บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 สาเหตุของรอยยิ้มที่หายไป (2)

รุ่งเช้า

ร่างสูงโปร่งของหัวหน้าบอดี้การ์ดในชุดเสื้อวอร์มสวมใส่สบายกำลังก้าวเท้าย่ำรักษาจังหวะการวิ่งบนลู่วิ่งด้วยความเร็วต่างจากทุกวันเพราะร่างกายของเขายังคงเจ็บปวดแต่เขาไม่สามารถละเลยการออกกำลังกายที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวันได้

ในทุก ๆ วันอนณจะเข้ามาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอรวมถึงเหล่าลูกน้องคนอื่น ๆ ที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ด้วย หลังจากวิ่งจนครบเวลาระยะเวลาอนณก็เดินลงจากลู่วิ่งเดินออกจากห้องออกกำลังกายกลับเข้าสู่ห้องของตัวเอง ทิ้งไว้เพียงสายตาของลูกน้องที่มองตามก่อนจะหันไปพูดคุย

"กูสงสัยว่าหัวหน้าอนณเคยยิ้มบ้างหรือเปล่าวะ" ลูกน้องคนหนึ่งพูดออกมาเสียงดังหลังจากเห็นว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดเดินพ้นไปแล้ว

"เออว่ะ ตั้งแต่เข้ามากูก็ไม่เคยเห็นหัวหน้ายิ้มเลยสักครั้งนึงคนอะไรน่าขนลุกเป็นบ้า เย็นชาสุด ๆ แถมยังโหดอีกต่างหาก " อีกคนพูดตามจากการสังเกตของตัวเอง

"แต่ก็น่าแปลกที่หัวหน้าอนณเป็นลูกคนทรยศแต่คุณนคินทร์กลับเลี้ยงไว้อยู่ข้างกาย ไม่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือยังไงวะ" เสียงที่สามพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง

"มึงพูดเบา ๆ สิวะเดี๋ยวก็โดนดีหรอก" คนพูดคนแรกพูดเตือนเพื่อนที่พูดพล่ามพลางมองไปรอบข้างอย่างระแวดระวังเพราะกลัวใครจะได้ยินสิ่งที่พวกตนเองพูด

"เออ ๆ กูไม่พูดแล้ว" คนที่พูดคนขึ้นมาคนที่สามตอบรับด้วยความกลัวไม่แพ้กันก่อนที่ทั้งสามคนจะตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังและเปลี่ยนเป็นพูดเรื่องอื่น

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครจะพูดถึงหัวหน้าบอดี้การ์ดในทางนั้น เพราะเจ้าตัวเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับสาบานจะรับใช้เจ้านายแทนบิดาที่จากไปในวันที่อนณอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น

อนันต์ กิจภักดี อดีตหัวหน้าบอดี้การ์ดข้างกายนายใหญ่ของตระกูลอัครวรางกูลถูกกล่าวหาว่าทรยศหักหลังและเป็นผู้ลงมือสังหารผู้เป็นเจ้านายตามคำกล่าวอ้างที่รุนแรงในเหตุการณ์และคนที่พูดก็คือคุณนพรุจ อัครวรางกูรลูกของภรรยาคนที่สองและคุณนิรันดร์ อัครวรางกูรหรือที่รู้จักกันในนามคุณเล็กลูกของหญิงรับใช้ที่มีความสัมพันธ์เพียงชั่วคืนแต่กลับตั้งท้องขึ้นมา

โดยทายาททั้งสองคนให้การไปในทิศทางเดียวกัน

ในรายงานของตำรวจที่สืบสวนคดีแจ้งว่าระหว่างทางกลับบ้านจากการเจรจาธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จ อยู่ ๆ รถยนต์ของคุณนพดลที่ใช้งานเป็นปกติกลับเกิดระเบิดกลางทางส่งผลให้นายใหญ่ของตระกูลอัครวรางกูลเสียชีวิตทันทีด้วยแรงระเบิดที่มีกำลังสูงทำให้ร่างกายแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดีมีเพียงแหวนประจำตระกูลที่สวมอยู่ในนิ้วกับนาฬิกาที่เจ้าตัวสวมในวันนั้นเป็นตัวระบุตัวว่าเป็นนพดลที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุพร้อมกับคนขับรถและบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนกลายเป็นเรื่องเศร้าและเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่นานหลายเดือนสร้างความสะเทือนใจไม่น้อย

และคนที่ถูกต้องสงสัยก็คืออนันต์ หัวหน้าบอดี้การ์ดที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญเนื่องจากไม่ได้อยู่ในรถในวันนั้นซึ่งปกติเจ้าตัวจะต้องเป็นคนที่อยู่เคียงข้างนายใหญ่โดยไม่เคยอยู่ห่างกายเลยสักครั้ง

วันต่อมาจดหมายสารภาพความผิดเรื่องการทรยศหักหลังกลับวางอยู่บนที่นอนพร้อมกับร่างของหัวหน้าบอดี้การ์ดที่กลายเป็นศพจากการกินยาฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด

ส่วนคนที่เป็นภรรยาจากการบอกเล่าต่อกันมาพอเธอรู้ข่าวว่าสามีเป็นคนทรยศจนถึงขั้นเป็นผู้ต้องสงสัยลงมือฆ่าเจ้านายตัวเองทันทีที่รู้ข่าวเธอก็ช็อกหมดสติจนหัวฟาดพื้น ตื่นขึ้นมาอีกทีกลับกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนจำอะไรไม่ได้

นั่นเป็นเพียงเรื่องพูดที่ส่งต่อกันมา ไม่มีใครรู้สาเหตุจริง ๆ

หลังจากการเสียชีวิตของนายใหญ่ของตระกูลอัครวรางกูลทำให้ลูกชายที่มีเพียงคนเดียวที่กำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศแตกสลาย ทำให้เขารู้สึกขมขื่นอาฆาตแค้นและเป้าหมายการลงโทษของนครินทร์ก็ไม่ใช่ใครอื่น

อนณ กิจภักดีลูกชายเพียงคนเดียวของอนันต์ กิจภักดีถูกนำตัวมาที่ตระกูลอัครวรางกูลในวัยเพียงสิบแปดปีจากคำสั่งของผู้นำตระกูลในวัยยี่สิบสามปีที่เข้าดำรงตำแหน่งแทนบิดาอย่างรวดเร็ว

อนณในวันสิบแปดปีเพิ่งรบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกถูกพามายังคฤหาสน์ที่บิดาเคยทำงานเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ด

อนณถูกฝึกฝนอย่างหนักแม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นบุตรชายของคนทรยศ อนณก็ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดแม้ว่าจะมีเสียงประท้วงจากญาติของนคินทร์ที่ไม่อนุมัติให้รับลูกหลานของคนทรยศเข้ามาในครอบครัวก็ตามแต่พอได้รับคำรับรองจากคุณนิรันดร์หรืออาเล็กของคุณนคินทร์ซึ่งเป็นคนที่ให้ความนับถือทุกคนกลับนิ่งเงียบไม่คัดค้านแต่อย่างใดเพราะคุณนคินทร์นั้นให้ความรักและเคารพไม่ต่างจากบิดาทำให้ไม่มีใครกล้าโต้แย้งใด ๆ ส่วนคุณนพรุจหรืออารองก็ไม่ปากมีเสียงเพราะไม่เคยสนใจไยดีหลานชายอยู่แล้วแค่เพียงตัวเองได้รับเงินใช้อย่างไม่ขาดมือทุกอย่างก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น

อนณตั้งใจแน่วแน่ที่จะชดใช้ความผิดที่ถูกกล่าวหาของพ่อโดยไม่ลังเลใจเขาให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีอย่างแน่วแน่ต่อเจ้านายโดยเต็มใจที่จะเป็นมือเป็นเท้าและยินดีชดใช้ในสิ่งที่บิดาถูกกล่าวหาอย่างไม่มีข้อโต้แย้งและปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัดตามคำสัตย์ปฏิญาณที่เคยให้ไว้ต่อหน้าหลุมศพของผู้นำตระกูลไม่ว่าผู้นำตระกูลต้องการให้ไปทางไหนก็จะตรงไปตามเส้นทางนั้นด้วยความเต็มใจ แม้ว่าเส้นทางตรงหน้าจะเป็นทางไปสู่ขุมนรกก็ตาม

อนณถูกจำกัดให้อยู่ในคฤหาสน์ไม่ได้ออกไปไหนตามใจชอบยกเว้นตามเจ้านายออกไปทำงานหรือหากจะไปเยี่ยมมารดาที่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชอนณก็ต้องมีคนคอยเฝ้าตามติดไม่ห่าง

หลังจากกล่าวคำปฏิญาณว่าจะอยู่รับใช้เจ้านายจนกว่าชีวิตจะหาไม่ชีวิตของอนณก็ไม่ได้เป็นของตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้นเพราะ

ร่างกายอนณเป็นของนคินทร์

จิตวิญญาณอนณเป็นของนคินทร์

แม้แต่ตอนนี้หัวใจอนณก็ยังยกให้นคินทร์ไปด้วย แต่ถึงแม้ว่าอนณจะตั้งใจอุทิศตนให้กับผู้เป็นนายเพียงใดเขาก็ไม่เคยได้รับความไว้ใจจากผู้เป็นนาย เขาอยู่ที่นี่เหมือนเป็นนักโทษมีคนคอยตามติดตลอดและทุกคนก็รู้ว่าอนณเป็นลูกชายของผู้ทรยศไม่ว่าคนใหม่ที่เข้ามาหรือแม้แต่คนแปลกหน้าก็ตาม

...

กาสิโน

"นายครับวันนี้รับเหมือนเดิมไหมครับ" เซนลูกน้องคนสนิทเปรียบดั่งมือซ้ายเอ่ยกับผู้เป็นนายที่นั่งทำงานด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

"ไอ้อนณมันกลับมาหรือยัง" นคินทร์ถามอย่างไม่ใส่ใจแต่ไม่มีใครรู้เท่าเซนว่าเจ้านายต้องการฟังคำตอบอยู่

"ยังครับเห็นว่าช่วงนี้แม่มันอาการไม่ค่อยดีครับผมเพิ่งได้รับรายงานจากไอ้โคลเมื่อกี้นี้ครับ" เซนตอบด้วยน้ำเสียงติดประหม่าเล็กน้อย พลางสังเกตสีหน้าเจ้านายไปด้วยเพราะนายแพทย์ที่ดูแลแม่ของอนณทำงานหละหลวมอย่างเห็นได้ชัด หลังจากแม่ของอนณอยู่ที่นั่นมาหลายปีเหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่เริ่มปล่อยปละละเลย อาการเจ็บป่วยของแม่อนณถึงไม่ได้รับการแจ้งอย่างรวดเร็วถึงหูเจ้านาย

"ทำไมเรื่องนี้ไม่มีใครรายงานสงสัยกูจะต้องโล๊ะแพทย์ชุดนั้นออกทั้งหมด เรื่องนี้ให้มึงไปจัดการส่งทีมแพทย์ฝีมือดีไปแล้วอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก" นครินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เหลือบมองเซนอย่างเย็นชาทำให้เซนรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ

"เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ"

"มึงไปเปลี่ยนให้ไอ้โคลมันอยู่เฝ้าส่วนมึงไปพาไอ้อนณมาที่นี่แล้วจัดการเรียกใครขึ้นมาให้กูสักคน"

"ได้ครับนาย" เซนรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานกดโทรศัพท์ส่งข้อความบอกเพื่อนสนิทที่เป็นเหมือนมือขวาเจ้านาย ซึ่งตอนนี้คอยติดตามอนณอยู่ อันที่จริงทั้งเขาและโคลก็เป็นฝ่ายผลัดกันตามติดอนณและคอยดูไม่เคยห่างสายตายกเว้นว่าอนณนั้นอยู่ที่คฤหาสน์ซึ่งสถานที่นั้นอนณจะอยู่ในสายตาคุณนคินทร์ตลอดเวลาอยู่แล้ว

เป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงไม่มีใครรู้เรื่องราวที่แท้จริงว่าเหตุใดคุณนคินทร์ถึงให้คนตามติดอนณเป็นเงาตามตัวนอกจากเจ้าตัวเพียงคนเดียว ตามความคิดของเซนและโคลไม่มีความเชื่อเลยสักนิดว่าเป็นเพราะคุณนคินทร์ไม่ไว้ใจหัวหน้าบอดี้การ์ด แต่มันเป็นเพราะอะไรนั้นขึ้นอยู่กับเจ้านายบอกกล่าวเพียงคนเดียว หากบอกว่าเพราะไม่เชื่อใจทุกคนก็พร้อมที่จะเชื่อตามที่เจ้านายบอกอย่างไร้ข้อกังขา

ไม่นานนักขายร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำทั้งตัวพร้อมกับใบหน้าที่เรียบเนียนและหล่อเหลาตลอดกาลก็เข้ามาปรากฏตัวในห้องทำงานพร้อมกับผู้ชายหน้าสวยนามว่าภีมนายบำเรอเบอร์สามซึ่งมีขนาดตัวเทียบเท่ากับอนณที่ถูกตามตัวมารับใช้เจ้านายถึงที่นี่

ภีมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอายุเพียงยี่สิบปีและวันนี้ก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีพร้อมจะทำหน้าที่บำเรอเจ้านายนอกสถานที่ และพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่นายบำเรอเบอร์หนึ่งได้ทำไว้

ร่างสูงเพรียวจากการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีตอนนี้เปลือยกายอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานที่มีเจ้าของกาสิโนนั่งจัดการเอกสารอยู่อย่างเคร่งเครียดไม่ได้สนใจร่างขาวของนายบำเรอที่กำลังยืนโก้งโค้งพร้อมรับการเตรียมพร้อมจากหัวหน้าบอดี้การ์ดที่กำลังยืนสวมถุงมือยางสีดำด้านหลัง

เจลหล่อลื่นถูกนำออกมาจากกระเป๋าพร้อมด้วยถุงยางไซซ์พิเศษหนึ่งกล่องกับถุงยางไซซ์ปกติถูกวางลงบนโต๊ะทำงานโดยมีภีมรับช่วงต่อ มือขาวจัดการแกะกล่องถุงยางไซซ์ตัวเองก่อนจะสวมครอบท่อนลำขนาดพอดีมืออย่างรู้หน้าที่ก่อนจะเท้ามือไปยังโต๊ะทำงานที่มีคนนั่งหน้าเครียดพ่นควันบุหรี่ฟุ้งไปทั่วห้องโดยที่สายตาก็ไม่ละจากเอกสาร และไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า

"อึก!" เสียงกลั้นครางเล็ดลอดออกมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้ยามที่นิ้วเรียวที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นสอดเข้ามาภายในถึงแม้ว่าภีมจะเตรียมตัวมาแล้วแต่การที่ถูกนิ้วเรียวของคนที่ตนเองแอบชื่นชอบก็ทำเอาภีมรู้สึกดีไม่น้อย เอาเป็นว่าไม่ใช่แค่ภีมที่ชอบให้หัวหน้าบอดี้การ์ดเตรียมตัวคนอื่น ๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ในฐานะนายบำเรอก็ชื่นชอบเช่นเดียวกันหากเป็นไปได้ก็อยากจะตกเป็นของคุณอนณสักครั้งแต่เพราะยังอยากมีชีวิตอยู่นาน ๆ จึงได้แค่คิดอยู่ในใจเพียงแค่นั้น อันที่จริงคุณนคินทร์ก็ไม่แย่แต่ติดเพียงว่าเวลาคุณนคินทร์นั้นไม่ได้มีอารมณ์ร่วมใด ๆ จากการร่วมรักเขาเพียงแค่ต้องการปลดปล่อยเท่านั้นและไม่เคยมีสักครั้งที่ภีมจะเสร็จสมไปพร้อมกันกับคุณนคินทร์เพราะอีกฝ่ายนั้นถือว่าพวกนายบำเรอเป็นแค่เครื่องปลดปล่อยระบายความเครียด เพียงแค่ตัวเองเสร็จสมงานของนายบำเรอก็จบ

ซึ่งมันก็ชัดเจนดีเพียงแค่ภีมอดทนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเงินก็มาลอยอยู่ตรงหน้าแล้ว

เสียงอึกอักด้วยความเสียวถูกริมฝีปากบางกลั้นเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมา จึงมีเพียงเสียงดังเฉอะแฉะในช่องทางรักที่ถูกนิ้วเรียวชักเข้าชักออกเกิดเป็นเสียงดังฟังดูลามก มือขาวของภีมจับขอบโต๊ะเกร็งแน่นยามเมื่อถูกนิ้วเรียวสอดเข้ามาเป็นนิ้วที่สี่ เพื่อรองรับท่อนลำอันใหญ่โต

"อึก!"

"เจ็บหน่อยนะครับ" อนณยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบโทนเสียงเดียวกันด้วยน้ำเสียงไม่ดังนักเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของคนที่กำลังนั่งทำงาน อนณส่งก้านนิ้วครบจำนวนเคลื่อนไหวหมุนคว้านภายในช่องทางที่คุ้นเคย ไม่นานนักน้ำหล่อลื่นจากช่องทางก็ไหลรวมกับเจลหล่อลื่นที่ฉ่ำเยิ้มจนนิ้วทั้งสี่เคลื่อนไหวเข้าออกไหลลื่นพร้อมรับสิ่งที่ใหญ่โต

"พร้อมแล้วครับคุณนคินทร์"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel