Chapter 5
ทีมอัลฟ่าทุกคนต่างเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับข้าศึก ทว่าหมวดกรานิตกลับสังเกตเห็นบางอย่างจึงสั่ง ให้ทุกคนลดอาวุธลงและตัดสินใจเดินออกมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย นั้นก็เป็นเพราะว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่ทหารของฝ่ายโซเฟีย หากแต่เป็นกลุ่มต่อต้านรัฐาลและทหารจักรวรรดิเปรเซียร์ โดยทหารยศผู้หมวดถามว่าใครคือหัวหน้าทีมซึ่งคนที่ยกมือ เป็นหญิงสาวที่อายุไล่เลี่ยกับหมวดกรานิต เธอมัดผมเป็นก้นหอยและสวมหมวกปกปิดเอาไว้ อาวุธของเธอคือดาบ
"ฉันเองเป็นหัวหน้าทีมนี้ คุณใช่ไหมคือหมวดกรานิตจากฟรอนเทียร์" เธอคนนั่นถามคล้ายกับกำลังตรวจสอบ
"ใช่ผมคือหมวดกรานิต นี่คือลูกทีมผม" หมวดกรานิตตอบ หญิงสาวจากกลุ่มต่อต้านหันมาพูดคุยกับทีมของตนแบบห่างๆ ราวกับระแวงว่าพวกเขาจะได้ยิน สักพักหนึ่งในทีมของเธอก็ทำการวิทยุเพื่อแจ้งใครบางคน
"ฉันชื่อ โซมายา ขอต้อนรับสู่โซเฟียดินแดนแห่งศรีวิไล" เธอกล่าวแนะนำตนเอง แม้ว่าในน้ำเสียงจะมีความประชดจิกกัดประเทศของเธออยู่เล็กน้อย
"นักข่าวคนนั่นอยู่กับคุณเหรอ" หมวดกรานิตถาม
"อยู่ตรงนี้นานไม่ได้ ตามพวกฉันมาดีกว่า" โซมายาว่า
หมวดกรานิตเห็นด้วยจึงสั่งให้ทุกคนตามกลุ่มต่อต้าน เพื่อที่จะเข้าเขตหมู่บ้านซื่อ วิลันดา ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก และยังปลอดทหารโซเฟียอีกด้วย ระหว่างทางโซมายาเล่าให้กับทหารยศผู้หมวดฟังว่า ชลชาติได้พยายามติดต่อกลุ่มต่อต้านผ่านคนกลาง เพื่อที่จะขอสัมภาษณ์ผู้นำกลุ่ม ทว่าเขาได้แค่ลูกน้องสนิทมาสัมภาษณ์แทน โดยมีเงื่อนไขว่ากลุ่มต่อต้านต้องพาลักลอบเข้าเปรเซียร์ได้ และต้องพาออกมาด้วยเพื่อที่จะเปิดโปงความชั่วร้ายของจักรพรรดิ์เคลมองต์กับพระเจ้าวิตตอรีโอ ด้วยเหตุนี้ชลชาติจึงลักลอบเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็น
และพอชลชาติถูกตามล่ากลุ่มต่อต้านที่อยู่ในเปรเซียร์ ก็ทำการส่งตัวชลชาติเข้ามายังโซเฟีย เพื่อที่จะพาไปยังประเทศอิไพรัสที่นั้นนักข่าวจะไม่ถูกตามล่า ทว่าปัญหาคือระหว่างทางพวกหน่วยเอสเอสของจักรวรรดิ ดักโจมตีจมเรือที่ชลชาติโดยสารมาและสมาชิกกลุ่มต่อต้านถูกสังหาร มีแค่ชลชาติที่หลบหนีมาได้โดยการฝ่ามฤตยูความเหน็บหนาว เข้ามายังเขตหมู่บ้านเร็นเนอร์สำเร็จพร้อมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวของกลุ่มต่อต้าน ปัญหาคือที่หมู่บ้านถูกทหารโซเฟียยึดและตามล่าชลชาติด้วย ทำให้ไม่สามารถพาไปหาหมอเพื่อรักษาได้
เทเลอร์จึงถามต่อว่าชลชาติได้รับบาดเจ็บหรือ คำตอบก็คือหิมะและความเย็นจากการเดินฝ่าพายุหิมะ ได้กัดเนื้อเท้าจนแทบจะเน่าและอาจมีอาการติดเชื้อได้ หากไม่ทำการรักษาและด้วยสภาพอาการพื้นที่ตรงนั้นค่อนข้างแย่ จึงพาหมอมาไม่ได้ชลชาติจึงใช้มีดตัดนิ้วกับเนื้อเท้าที่เน่าแล้วทิ้งไป คงคาวินที่ได้ฟังแล้วนับถือในความใจเด็ดของชายคนนี้จริงๆ ล่าสุดตอนนี้ชลชาติปลอดภัยและพร้อมเดินทางกับทีมอัลฟ่าแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หมายความว่ายังไง" จรัสพัฒน์ถามพร้อมขมวดคิ้ว
"ตอนแรกพวกเราตั้งใจจะทำกันแบบเงียบๆ จนกระทั่งพวกนายไปยุ่งกับทุ่งกับระเบิดนั่น" สมาชิกกลุ่มต่อต้านผู้ชายคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก
"แหม ก็ทางฝั่งพวกคุณน่าจะบอกด้วยว่าที่ตรงนั้นมันดันมีวงแหวนเวท กับไอ้สัตว์ประหลาดที่เกิดจากศพของผู้เคราะห์ละก็ พวกผมคงจะหาทางอื่นกันแล้ว" ยูจิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเช่นกัน
"ต้องขออภัยด้วยที่ทางเราก็พึ่งรู้ พวกหมารับใช้วิตตอรีโอทำทุกทางไม่ให้ใครหนีออกจากที่นี่ได้" โซมายาว่า หมวดกรานิตรู้สึกแปลกๆที่อีกฝ่ายเอ่ยชื่อกษัตริย์โซเฟียแบบนี้
เมื่อพ้นป่ามาได้ในที่สุดทีมอัลฟ่าก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนต่างให้การต้อนรับพวกเขาอย่างเป็นมิตร และที่สำคัญเหมือนที่นี่พวกทหารโซเฟียจะเข้ามาไม่ถึง สาเหตุเพราะหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในป่าทึบและห่างไกลเมือง ยากต่อการเดินทางมาได้ซึ่งยูจิคิดว่าพวกนั่นคงไม่อยากเสี่ยงมา เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแล้ว ยังพ่วงไข้ป่าที่อันตรายถึงชีวิตอีกด้วยซึ่งแทนที่จะส่งกองทหารมาคุมที่นี่ สู้เก็บไว้สู้รบกับแพนธีออนยังจะคุ้มค่ากว่า
เมื่อพ้นป่ามาได้ในที่สุดทีมอัลฟ่าก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนต่างให้การต้อนรับพวกเขาอย่างเป็นมิตร และที่สำคัญเหมือนที่นี่พวกทหารโซเฟียจะเข้ามาไม่ถึง สาเหตุเพราะหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในป่าทึบและห่างไกลเมือง ยากต่อการเดินทางมาได้ซึ่งยูจิคิดว่าพวกนั่นคงไม่อยากเสี่ยงมา เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแล้ว ยังพ่วงไข้ป่าที่อันตรายถึงชีวิตอีกด้วยซึ่งแทนที่จะส่งกองทหารมาคุมที่นี่ สู้เก็บไว้สู้รบกับแพนธีออนยังจะคุ้มค่ากว่า
ชาวบ้านหลายคนต่างแจกน้ำแจกอาหารให้กับทีมอัลฟ่า และยังอวยพรให้กับพวกเขาอีกด้วยทว่าเวลามีไม่มาก เพราะถึงแม้ทหารโซเฟียจะไม่มายุ่งย่ามที่นี่จริง แต่ไม่ใช่กับหน่วยรบเอสเอสของจักรวรรดิ เนื่องจากข่าวล่าสุดได้ส่งมาว่าพวกมันมุ่งหน้ามาที่นี่ ด้วยการทำลายป่ามากมายเพื่อเข้าถึงหมู่บ้านแห่งนี้ให้ได้ หมวดกรานิตจึงขอให้โซมายานำทางไปหาชลชาติ โดยพาจรัสพัฒน์กับไคล์ตามไปด้วย ส่วนทีเหลือคอยช่วยกลุ่มต่อต้านคนอื่นๆ ในการดูลาดเลาหนทางข้างหน้าว่าพวกหน่วยรบเอสเอสมาถึงหรือยัง
โซมายาพาทั้งสามมายังกระท่อมหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้ๆกับริมแม่น้ำสำหรับตกปลาซึ่งมีชายสองคน กำลังหาปลาด้วยตาข่ายจับปลาและเมื่อเห็นหญิงสาว ก็ต่างโบกมือทักทายก่อนจะหันมาจับปลาต่อ โซมายาทำการเคาะประตูและเดินเข้าไปในกระท่อม โดยหมวดกรานิตเดินตามหลังเห็นหญิงวัยกลางคน กำลังทำการต้มอาหารบนหม้อใหญ่อยู่ แต่ที่ทหารยศผู้หมวดสนใจคือชายที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ต่างหาก ชลชาตินั่นเอง
"ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถออกไปต้อนรบคุณได้" ชลชาติหันมากล่าว ไคล์ก้มมองที่เท้าของอีกฝ่ายมีผ้าพันแผลที่เท้าหลายชั้นมาก
"ไม่เป็นไร ผมทราบดีว่าคุณผ่านอะไรมาค่อนข้างลำบาก แต่ผมรับรองว่าจะพาคุณกลับบ้าน" หมวดกรานิตพูด
สักพักจอร์ติน่าก็วิ่งพรวดเข้ามาและรายงานว่า ตอนนี้ทางฝั่งศูนย์บัญชาการจะส่งเฮลิคอบเตอร์เข้ามาที่นี่ พวกเขามีเวลาเตรียมตัวแค่เพียง 5 นาที ชลชาติที่ได้ยินก็ลุกจากโต๊ะเดินมาทางหญิงวัยกลางคน พร้อมกล่าวขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันโซมายาก็ได้รับรายงานทางวิทยุมา ว่าตอนนี้หน่วยรบเอสเอสจำนวน 30 นาย กำลังมาถึงหมู่บ้านแล้ววิลันดาแล้วในไม่ช้า เธอจึงหันมาบอกให้ทีมอัลฟ่ารีบพาตัวชลชาติไปจากที่นี่ เธอกับสมาชิกกลุ่มต่อต้านคนอื่นๆจะถ่วงเวลาให้
หมวดกรานิตพยักหน้าและหันมาสั่งให้จอร์ติน่า รีบไปบอกลูกทีมอัลฟ่าเตรียมตัวออกเดินทาง ส่วนจรัสพัฒน์กับไคล์ช่วยคุ้มกันชลชาติออกจากที่นี่ ทั้งหมดออกจากตัวบ้านกระท่อมก็พบว่า ชาวบ้านต่างพากันหนีเข้าใต้ดินโซมายาอธิบายว่า มันเอาไว้ใช้ในยามที่เกิดสงครามเมื่อนานมาแล้ว ยามสงบมันจะถูกใช้เก็บเสบียงซึ่งมันบรรจุได้เกือบทั้งหมู่บ้าน ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงระเบิดก็ดังลั่นมาแต่ไกลบ่งบอกให้รู้ ว่าตอนนี้หน่วยรบเอสเอสได้เข้ามาถึงเขตหมู่บ้านแล้ว โซมายาสั่งให้สมาชิกคนอื่นๆเตรียมออกไปสู้รบ เพื่อถ่วงเวลาให้กับทีมอัลฟ่า ขณะเดียวกันจอร์ติน่าก็แจ้งว่าทางเฮลิคอบเตอร์ส่งพิกัดมาให้แล้ว
และพิกัดที่ว่าคือเส้นทางที่พวกเขาพึ่งผ่านเข้ามา โดยทางคนขับบอกว่าพวกเขาจะหย่อนเชือก ให้พวกเขาไต่ขึ้นไปแทนเพราะสภาพภูมิศาสตร์ไม่อาจเอาลงจอดได้ หมวดกรานิตจึงบอกให้ยูจิกับปกป้องนำพาชลชาติไปที่พิกัด ส่วนคนที่เหลือคุ้มกันหลังเผื่อหน่วยเอสเอส อาจจะใช้เส้นทางอื่นเพื่อเข้ามาทางหมู่บ้านได้ หมวดกรานิตหันไปทางที่กลุ่มต่อต้านกำลังสู้กับหน่วยเอสเอส เขารู้สึกได้ว่า 30 นายฝ่ายข้าศึกอาจทะลวงเข้ามาถึง ก่อนที่พวกยูจิจะพาชลชาติขึ้นเฮลิคอบเตอร์ได้ และแล้วสายตาของทหารหนุ่มก็มาทางเทเลอร์ที่อยู่ใกล้ๆ
"เทเลอร์มากับฉันช่วยกลุ่มต่อต้านสู้กับพวกเอสเอสหน่อย" หมวดกรานิตสั่งและเตรียมอาวุธของตนเอง
"รับทราบ" เทเลอร์รับคำและวิ่งนำหน้าก่อนใครเพื่อน แต่บุญส่งกลับไม่เห็นด้วย
"หมวดคิดจะทำอะไรครับ...." บุญส่งยังพูดไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน
"ไปได้แล้ว ! นี่เป็นคำสั่ง"
เจอคำนี้เข้าไปบุญส่งก็ได้แต่ทำตามและวิ่งตามหลังคงคาวิน ส่วนด้านฝั่งเทเลอร์ที่วิ่งจากในหมู่บ้านก็มาถึงพวกโซมายา ซึ่งกำลังโดนทหารเอสเอสรุมอยู่ ทหารหนุ่มไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปช่วยในทันที เขาจับร่างของข้าศึกสองคนเหวี่ยงไปกระแทกกับโขนหิน และวิ่งมาช่วยพยุงโซมายาที่กำลังหมดแรงพอดี แต่สิ่งที่เธอสนใจคือเทเลอร์ก็ไม่ได้กำยำอะไรมาก เทียบกับ "ฮอล" ที่ตัวใหญ่สุดและกำยำกว่า เธอเชื่ออยู่แล้วว่าฮอลทำได้ทว่ากับเทเลอร์ ที่ดูยังไงส่วนสูงก็ไม่ถึง 180 เลยกลับมีพละกำลังเท่ากับฮอลอย่างนั่นหรือ
"โซมายา คุณเป็นยังไงบ้าง" หมวดกรานิตวิ่งเข้ามาถามเธอด้วยความเป็นห่วง
"ทำไมคุณกับเขายังอยู่" โซมายาถาม
"ถามแปลก ก็มาช่วยคุณไงตอบแทนที่คุณช่วยคนของเรา ไม่ตอบแทนเลยมันไม่ใช่นิสัยผม" หมวดกรานิตตอบ
หญิงสาวยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อทหารเอสเอสไม่ได้มาแค่ 30 คนอย่างที่เข้าใจ แต่มันมากันเป็นร้อยๆเพื่อไล่ล่าคนเดียวคือชลชาติ หมวดกรานิตที่เห็นแบบนั่นรู้ในทันทีว่าความลับที่ชลชาติได้มา คงจะเป็นเรื่องลับมากที่จักรพรรดิเคลมองค์ไม่ต้องการให้มันเผยแพร่ออกไป เจตนาส่งกำลังพลมาขนาดนี้แสดงว่าต้องการให้ความลับนี้ ตายไปกับนักข่าวนามชลชาติด้วย ด้านโซมายาที่ตอนนี้มีแค่เธอคนเดียวที่มีวิทยุ จึงต้องขอกำลังเสริมมาช่วยเพราะคนของเธอสู้ไม่ไหวแน่นอน
ทว่าทันใดนั่นเองที่โซมายาต้องตะลึงเบิกตาโตอีกครั้ง เมื่อเธอได้เห็นพลังที่แท้จริงของทหารหนุ่มนามว่า เทเลอร์