลเชอร์ที่ติดอยู่กับปืน
อันที่จริงทีมเอคโค่มีหน้าที่แค่คุ้มกันเฮลิคอปเตอร์ ที่จะมารับทีมอัลฟ่ากับชลชาติทว่าโจแอลพึ่งพบว่า หนึ่งในทีมอัลฟ่ามีสมาชิกทีมเดียวกันอยู่ที่นี่ จึงตัดสินใจที่จะลงมาช่วย จรัสพัฒน์จึงรายงานสถานการณ์ให้กับโจแอล ว่าตอนนี้หมวดกรานิตกับเทเลอร์กำลังช่วยกลุ่มต่อต้าน สู้รบกับทหารหน่วยรบ SS ที่ส่งมาเพื่อล่าหัวชลชาติในตอนนี้ ไม่อาจทราบจำนวนได้ทว่าสิ่งที่ทหารจ่าสนใจไม่ใช่เรื่องทหารเอสเอส แต่เป็นเรื่องที่เทเลอร์มาที่นี่ด้วย
"กลุ่มต่อต้านมีหวังช็อคแน่ๆถ้าเห็นพี่เทเลอร์" คำพูดนี้มาจาก "จิตรทิวา" หรือ "วา" หนึ่งในทีมเอคโค่พูดขึ้น
"ทำไมทุกคนต้องช็อค" คงคาวินหันมาถามด้วยความสงสัย
"อย่าเสียเวลากันเลย พาเข้าหมู่บ้านได้ไหม" โจแอลตัดบทขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างหันมาโฟกัสที่ภารกิจอีกครั้งและพากันวิ่งตรงเข้าไปที่หมู่บ้านในทันที
ระหว่างที่ทีมอัลฟ่ากับทีมเอคโค่กำลังตามมาสมทบ หมวดกรานิตกับเทเลอร์ก็สร้างความบรรลัยให้กับข้าศึก ไปมากไม่ใช่น้อยๆและมีกลุ่มต่อต้านช่วยยิงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ด้านโซมายาก็นำบุกเพื่อตามไปช่วยทหารต่างแดนทั้งสอง ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่เพราะเธอต้องรับมือกับบรรดาทหารเอสเอส ที่พยายามเข้ามาขัดขวางไม่ให้เธอเข้าไปหาหมวดกรานิต ส่วนหมวดกรานิตที่ฝ่าดงข้าศึกมาก็มุ่งตรงไปหาผู้คุมกองรบ ซึ่งกำลังมัวแต่สนใจสั่งการรบไม่ทันได้เห็นว่า ทหารหนุ่มกำลังจะเข้าถึงตัวแล้วพร้อมกับยกปืนขึ้นมาเพื่อทำการเหนี่ยวไก
ทันใดนั้นเองก็มีเงาร่างใหญ่พุ่งเข้ามาโจมตีด้านข้าง ทำให้ร่างของหมวดกรานิตลอยกระเด็นกลางอากาศ และคนที่ทำแบบนั้นเป็นทหารเอสเอสที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเทเลอร์ ด้วยสัญชาตญาณส่งเตือนให้ระวังทหารคนนี้ให้ดี ซึ่งทหารเอสเอสคนนั่นหันไปกล่าวกับผู้บัญชาการ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับไลแคนอย่างไม่เกรงกลัว ทหารหนุ่มจากหน่วยเอสเอสค่อยๆ ถอดหมวกเหล็กออกและปลดเสื้อเกราะออก เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ในระยะที่สายตามองเห็น เทเลอร์จึงพบว่าอีกฝ่ายน่าจะเด็กกว่าเขา
ทหารเอสเอสคนนี้มีผมสีทองตาสีฟ้าและผิวขาว แต่แล้วนาทีต่อมาร่างของทหารหนุ่มก็เริ่มแปรเปลี่ยน จากร่างมนุษย์กลายเป็นหมียักษ์ตัวใหญ่ยืนสองขา พร้อมกับขู่คำรามเหนือหัวก้องกังวานทั่วสมรภูมิ เช่นเดียวกันกับเทเลอร์ในร่างไลแคนก็คำรามแสดงศักดากลับเช่นกัน และแล้วศึกระหว่างหมียักษ์กับไลแคนก็เริ่มขึ้น !