Chapter 4
หมวดอันเดรสนำทางทีมอัลฟ่ามายังตรงตะเข็บชายแดน ที่ใกล้มากพอจะลักลอบเข้าชายแดนประเทศโซเฟียมาได้ ทว่าต่อจากนี้ไปพวกเขาต้องข้ามกันเอาเอง ข้อมูลที่หมวดอันเดรสให้มาหลังจากที่ "พระเจ้าวิตตอรีโอ" ตัดสินใจพระทัยเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิเคลมองต์ สถานการณ์ระหว่างสองประเทศอย่างโซเฟียกับอิไพรัส ก็ถึงขั้นวิกฤตหนักมากโดยเฉพาะกับชายแดน มีคนส่งทหารมาฝังกับระเบิดไม่ให้มีผู้หลบหนีข้ามชายแดนสำเร็จ ซึ่งโดยส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มต่อต้านพระเจ้าวิตตอรีโอ น้อยคนที่จะรอดข้ามมาได้
ดังนั้นวิธีการเดียวที่จะเอาชีวิตรอดได้คือการร่วมกลุ่ม และก่อความวุ่นวายต่างๆเพื่อตัดกำลังกองทัพ ที่พระเจ้าวิตตอรีโอตั้งใจจะส่งไปช่วยจักรวรรดิเปรเซียร์รบ และกลุ่มต่อต้านคือตั๋วใบเดียวที่ชลชาติจะรอดพ้นจากการถูกตามล่า แต่ปัญหาใหญ่คือพวกเขาต้องข้ามทุ่งกับระเบิดที่ทหารโซเฟียฝังเอาไว้ ที่สำคัญซากศพของคนโชคร้ายที่เหยียบกับระเบิด ยังนอนเกลื่อนกลาดเต็มไปหมดและไม่ได้รับการเก็บกวาด ส่งผลให้ศพเริ่มเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็นจนปกป้องอาเจียนออกมา
เดชะบุญที่หมวดกรานิตทำการบ้านมาค่อนข้างดี จึงหันมาสั่งเทเลอร์นำเครื่องสแกนหากับระเบิดออกมา ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่พึ่งผลิตออกมาไม่นาน มันมีขนาดเล็กกว่ารุ่นเดิมเป็นแบบพกพา มันจะกระจายสัญญาค้นหาเป็นรัศมีวงกว้างกว่า ไม่นานเครื่องก็ส่งสัญญาณเตือนพร้อมแสดงจุดสีแดงบนจอ ดูเหมือนว่าบริเวณเบื้องหน้าของพวกเขาตอนนี้ จะเต็มไปด้วยกับระเบิดนับร้อยหากเดินไม่ระวังละก็ คงได้นอนเป็นเพื่อนคนโชคร้ายก่อนหน้านี้แน่นอน
"เอาล่ะทุกคนฟังนะ ฉันจะเดินนำเองให้พวกนายเกาะไหล่เป็นแถวตรง ห้ามแตกขบวนเด็ดขาด" หมวดกรานิตกล่าว ซึ่งทีมอัลฟ่าต่างก็จัดแถวตรงและจับหัวไหล่กันตามคำสั่ง
"หมวดกรานิตครับ ถ้าเราข้ามไปได้แล้วจะมีใครมารับไหมครับ" เทเลอร์ถามขึ้น
"อาจเป็นกลุ่มต่อต้านหรือเราต้องไปกันเอง" หมวดกรานิตตอบก่อนจะลุกเดินนำทาง
ปกป้องซึ่งอยู่คนสุดท้ายของขบวนก็หันมาเห็นว่า หมวดอันเดรสกับทหารอิไพรัสต่างยืนลุ้นให้กำลังใจ หวังว่าพวกเขาจะสามารถข้ามทุ้งกับระเบิดได้สำเร็จ ซึ่งเด็กหนุ่มก็หวังให้เป็นแบบนั้นเพราะบริเวณนี้เงียบมาก เทเลอร์จึงบอกให้คนข้างหลังระวังตัวด้วยการดูรอบๆแบบ 180 องศาหากทำได้ ปกป้องจึงหันหลังให้กับขบวนแล้วให้ยูจิจับกระเป๋าสะพายหลัง ด้านหมวดกรานิตก็เดินช้าๆพลางดูเครื่องสแกนไปด้วย และเมื่อพบว่าทางมีกับระเบิดเขาก็รีบพาทีมเลี่ยงทางอื่น
หมวดกรานิตใช้วิธีนี้จนจะสามารถเข้าถึงเขตแดนโซเฟียได้แล้ว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อสายตาของจอร์ตินา หันไปเห็นบางอย่างที่ใจกลางทุ้งระเบิด ซึ่งรายล้อมด้วยเหล่าเหยื่อสังเวยมากมายได้บังเกิดควันสีดำ มันได้ดูดซากศพบริเวณก่อเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างอัปลักษณ์ มันมีหลายหัวแต่ที่เด่นคือหัวที่สูงที่สุดเป็นศีรษะผู้หญิง กระดูกที่เกิดจากศพเน่าเปื่อยถูกแปรสภาพกลายเป็นอาวุธมีคม ที่หากโดนเข้าไปละก็เตรียมลงไปนอนกับรากมะม่วงได้เลย
บุญส่งได้ยินคำอุทานของไคล์ดังจากข้างหลัง แต่คงคาวินก็หันไปเห็นวงแหวนเวทปรากฏที่พื้น วงแหวนเวทนี้ทหารเวทหนุ่มจำได้ดีว่ามันเป็นโลโก้ของจอมเวทสายปลุกชีพ จึงร้องเตือนกับทุกคนในทีมว่าวิธีจัดการมัน คือต้องทำลายวงแหวนเวทเท่านั้นไม่อย่างนั้นมันก็จะกลับมาร่วมตัวได้อีก แต่ปัญหาคือวงแหวนเวทมันอยู่ใกล้ๆกับเจ้าสัตว์ประหลาดตนนั้น แปลได้ว่าพวกเขาต้องสู้กับมันเพื่อที่จะผ่านไปให้ได้ไม่เช่นนั้นภารกิจได้ล่มก่อนแน่นอน ทว่าในนาทีต่อมาก็เกิดเสียงปืนดังขึ้นเมื่อทีมอัลฟ่าหันไปต้นเสียง พบว่าหมวดอันเดรสและทหารคนอื่นๆช่วยกันระดมยิงเจ้าสัตว์ประหลาดตนนั้น
"ทีมอัลฟ่าไปเลย พวกเราจะถ่วงเวลาให้ เร็ว !" หมวดอันเดรสร้องตะโกนบอกแข่งกับเสียงปืนกล
แต่คงคาวินรู้ดีว่าเจ้าจอมเวทคนนี้มันต้องรู้แน่นอนว่า ผู้บุกรุกเลือกที่จะหาทางข้ามเขตมากกว่าจะเสียเวลาสู้ ดังนั้นมันอาจจะใช้เวทสองชั้นปิดกั้นทางเข้าไว้ เมื่อคิดแบบนั้นคงคาวินก็คว้าก้อนหินมาและขว้างใส่ทางเข้าเขตโซเฟีย ผลคือก้อนหินแตกกระจายต่อหน้าทีมอัลฟ่า เพราะมีบางอย่างที่พวกเขามองไม่เห็นปิดกั้นเอาไว้ หมวดกรานิตที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ในทันทีว่า ไม่มีประโยชน์ที่หมวดอันเดรสจะช่วย เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาต้องสู้กับมัน
"เอาล่ะฉันนำบุกเอง บุญส่ง โจ จอร์ติน่า ไคล์ ยูจิ และสุดขีดตามฉันมา ส่วนนายเทเลอร์คุ้มกันคงคาวินทำลายวงแหวนเวทนั้นชะ เราจะเสียเวลาตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด" หมวดกรานิตสั่งการพร้อมกับเปิดฉากโจมตีก่อน ด้วยการคว้าปืนลูกซองแฝดทรงยาวออกมาและยิงใส่มันทันที
"เทเลอร์ตามมา" คงคาวินตะโกนบอกและลุกวิ่งตรงไปทางวงแหวนเวทอยู่ ส่วนเทเลอร์คว้าปืนกลมือออกมาและวิ่งตามไล่หลังคงคาวินมาติดๆ
ระหว่างที่วิ่งมาคงคาวินเขาใช้เวททำให้ทุ้งระเบิดทำงาน เพื่อใช้ควันในการพรางตาเจ้าสัตว์ประหลาด ด้านเทเลอร์ที่วิ่งตามติดๆก็ทำแบบเดียวกัน แต่เขาใช้ก้อนหินปาใส่กับระเบิดที่รายล้อมตัวมัน ทว่ามันกลับไม่ระคายผิวเจ้าสัตว์ประหลาดแต่อย่างใด แถมสายตาของมันยังจับจ้องมาที่ทหารเวทหนุ่ม ซึ่งกำลังวิ่งไปทำลายวงแหวนเวทที่มันทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ ในนาทีนั้นเองที่บุญส่งรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเพื่อน จึงไม่รอช้าวิ่งพุ่งตรงไปหามันในทันทีพร้อมกับดวงตากลายเป็นสีฟ้า
และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆ พลังอัสนีก็ปรากฏที่มือสองข้างของเขา และพอเข้ามาในระยะประชันชิดมันก็ง้าอาวุธ เข้าโจมตีใส่ทหารหนุ่มหากแต่เขาลงมือก่อน บุญส่งปล่อยพลังอัสนีจากมือขวาอัดใส่หน้ามันเต็มๆ ร่างของมันเซถอยหลังในทันที เป็นการเปิดช่องว่างให้คนทีเหลือเข้าโจมตีระลอกสอง ไคล์ที่ตามมาถึงเป็นคนที่สองและจับหอกสามง่าม ทิ่มแทงเข้าที่สีข้างของมัน ไฟธาตุอัคคีได้แผดเผาภายในร่างกายของมัน จึงส่งเสียงเรียกอย่างโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ยังไม่พอจรัสพัฒน์ใช้กงจักรมือขวาเข้ามาฟันซ้ำที่แผลเก่าอีกระลอก
เจ้าสัตว์ประหลาดร้องตะโกนด้วยความเดือดดาล จึงเหวี่ยงแขนใส่ทหารหนุ่มเต็มแรงทว่าไคล์ใช้โล่อันเล็ก กันการโจมตีเอาไว้ทำให้เขาไม่ค่อยปลิวตามแรงนัก ส่วนจรัสพัฒน์ปล่อยอาวุธกงจักรออกไปโจมตี เพื่อเปิดทางให้จอร์ติน่ากับยูจิใช้ดาบฟาดฟันมันได้ แต่ยุวชนทหารกลับพบว่าบาดแผลของมันกลับสมานเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว จึงส่งโทรจิตบอกกับทุกคนถึงสิ่งที่เขาเห็น ซึ่งสำหรับคงคาวินมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเจ้าหน้าอัปลักษณ์ตนนี้เกิดขึ้นจากเวท ก็ต้องทำลายด้วยเวทเช่นกัน
"ทุกคนถอยออกมา !" คงคาวินร้องตะโกนบอกและร่ายเวทย์โจมตีใส่เจ้าสัตว์ประหลาดทันที หมวดกรานิตสั่งให้ทุกคนถอยออกมายกเว้นแค่คงคาวินกับเทเลอร์
"เจ แกจัดการวงแหวนเวทนั้นเลย ฉันจะถ่วงเวลาให้" เทเลอร์ร้องตะโกนบอกและหันปืนกระหน่ำยิงใส่ไม่ยั้ง
คงคาวินพยักหน้าเล็กน้อยและวิ่งตรงมาที่วงแหวนเวท นั้นทำให้เจ้าสัตว์อัปลักษณ์เลิกสนใจเทเลอร์ หันมาทางทหารเวทหนุ่มแทน ทว่ามันลงมือช้าเกินไปเมื่อคงคาวินร่ายเวทย์ศรอัสนี และกระหน่ำโจมตีใส่วงแหวนเวทที่พื้นทันที ผลคือวงแหวนเวทแตกสลายหายไปพร้อมกับเสียงโหยหวนของมัน ก่อนจะสลายกลายเป็นผงฟุ้งกระจายในอากาศ หมวดอันเดรสและทหารอิไพรัสคนอื่นๆต่างหายใจด้วยความโล่งอก เทเลอร์เดินมาหาคงคาวินและยื่นมือมาเพื่อพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน
เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความสงบแล้วหมวดกรานิตเรียกรวมพล เทเลอร์และคงคาวินก็วิ่งมาสมทบกับคนอื่น พอมากันครบแล้วทหารยศผู้หมวดก็สั่งเดินหน้า เพื่อเข้าเขตแดนของโซเฟียได้สำเร็จ ซึ่งหมวดอันเดรสที่ยืนมองอยู่ก็ได้แต่อวยพร ขอให้สหายรบทำภารกิจลุล่วงและกลับมาได้อย่างปลอดภัย ด้านทีมอัลฟ่าที่เข้ามาในเขตประเทศโซเฟีย หนทางเบื้องหน้าเป็นป่าทึบพอสมควรซึ่งหากไม่ชำนาญการเดินป่า อาจจะหลงทางหรือเจอปัญหาที่หนักกว่าได้ ทว่านี่คือหน่วยรบ SAS ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรทุกรูปแบบแล้ว แค่นี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาหวั่นเกรงแต่อย่างใด
"หมวดครับ มีเสียงเท้าคน" เทเลอร์กล่าวกับหมวดกรานิต ซึ่งทำให้คงคาวินและคนอื่นๆขมวดคิ้ว
"มากันกี่คน" หมวดกรานิตถามต่อ
"ประมาณเจ็ดคนครับ" เทเลอร์ตอบ บุญส่งที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม สงสัยว่าทำไมเทเลอร์ถึงบอกว่าได้ยินเสียงเท้าเดิน ทั้งที่พวกเขาไม่มีใครได้ยินเลยแถมยังรู้จำนวนคนด้วย
"เทเลอร์ นายรู้...."
"ทุกคนหลบมีคนมาทางเรา" หมวดกรานิตสั่งการ ทำให้ทีมอัลฟ่าพากันวิ่งหลบที่มุมป่าทึบเพื่อซ่อนตัว ขณะเดียวกันก็พบว่ามีกลุ่มคนติดอาวุธเดินมาจริงและมีจำนวนทั้งหมด 7 คน ตามที่เทเลอร์บอกไม่มีผิด