บทย่อ
เมื่อหัวใจมีแต่ความแค้น บทสรุปจึงเหลือแต่ความว่างเปล่า... แนะนำเรื่อง นคินทร์ อัครวรางกูล อายุ 32 ปี เพราะความแค้นที่พ่อถูกฆ่าตาย นคินทร์จึงพาลูกชายของคนทรยศมาเก็บไว้ใกล้ตัว 'ต่อไปนี้มึงคือหมารับใช้ของกู' 'เป็นหมารับใช้แทนพ่อมึงที่ทรยศพ่อของกู' 'อย่าให้กูเห็นว่ามึงมีความสุข อย่าให้กูเห็นรอยยิ้มของมึง' 'ไม่อย่างนั้นคนที่มึงรักที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวจะไม่มีโอกาสได้หายใจ' ************* อนณ กิจภักดี อายุ 25 ปี ตกเป็นเหยื่อของความแค้น ผู้ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชายของคนทรยศอนณชีวิตเด็กหนุ่มในวัยสิบแปดปีต้องถูกจำกัดอิสระชีวิตเหมือนถูกกักขัง คำปฏิญาณว่าจะอยู่รับใช้เจ้านายจนกว่าชีวิตจะหาไม่ชีวิตของอนณก็ไม่ได้เป็นของตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น ร่างกายอนณเป็นของนคินทร์ จิตวิญญาณอนณเป็นของนคินทร์ แม้แต่ตอนนี้หัวใจอนณก็ยังยกให้นคินทร์ไปด้วย ************* เนื้อหาบางส่วน ปัง!! ปัง!! ปัง!! อึก!! เสียงปืนที่ดังสนั่นเงียบลงพร้อมกับร่างชุ่มเลือดของอดีตหัวหน้าบอดี้การ์ดที่ค่อย ๆ ทรุดตัวลงแต่ใบหน้าที่มองไปยังเจ้านายนั้นกลับเต็มไปด้วยความยินดีที่เห็นว่าผู้ชายที่เขารักปลอดภัย อนณพยายามส่งยิ้มที่ฝืดเฝื่อนให้คนที่ตัวเองรักทั้งที่ตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวใบหน้าขาวซีดไร้สี กับความเจ็บปวดที่ส่งผ่านบนใบหน้าทำเอาคนที่เห็นรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวทรมานร่างสูงทรุดลงกอดคนน้องแน่นร้องตะโกนเรียกชื่ออย่างบ้าคลั่ง "ไม่..ไม่ ไม่!! อนณ...นณตื่นฟื้นขึ้นมา ฮึก!" อนณรู้สึกว่าตอนนี้เขาเริ่มจะไม่ไหวร่างกายเจ็บปวดไปทุกขณะเขาฝืนความเจ็บยกมือขึ้นแตะใบหน้าคนที่ตัวเองรัก "พี่..ปลอดภัย..ฮึก พี่..คินทร์..พี่ลูบผมให้ผมหน่อยได้ไหมครับ..ผมลืมความรู้สึกในตอนนั้นไปแล้ว..."
บทที่ 1 สาเหตุของรอยยิ้มที่หายไป (1)
คฤหาสน์อัครวรางกูล
หลังจากฌาปนกิจศพของผู้นำตระกูลในวัยเพียงสี่สิบแปดปีหลังจากถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานีและการตายของคนเป็นพ่อก็ทำให้ผู้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวเจ็บแค้นจึงต้องจับตัวลูกชายของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความแค้นในเมื่อคนพ่อไม่อยู่ลูกชายของมันจึงเป็นเพียงคนเดียวที่ต้องรับกรรมที่พ่อมันก่อ
ผลั๊ว!! เสียงหมัดดังกึกก้องปะทะกับใบหน้าสวยของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความขมขื่นภายใน จนหลงลืมไปแล้วว่าเด็กตรงหน้าเคยเป็นน้องชายที่ตัวเองรักเพียงใดเพราะต้องการแก้แค้นให้กับพ่อตัวเองนคินทร์ในวัยยี่สิบห้าปีจึงเอาทุกอย่างมาลงกับคนที่เป็นลูกชายของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศฆ่าได้แม้กระทั่งเจ้านายตัวเองเพื่อเงินว่าจ้างจากคู่แข่งทางการค้าทำให้พ่อของนคินทร์ตายไปโดยที่ลูกชายอย่างเขาไม่มีโอกาสได้บอกลา
คำพูดที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลในใจเต็มไปด้วยไฟโทสะร้อนแรง สายตาเย็นเยียบพวยพุ่งไปยังเด็กหนุ่มที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้น
กระเบื้องเย็นนอกบ้านอย่างไร้ความปรานีท่ามกลางสายตาที่จ้องมองอย่างเห็นอกเห็นใจ
'ต่อไปนี้มึงคือหมารับใช้ของกู'
'เป็นหมารับใช้แทนพ่อมึงที่ทรยศพ่อของกู'
'อย่าให้กูเห็นว่ามึงมีความสุข อย่าให้กูเห็นรอยยิ้มของมึง'
'ไม่อย่างนั้นคนที่มึงรักที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวจะไม่มีโอกาสได้หายใจ'
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทมันสะท้อนก้องอยู่ภายในหัวของเด็กหนุ่มในวัยสิบแปดปีด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจทั้งที่ตัวเองก็เจ็บปวดรวดร้าวจากการเพิ่งสูญเสียพ่อไปไม่ต่างกันแต่ก็ทำได้เพียงยอมรับในสิ่งที่พ่อถูกกล่าวหาถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร
เจ็ดปีต่อมา
คฤหาสน์อัครวรางกูล
ห้องแดง
"อื้อ.." เสียงอึกอักอย่างคนอดกลั้นที่เล็ดลอดออกมาเล็กน้อยในลำคอบ่งบอกถึงความสุขเสียวซ่านที่ได้รับ นายบำเรอเบอร์หนึ่งที่ถูกเลือกเข้ามาทำหน้าที่ในคืนนี้กำลังนอนบิดเร้าไปมาบนเตียงนุ่ม ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเหยเกเพราะความเสียวซ่านที่จากการกระทำของหัวหน้าบอดี้การ์ด
เสียงหวานถูกข่มกลั้นบนหมอนนุ่มเพราะเป็นกฎที่ห้ามส่งเสียง จึงได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์ยามนิ้วเรียวที่อยู่ในถุงมือยางสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวล้วงลึกภายในช่องทางรักที่เต้นตุบตุบเตรียมความพร้อมเพื่อรอรับสิ่งที่ใหญ่กว่า
"อีกนิ้วนะครับ" เสียงพูดด้วยความสุภาพ ความเย้ายวนตรงหน้าไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งรู้สึกหวั่นไหว เพราะนี่ถือเป็นงานที่ต้องทำอีกงาน
"อ๊ะ คุณอนณ นาวาเจ็บจังครับ" ร่างเล็กที่ถูกนิ้วเรียวสี่นิ้วสอดคว้านด้านในเพื่อเบิกทางถึงกับดิ้นเร่า ใบหน้าสวยเชิดขึ้นจากหมอนเพราะความเจ็บและเสียว
"ขอโทษครับแต่เพื่อคุณนาวาเอง รบกวนอดทนด้วยครับ" เสียงราบเรียบเอ่ยกับชายหน้าหวานตรงหน้าเจลหล่อลื่นถูกเทราดช่องทางสีสวยอีกครั้งเพื่อให้ช่วยบรรเทาความเจ็บโดยที่นิ้วเรียวทั้งสี่นิ้วยังคงสอดเข้าออกเตรียมความพร้อมไม่หยุดจนช่องทางไหลลื่นเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น รู้สึกถึงช่องทางที่คลายออกพรั่งพร้อมได้ที่ ร่างโปร่งจึงได้ถอยออกมาจากการทำหน้าที่
"พร้อมแล้วครับคุณนคินทร์" น้ำเสียงราบเรียบอย่างไร้อารมณ์เอ่ยแจ้งแก่ผู้เป็นเจ้านายก่อนจะก้าวถอยหลังออกห่างจากกิจกามที่กำลังจะเกิด ถุงมือยางสีดำถูกรูดออกก่อนจะสอดเข้ามาเก็บในกระเป๋ากางเกงไม่ได้ทิ้งเอาไว้ให้เกะกะสายตาผู้เป็นนาย
ร่างสูงตระหง่านที่กำลังยืนสูบบุหรี่ในชุดเสื้อคลุมสีดำตัวเดียวเผยให้เห็นท่อนลำมโหฬารพร้อมจะปลดปล่อย ใบหน้าคมคายหันมามองนายบำเรอที่นอนอ้าขารอด้วยสีหน้าเย้ายวนด้วยความเชิญชวน
มือหนายกบุหรี่ขึ้นสูบก่อนจะทิ้งบุหรี่บนที่เขี่ยเท้าแกร่งเดินเข้ามายังร่างเล็กของนายบำเรอที่กำลังจับเท้าเรียวยกขึ้นสูงจนถึงหัวไหล่เปิดเปลือยช่องทางรักสีชมพูที่อ้าออกพร้อมกับเจลหล่อลื่นที่ถูกราดจนช่องทางฉ่ำเยิ้มรออยู่ที่ปลายเตียง มือใหญ่จับรูดท่อนลำของตัวเองก่อนจะสอดเข้าช่องทางที่อยู่ตรงหน้าอย่างแรงในครั้งเดียวจนคนใต้ร่างกรีดร้องเพราะความเจ็บต่างจากตอนที่ได้รับการเบิกทางรอลิบลับ ใบหน้าสวยเหยเกเพราะความเจ็บที่แล่นริ้วไปทั่วร่างจนเหมือนร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เผลอร้องครวญครางเสียงดังลืมหมดสิ้นสิ่งที่เคยได้รับการเตือน
สวบ!
"อ๊า จุกคะ..คุณนคินทร์ อื้อ..เจ็บ" ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างโถมกายแกร่งกระแทกไม่ยั้งด้วยความเร็วแรงและถี่ยิบไม่สนใจว่านายบำเรอจะร้องเจ็บปวดทรมานเพียงใด
ปัก! ปัก!
"อ๊ะ อ๊ะ บะเบาหน่อยครับ เจ็บ" เสียงร้องอ้อนวอนเพราะความเจ็บปวดที่ถูกกระแทกอย่างหนักทำเอานาวาหนึ่งในนายบำเรอของเจ้าของคฤหาสน์ที่กำลังตอกอัดด้วยความรุนแรงมีอารมณ์หงุดหงิด ใบหน้าคมเข้มคิ้วขมวดเพราะเสียงร้องอันน่ารำคาญ กายแกร่งถอดถอนออกมาจากช่องทางสีชมพูที่ขมิบตอดรัดอากาศทันทีที่ความใหญ่โตถูกถอดถอนก่อนจะออกคำสั่งเสียงเย็น
"ออกไป!"
"คุณคินทร์ นาวาขอโทษครับเรามาต่อกันเถอะนะครับ" นายบำเรอที่เพิ่งร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทำสีหน้าตกใจที่ถูกไล่ก่อนจะสวมกอดเอวหนาอย่างอ้อนวอน
"กูบอกให้ออกไป!" น้ำเสียงอันเยือกเย็นตัดผ่านอากาศ ทำให้เกิดอาการสั่นสะท้านไปตามกระดูกสันหลังทำเอานายบำเรอผวารีบปล่อยมือแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องด้วยความกลัว
ร่างสูงหนึ่งเก้าสิบเซนติเมตรเดินมาหยุดลงต่อหน้าหัวหน้าบอดี้การ์ด ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเขาลดมือลงฟาดหน้าของหัวหน้าบอดี้การ์ดเป็นการลงโทษ ความแรงที่ฟาดลงบนใบหน้าขาวของหัวหน้าบอดี้การ์ดส่งผลให้ใบหน้าหันไปตามฝ่ามือทันที
เพี้ยะ!!
"กูบอกมึงหลายครั้งแล้วให้เตือนมันว่าอย่างร้องไห้ให้กูรำคาญ ไปจัดการอย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก" เสียงเกรี้ยวกราดพูดต่อว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดดังก้องไปทั่วห้องแต่ไม่ส่งผลให้คนตรงหน้าเผยสีหน้าแต่อย่างใด
"ครับนาย"
ดวงตาสีเหลืองอำพันที่ลุกโชนด้วยความเกลียดชังชัดเจนก่อนจะเดินออกมาจากห้องแดงที่เอาไว้ใช้สำหรับกิจกรรมดังกล่าวโดยเฉพาะเสื้อคลุมสีดำของเขาปลิวไสวไปข้างหลังเขาขณะที่เขาจากไปเผยให้เห็นท่อนลำชูชันกวัดแกว่งไปมาตามอารมณ์ที่ยังคงคุกรุ่นจากความกระสันที่ยังไม่ดับลง เขาเดินออกมาโดยไม่สนใจรูปลักษณ์ที่ไม่เรียบร้อยขึ้นไปยังห้องส่วนตัวบนชั้นสามของคฤหาสน์ ซึ่งตั้งอยู่ในชั้นบนสุดทางปีกขวาเป็นสถานที่ที่ไม่เคยถูกรบกวนยกเว้นโดยหัวหน้าบอดี้การ์ดเพียงคนเดียว
ปึก! เสียงประตูปิดด้วยเสียงดังกึกก้องตามด้วยเสียงคลิกอันชัดเจนของการล็อกห้องที่มีแสงสว่างสลัวร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำเรียบหรูยืนด้วยท่าทีสงบนิ้วเรียวเล็กของเขาค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นจนกระทั่งร่างขาวยืนเปลือยเปล่า เท้าก้าวย่างอย่างมั่นคงเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงดวงตาสีนิลจ้องไปยังท่อนลำแกร่งที่กระตุกหงึกหงักอย่างรอคอยการปลดปล่อย ร่างสูงโปร่งของคนที่มีหน้าที่เตรียมความพร้อมเดินมาอยู่ตรงหน้าเพื่อทำหน้าที่แทนนายบำเรอที่เพิ่งถูกไล่ออกไปปากบางอ้าอมท่อนลำรูดรั้งขึ้นลงไปมาปลุกเร้าสร้างอารมณ์ก่อนจะนอนลงบนเตียงหรูหราร่างเพรียวอ้าขาเรียวอ้าอย่างคนไร้ยางอายใบหน้าหล่อเหลาของหัวหน้าบอดี้การ์ดยังคงราบเรียบยามท่อนลำสอดลึกโจนจ้วงเข้ามายังช่องทางที่ไร้การเบิกทาง ไร้เสียงครวญครางไร้เสียงอ้อนวอนมีเพียงบางครั้งที่ใบหน้าที่เคยราบเรียบไม่ปรากฏอารมณ์จะบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บที่ได้รับคลุกเคล้ากับลมหายใจที่หนักหน่วงเพื่อระงับความเสียวซ่านที่พุ่งทะยานเข้ามา
ห้องนอนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด มีเพียงเสียงจังหวะของเนื้อหนังปะทะกันและเสียงหอบหายใจ กลิ่นคาวของน้ำรักที่ไหลออกมาปนเปื้อนกระจายฟุ้งไปทั่วห้องผสมผสานกลิ่นเหงื่อและความปรารถนาที่แทรกซึมอยู่ในอากาศตลอดค่ำคืนจนถึงเช้าทุกอย่างถึงได้สิ้นสุด ร่างเพรียวกัดฟันแน่นข่มอาการเจ็บแสบตรงช่องทางหลังที่ถูกกระทำอย่างไม่ปรานียาวนานหลายชั่วโมงเขาขยับออกจากกายแกร่งที่เพิ่งปลดปล่อยในรอบสุดท้าย
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดหยัดกายลงบนพื้นลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่กองซ้อนกันสวมใส่อย่างเรียบร้อยอย่างเช่นขามา เขาเดินกลับมาเก็บซากถุงยางอนามัยที่ถูกทิ้งเกลื่อนพื้นด้วยขาสั่นเทาที่ยังไม่จางหาย ความเจ็บแปลบตรงช่องทางยังคงเสียดแทงอยู่ตลอดเวลาแต่ใบหน้ายังคงไม่เปิดเผยอารมณ์ ร่างสูงที่นอนมองหัวหน้าบอดี้การ์ดที่เพิ่งรับศึกหนักก้ม ๆ เงย ๆ เก็บซากถุงยางที่ใช้แล้วรอยยิ้มชั่วปรากฏบนริมฝีปากของเขาก่อนที่จะกลับคืนสู่ความเย็นชาตามเดิม
"กูให้เวลาสิบนาทีจัดการให้เรียบร้อย" คำสั่งอันเยือกเย็นของเจ้านายแผดเสียงไปในอากาศก่อนจะก้าวผ่านไปยังห้องน้ำอย่างไม่สะทกสะท้านไม่วายทิ้งสายตาเหยียดมาที่หัวหน้าบอดี้การ์ด ที่ยืนตอบรับคำสั่งด้วยอาการนิ่งสงบ
"ครับ" ร่างโปร่งของหัวหน้าบอดี้การ์ดเดินไปที่เตียงเปิดไฟโคมเพื่อให้แสงสว่างดวงตาสีนิลมองไปยังคราบที่เปื้อนไปด้วยเศษความเร่าร้อนของพวกเขาก่อนจะจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผืนใหม่ที่ยับยู่ยี่อย่างรวดเร็วเท้าเรียวเดินยังที่ตู้เสื้อผ้าแบบ walk in closet มือขาวหยิบชุดนอนของเจ้านายมาวางบนเตียงอย่างพิถีพิถัน
เมื่อทุกอย่างดูเรียบร้อยดีแล้วสองมือก็โอบอุ้มผ้าปูที่นอนจัดการเอาลงไปซัก ไม่ลืมเก็บซากถุงยางติดมือลงมาทิ้ง ด้วยใบหน้าหล่อเหลายังคงราบเรียบไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย
ส่วนคนที่อยู่ในห้องน้ำหลังจัดการชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ชุ่มตัวก็เดินออกมาในชุดคลุมตัวใหม่ เขาก้าวมาหยุดที่เตียงใหญ่ที่ถูกเปลี่ยนเรียบร้อยผ้าปูเตียงถูกจัดดึงจนเรียบกริบสายตาคมกริบมองไปยังชุดที่ถูกวางเตรียมไว้ มือหนาจัดการปัดชุดที่ถูกจัดเตรียมไว้โยนมันทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่ไยดีก่อนจะล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าจมดิ่งเข้าสู่นิทรา
...
ห้องนอนชั้นสองตรงตำแหน่งเดียวกับห้องนอนใหญ่บนชั้นสามของผู้เป็นนาย ร่างโปร่งที่เดินอย่างมั่นคงมาตลอดทางพอถึงห้องตัวเองกลับทรุดลงข้างเตียงทันทีด้วยความเจ็บแสบตรงช่องทางจนไม่สามารถยืนต่อได้
ตุบ!
อึก! เสียงร้องด้วยความเจ็บแปลบตรงช่องทางที่เสียดสีไม่หยุดจากการฉีกขาดทำเอาใบหน้าที่เคยไร้อารมณ์บิดเบี้ยวไปจากเดิมหลายเท่านัก อนณทิ้งร่างนอนหงายปล่อยร่างกายที่อ่อนล้าได้พัก
ใบหน้าแสนอ่อนล้ามองเหม่อไปยังเพดานห้องที่มืดมิดก่อนจะพยุงร่างแกร่งของตัวเองเข้าไปจัดการทำความสะอาดแล้วขึ้นมานอนบนที่นอนโดยไม่ลืมทายาตรงส่วนที่ถูกใช้งานมาอย่างหนักและทานยาแก้ปวดที่ซื้อเตรียมไว้ไม่นานนักร่างกายที่เหนื่อยล้าก็สงบนิ่งเหลือเพียงลมหายใจสม่ำเสมอ
และเป็นอีกวันที่ผ่านพ้นไปด้วยดี